2หญิงเฮติรอดตายปาฏิหาริย์ ติดใต้ซากตึก 7วัน

หน่วยกู้ภัยช่วย 2 สาวเฮติรอดตาย ติดใต้ซากปรักหักพังนาน 7 วัน ขณะที่สนามบินปอร์โตแปรงซ์ป่วน เครื่องบินขนเวชภัณฑ์ไม่ได้รับอนุญาตให้ลงจอด ทำคนไข้ตายไปอย่างน้อย 5 คน เพราะขาดเครื่องมือรักษา

ปฏิบัติการช่วยเหลือชาวเฮติที่ประสบภัยแผ่นดินไหวยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อวันที่ 19 มกราคมที่ผ่านมา

มีรายงานพบผู้รอดชีวิตที่ติดอยู่ใต้ซากอาคารในกรุงปอร์โตแปรงซ์ เมืองหลวงของเฮติ ถึง 2 ราย รายแรกเป็นหญิงสูงวัย อายุ 69 ปี ที่ติดอยู่ใต้ซากโบสถ์โรมันคาธอลิคแห่งหนึ่ง ส่วนอีกรายเป็นหญิงวัย 26 ปี ที่ถูกช่วยออกมาจากศูนย์การค้าที่พังถล่มลงมา
 

หญิงวัย 69 ปีที่ได้รับการช่วยเหลืออกมา ชื่อนางเอนา ซีซี ที่เปิดเผยหลังได้รับการช่วยเหลือออกมาว่า

วันแรกๆนางได้พูดคุยกับพระคริสต์ที่ติดอยู่ด้วยกัน ก่อนที่เสียงของฝ่ายชายจะหายไปในอีกไม่กี่วันต่อมา นางจึงใช้เวลาที่เหลือไปกับการสวดมนต์ และพูดคุยกับพระเจ้า ที่สุดแล้วเจ้าหน้าที่กู้ภัยเม็กซิโกก็สามารถนำนางออกมาได้อย่างปลอดภัย ในสภาพร่างกายขาดน้ำ สะโพกเคลื่อนและขาหัก โดยตอนที่ซีซีถูกดึงตัวออกจากซากปรักหักพังนั้น นางยังสามารถร้องเพลงได้ ก่อนจะถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล  วันเดียวกัน เจ้าหน้าที่กู้ภัยฝรั่งเศสสามารถช่วยเหลือเด็กหญิงโลซามา ฮอตเตลีเน วัย 26 ปี ออกจากซากปรักหักพังของห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง โดยโลซามาอยู่ในสภาพยิ้มแย้มหลังได้รับการช่วยเหลือ 
 

ขณะที่สหประชาชาติ (ยูเอ็น) รายงานเมื่อวันที่ 20 มกราคมว่า จำนวนผู้ที่ได้รับการช่วยเหลือจากทีมกู้ภัยนานาชาตินับตั้งแต่วันเกิดเหตุมีจำนวนทั้งสิ้น 121 คน

ขณะที่ทางการเฮติแจ้งว่าจำนวนผู้เสียชีวิตเบื้องต้นอยู่ที่ 75,000 คน แต่เชื่อว่าอาจจะเพิ่มขึ้นถึง 200,000 คน 
ข่าวระบุว่า จากการระดมกำลังเข้าไปช่วยเหลือเหยื่อแผ่นดินไหวในเฮติจากนานาประเทศ ส่งผลให้สนามบินเล็กๆในกรุงปอร์โตแปรงซ์มีการจราจรที่คับคั่ง โดยกลุ่มเมดีซินส์ ซานส์ ฟรอนเทียร์ส (เอ็มเอสเอฟ) ของแพทย์ไร้พรมแดนที่ก่อตั้งในประเทศฝรั่งเศส  ระบุว่า เครื่องบินของเอ็มเอสเอฟที่บรรทุกเครื่องเวชภัณฑ์ไปช่วยเหลือเหยื่อแผ่นดินไหวในเฮติ ไม่ได้รับอนุญาตให้ลงจอดที่กรุงปอร์โตแปรงซ์ถึง 3 ครั้งนับตั้งแต่วันที่ 17 มกราคมที่ผ่านมา ทั้งที่เครื่องบินดังกล่าว มีทั้งยา เครื่องมือผ่าตัดและเครื่องมือแพทย์  โดยนับตั้งแต่วันที่ 14 มกราคมเป็นต้นมา มีเครื่องบินของเอ็มเอสเอฟ 5 ลำที่ต้องเปลี่ยนจุดหมายปลายทางจากกรุงปอร์โตแปรงซ์ไปลงที่สาธารณรัฐโดมินิกันที่อยู่ติดกันแทน แต่ในแถลงการณ์ไม่ได้แจ้งถึงเหตุผลที่เครื่องบินต้องบินกลับหรือใครเป็นผู้สั่งห้ามไม่ให้เครื่องบินลงจอด
 

ขณะที่มีรายงานจากผู้ประสานงานของเอ็มเอสเอฟในเฮติแจ้งว่า มีผู้ป่วยอย่างน้อย 5 คนที่โรงพยาบาลคอสคาลของเอ็มเอสเอฟที่ต้องเสียชีวิตเพราะขาดเครื่องมือแพทย์ที่มาพร้อมกับเครื่องบินเหล่านี้

ทั้งนี้ ความตึงเครียดระหว่างรัฐบาลฝรั่งเศสและสหรัฐจากเหตุแผ่นดินไหวในเฮติเริ่มมีมากขึ้นหลังจากนายอแล็ง โฌยองเดต์ รัฐมนตรีฝ่ายพัฒนาของฝรั่งเศส ออกมาเรียกร้องให้ยูเอ็นชี้แจงถึงบทบาทของสหรัฐในเฮติว่า เป็นการเข้าไปช่วยเหลือหรือเข้าไปครอบครองเฮติ แต่นายนิโกลาส์ ซาร์โกซี ประธานาธิบดีฝรั่งเศสได้ออกมาคลี่คลายสถานการณ์ด้วยการกล่าวว่า สองประเทศจะร่วมมือกันช่วยเหลือประเทศเฮติที่ประสบภัยแผ่นดินไหวอย่างเต็มที่ โดยขณะนี้มีเจ้าหน้าที่ของเอ็มเอสเอฟราว 700 คนที่ปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือด้านการแพทย์แก่ผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวในเฮติ
 

ด้านกองทัพสหรัฐซึ่งทำหน้าที่ควบคุมสนามบินปอร์โตแปรงซ์นับตั้งแต่เกิดเหตุแผ่นดินไหวชี้แจงว่า ได้ทำหน้าที่ดีที่สุดแล้วเพื่อให้เครื่องบินทุกลำได้ลงจอดที่สนามบินที่หอควบคุมถูกทำลายไปจากเหตุแผ่นดินไหว แต่รันเวย์ของสนามบินสามารถรองรับเครื่องบินได้ 100 ลำต่อวันเท่านั้น ส่งผลให้สนามบินเล็กๆแห่งนี้ ไม่สามารถรองรับเครื่องบินได้ทุกลำ


เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์