คมชัดลึก :จับสาววัย28ปลอมเป็นราชนิกุลชื่อ "หม่อมอุ๋มอิ๋ม" บุกโรงพักบางเขน ขอพบผู้กำกับ ยื่นเอกสารอย่ายึดสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ ตำรวจไม่หลงกล วางแผนจับพร้อมหนุ่มใหญ่สกุลดัง อ้างเป็นเลขาฯ เผยพฤติกรรม เปลี่ยนชื่อนำหน้าจาก "น.ส." เป็น "ม.ล."
เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 10 กุมภาพันธ์ พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.)
พร้อมด้วย พล.ต.ต.สาโรจน์ พรหมเจริญ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 (ผบก.น.2) และ พ.ต.อ.พัฒนา เพศยนาวิน ผู้กำกับการ (ผกก.) สน.บางเขน ร่วมกันแถลงผลจับกุมผู้ต้องหา 2 คน ซึ่งแอบอ้างเป็นราชนิกุลชั้นสูง คือ นายปิญช์ มาลากุล ณ อยุธยา อายุ 42 ปี และ น.ส.จุฬาลักษณ์ ฟอสเตอร์ หรือ “หม่อมอุ๋มอิ๋ม” อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 35/76 หมู่ 3 แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพฯ พร้อมของกลางซองเอกสารสีน้ำตาล 1 ซอง และเอกสารที่มีตราประทับประจำราชสกุลกิติยากร เลขที่ ม.ญ.จ. 51-1/53 ลงวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2553 อีก 1 ฉบับ โดยจับกุมได้ที่ สน.บางเขน ก่อนแจ้งข้อหาร่วมกันแจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงาน ซึ่งทำให้ประชาชนหรือผู้อื่นได้รับความเสียหาย และใช้เอกสารปลอม
พ.ต.อ.พัฒนา กล่าวว่า เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา น.ส.จุฬาลักษณ์มาขอพบ
แต่ตนติดภารกิจ จึงมอบหมายให้ พ.ต.ท.พิเชษฐ์ ฟูสินไพบูลย์ รอง ผกก.สส.สน.บางเขน เป็นผู้ดำเนินการแทน โดย น.ส.จุฬาลักษณ์ได้ยื่นเอกสาร 1 ชุด มีข้อความสำคัญที่เข้าข่ายอ้างถึงราชสกุล “กิติยากร” ระบุว่า “ขอไม่ให้ดำเนินการในเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์ และขอความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ห้ามหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับลิขสิทธิ์เข้าไปในพื้นที่ เจ้าหน้าที่ทุกท่านควรปกป้องและควรดูแลบุคคลสำคัญในราชนิกุลชั้นสูง" ซึ่งเอกสารดังกล่าวมีการปลอมแปลงลายพระนาม และตราประทับราชสกุลกิติยากร เมื่อ พ.ต.ท.พิเชษฐ์ เห็นเอกสารดังกล่าว จึงแนะนำ น.ส.จุฬาลักษณ์ มาพบตนอีกครั้งในวันรุ่งขึ้น
“ในช่วงค่ำวันเดียวกัน นายปิญช์ มาลากุล ณ อยุธยา อ้างว่าเป็นเลขาฯ ของ น.ส.จุฬาลักษณ์ ได้นำเอกสารชุดเดิมมายื่นผมอีกครั้ง ด้วยความไม่แน่ใจ กลัวจะมีการแอบอ้าง ผมจึงประสานไปยัง พล.ต.ท.ไตรรัตน์ อมาตยกุล ผู้บัญชาการสำนักงานนายตำรวจราชสำนักประจำ เพื่อตรวจสอบเอกสารดังกล่าวว่าเป็นของจริงหรือไม่ เมื่อตรวจสอบก็พบว่าเอกสารเป็นของปลอม จึงควบคุมตัวนายปิญช์ไว้สอบปากคำเพิ่มเติม" พ.ต.อ.พัฒนากล่าว
จากการตรวจสอบประวัติ น.ส.จุฬาลักษณ์ พบว่าเคยต้องคดีอาญาที่ สน.บางชัน ในข้อหาลักทรัพย์หรือรับของโจร ศาลตัดสินจำคุกเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2545
และตรวจสอบชื่อกับสำนักงานทะเบียนราษฎร พบว่าเปลื่ยนชื่อในบัตรประชาชน จากชื่อเดิมมาเป็น “ม.ล.จุฬาลักษณ์ กิติยากร” นอกจากนี้ยังพบนามบัตรและเอกสารจัดตั้งมูลนิธิหม่อมเจ้าหญิงกิติปปิยา กิติยากร เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต เพื่อนำเงินที่ได้รับการบริจาคมาใช้ส่วนตัว จากกรณีที่ถูกจับดังกล่าว เนื่องจากตรวจสอบพบว่า ผู้ต้องหามักจะทำตัวเป็นหัวคิวลิขสิทธิ์ ที่ตลาดนัดหน้าห้างสรรพสินค้าชื่อดัง ล่าสุดพบว่าเปลี่ยนคำนำหน้าของลูกเป็น “หม่อมหลวง” ด้วย
รวบสาววัย28ปลอมเป็นราชนิกุลชั้นสูง
เครดิต : ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!