อุทาหรณ์ติดแก๊ส ชนไฟลุก แฉโดนอู่แหกตา

"เสียหลักเพลิงลุกไหม้"


เมื่อเวลา04.35 น. วันที่ 13 ต.ค. ร.ต.อ.ธีระ คำหอมชื่น ร้อยเวรสภ.อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม รับแจ้งเหตุรถชนกัน และมีเพลิงลุกไหม้ บนถนนบรมราชชนนี บริเวณหน้าศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก หมู่ 6 ต.ศาลายา จึงเดินทางไปตรวจสอบ ที่เกิดเหตุฝั่งขาเข้ากรุงเทพฯ พบรถเก๋งโตโยต้า วีออส สีเทาดำ ทะเบียน ษม 7050 กรุงเทพมหานคร จอดเสียหลักอยู่กลางถนน เพลิงโหมลุกไหม้รุนแรงอย่างน่ากลัว

ในที่เกิดเหตุมีนายชวรณ เบญจาธิกุล อายุ 22 ปี เจ้าของรถ และเป็นนักศึกษาคณะวิศวะคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยราชมงคลธัญบุรี จ.ปทุมธานี อยู่บ้านเลขที่ 1669/842 หมู่บ้านปิ่นเจริญ แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กทม. ยืนมองรถด้วยอาการตื่นตกใจปนสายตาละห้อยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตามลำตัวมีบาดแผลเล็กน้อย พร้อมร้องตะโกนห้ามไม่ให้ผู้ใดเข้าใกล้ตัวรถ เพราะมีกระสุนอยู่ในรถหลายนัด หลังนายชวรณพูดจบก็มีเสียงคล้ายระเบิดดังติดต่อกันเป็นระยะ ทำเอาผู้ที่พบเห็นเหตุการณ์พากันวิ่งหนีตายกันโกลาหล กว่าเจ้าหน้าที่จะควบคุมเพลิงไว้ได้ใช้เวลาพอสมควร จนเพลิงเผารถวอดทั้งคัน

"ถนนลื่นเลยพุ่งชนเสยท้ายอย่างแรง "


สอบสวนนายชวรณให้การว่า ขับรถกลับจากทำรายงานบ้านเพื่อนที่หลังมหาวิทยาลัยมหิดลศาลายา มุ่งหน้ากลับบ้านมาตามถนนบรมราชชนนี โดยขับมาเลนขวาสุด ด้วยความเร็ว 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ถึงที่เกิดเหตุฝนกำลังตกพรำๆ ได้มีรถพ่วง 18 ล้อ ที่ขับนำหน้าอยู่เลนกลางได้หักพวงมาลัยแซงคันอื่นตัดหน้ากระชั้นชิด ทำให้เบรกไม่ทัน ประกอบกับถนนลื่นเลยพุ่งชนเสยท้ายอย่างแรง ด้านหน้ารถยุบพังยับขับต่อไปไม่ได้

หลังเกิดเหตุรถคู่กรณีได้เร่งเครื่องหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว ระหว่างที่ตนลงจากรถโทรศัพท์แจ้งประกันภัย และขอความช่วยเหลือจากเพื่อนอยู่นั้น เหตุการณ์ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อจู่ๆเกิดไฟลุกไหม้ขึ้นที่ห้องเครื่องก่อนมีเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว กระโปรงหน้ารถกับหลังคากระเด็นปลิวว่อนไปตกที่ถนนฝั่งตรงข้าม ทำเอาพลเมืองดีที่จอดรถจะช่วยเหลือและไทยมุงต่างวิ่งหนีตายกันโกลาหล

"ไม่ใช่ก๊าซเอ็นจีวี"


หนุ่มนักศึกษาเจ้าของรถ ให้การอีกว่า รถเก๋งคันดังกล่าวได้ไปติดตั้งระบบใช้แก๊สเพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายที่อู่แห่งหนึ่งแถวอ่อนนุช กทม. โดยมีวิศวกรควบคุม และมีประกันคุณภาพอย่างดี เสียค่าใช้จ่ายไปเกือบ 50,000 บาท ภายหลังได้รับชดเชยกลับมา 10,000 บาท ซึ่งทางร้านบอกว่าเป็นระบบก๊าซเอ็นจีวี ที่มีความปลอดภัยสูง เลยทำให้มีความมั่นใจและหลงเชื่อ แต่พอเกิดอุบัติเหตุขึ้น ไม่ทราบว่าเกิดระเบิดขึ้นมาได้อย่างไร เพราะเท่าที่ทราบระบบก๊าซเอ็นจีวีหากมีไฟลุกไหม้จะไม่ระเบิดเด็ดขาด

ต่อมานายเอนกทัศน์ หอมหวล เจ้าหน้าที่ฝ่ายควบคุมคุณภาพ และบริการลูกค้าบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เดินมาตรวจสอบซากรถที่ สภ.อ.พุทธมณฑล โดยชี้จุดข้อสังเกต และอุปกรณ์ต่างๆให้เจ้าหน้าที่ดูพร้อมยืนยันว่ารถคันที่เกิดเหตุใช้ระบบแก๊สแอลพีจี ไม่ใช่ก๊าซเอ็นจีวีตามที่เจ้าของรถกล่าวอ้าง เพราะถ้าเป็นระบบก๊าซเอ็นจีวีจะเติมก๊าซที่ห้องเครื่อง

"จริงๆเป็นแอลพีจี"


และเมื่อติดตั้งแล้วจะได้รับการตรวจสอบความปลอดภัยจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และใบรับรองอักษรย่อ cng ติดที่หน้ารถ โอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุถึงขั้นไฟลุกไหม้ ถังก๊าซจะไม่ระเบิดเด็ดขาด เพราะมีความแข็งแรงและปลอดภัยสูง ที่บอกว่ารถคันดังกล่าวใช้แก๊สแอลพีจีเพราะเติมแก๊สที่ถังกระโปรงท้ายรถอีกทั้งระบบการติดตั้งก็ไม่ได้มาตรฐาน

รายงานข่าวแจ้งว่าสำหรับก๊าซเอ็นจีวี เป็นก๊าซธรรมชาติที่ทางบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ผลิตแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย และจะมีให้บริการเฉพาะที่ปั๊ม ปตท. เท่านั้น ส่วนแอลพีจีเป็นแก๊สหุงต้มที่มีปั๊มให้บริการต่างหาก ส่วนใหญ่รถแท็กซี่จะใช้แก๊สแอลพีจีกันมาก เพราะการติดตั้งและราคาค่าแก๊สถูกกว่าระบบก๊าซเอ็นจีวี ทั้งนี้ พ.ต.อ.สมเดช ฐิตวัฒนะสกุล ผกก.สภ.อ.พุทธมณฑล กล่าวว่า ได้รับรายงานถึงอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นแล้ว ทราบว่าหากเจ้าของรถติดตั้งระบบแก๊สแอลพีจีจริง ทางบริษัทประกันภัยจะไม่รับผิดชอบค่าเสียหาย ซึ่งจะได้สอบสวนผู้เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการต่อไป


แหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์