ผอ.สถานพินิจฯออกโรงโต้ ด.ช.14 เปล่าสั่งให้เอาซีม่าราด จู๋-ตีด้วยแป๊บ
แต่ทาเพื่อให้รักษาโรคกลากที่เด็กเป็นมาก่อนแล้ว พร้อมนำด.ช.อีกคนมายืนยัน ว่าด.ช.14 ใช้พลาสติกขูดอวัยวะเพศจนเลือดซึมก่อนทายาให้ ขณะที่ด.ช.เหยื่อซีม่ายังยันผอ.อยู่ด้วยและสั่งการแน่นอน แถมยังถูกตีด้วยทั้งที่ไม่ได้หลบหนี ด้านทนายความดังเตรียมช่วยเหลือสู้คดีให้แล้ว ส่วนเด็กที่หลบหนียังตามกลับมาไม่หมด เหลืออีก 2 คนที่เป็นหัวโจก
จากกรณีผู้ปกครองด.ช.เอ (นามสมมติ) อายุ 14 ปี ร้องเรียนเจ้าหน้าที่สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน นครศรีธรรมราช
ว่าลงโทษเด็กเกินกว่าเหตุโดยใช้ท่อแป๊บยางและใช้ยาซีม่าโลชั่นราดอวัยวะเพศจนเป็นแผล เพื่อเป็นการลงโทษที่มีเด็กหลบหนีออกจากสถานพินิจฯ เมื่อวันที่ 17 ม.ค.ที่ผ่านมา ทำให้ญาติต้องประกันตัวเด็กออกมาเพื่อให้แพทย์รักษาที่ร.พ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช ตามที่เสนอไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าเรื่องนี้ เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 18 ม.ค. นายปรีดีอนันต์ ติยานนท์ ผอ.สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนนครศรีธรรมราช
แถลงข่าวชี้แจงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมนำตัวด.ช.บี (นามสมมติ) เยาวชนที่ถูกควบคุมในสถานพินิจฯ มาเป็นพยานชี้แจงเหตุการณ์ทั้งหมดด้วย นายปรีดีอนันต์ กล่าวว่า เยาวชนรายที่เป็นข่าวนั้นเพิ่งเข้ามาใหม่ และเมื่อเข้ามาใหม่แล้วเป็นประเพณีของเยาวชนที่อยู่ก่อนหน้านี้ จะมีการดูเนื้อดูตัวกันในช่วงอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า จะเห็นถึงความสะอาด และปรากฏว่าเด็กรายนี้มีอาการของโรคผิวหนังอย่างรุนแรงคือ โรคกลาก ที่เป็นโรคฝังลึก เหมือนรูปทรงของกางเกงบ๊อกเซอร์อยู่ในร่มผ้า ซึ่งถือว่ามีความรุนแรงมาก เราจึงให้การดูแลรักษา และยืนยันว่าไม่ได้ทำร้ายเด็กแต่อย่างใด เราให้การรักษาพยาบาลไปตามขั้นตอน และยังให้ประกันตัวไปรักษาต่อ ซึ่งคิดไม่ถึงว่าจะมีเรื่องเช่นนี้ขึ้น การทรมานที่ว่านั้นไม่เป็นความจริงแน่นอน เป็นการรักษาธรรมดา ไม่ได้คาดคั้นอะไรทั้งสิ้น การรักษาเกลื้อนนั้น เป็นที่ใบหน้ายังถูกห้ามทายาที่ใบหน้าเพราะจะเกิดการลอก และที่ว่าถึงขั้นเอาซีม่าโลชั่นราดอวัยวะเพศนั้น ไม่มีอย่างแน่นอน
ผอ.สถานพินิจยัน เปล่าสั่งซีม่าราดจู๋
ส่วนการทำโทษผู้ที่หลบหนี มีการลงโทษที่ไม่รุนแรงคือ จากจำนวนทั้งหมดที่หลบหนีนั้นได้แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม
กลุ่มแรกให้ไปล้างห้องน้ำ กลุ่มที่สองให้ไปล้างถาดอาหาร และทั้งหมดจะถูกห้ามเยี่ยมเป็นเวลา 1 เดือน เด็กที่ก่อเหตุทั้งหมด 21 คนนั้น ยังเข้ามาคุกเข่าพนมมือขอโทษตนที่หลบหนีและมีการสำนึกผิด การดูแลภายในสถานพินิจฯ นั้นเราดูแลอย่างดี
ขณะที่ด.ช.บีในฐานะเพื่อนที่อยู่ในเหตุการณ์ขณะที่มีการทาซีม่าโลชั่น เปิดเผยว่า ช่วงที่ทายานั้น ด.ช.เอใช้เศษพลาสติกขูดไปที่อวัยวะเพศก่อนที่จะมีการทายา
และมีการทากันแบบปกติ ไม่ได้ราดซีม่าแต่อย่างใด ตอนนั้นตนเห็นด.ช.เอใช้เศษพลาสติกจากดินสอพลาสติกมาขูดจนเลือดซึมออกมา ไม่มีใครทำร้าย ต่อมาเวลา 16.30 น.วันเดียวกัน เจ้าหน้าที่สถานพินิจฯ เดินทางไปรับตัวด.ช.เอและญาติๆ เพื่อแถลงข่าวกับสื่อมวลชนอีกครั้ง ด.ช.เอให้การว่า ขณะเกิดเหตุมี ผอ.นั่งอยู่ด้วย และสั่งให้เพื่อนราดยาซีม่าลงที่อวัยวะเพศของตน เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำว่าเป็นเสียงเพื่อนหรือเสียงของ ผอ.ที่ใช้ให้ราดซีม่า ด.ช.เอยืนยันว่าเป็นเสียงของ ผอ.แน่ นอน เพราะนั่งห่างกันประมาณ 2 เมตร ด้านนายปรีดีอนันต์แย้งขึ้นมาว่าไม่เป็นความจริง
จากนั้นด.ช.เอ เปิดเผยว่า คิดว่าไม่ใช่เป็นการทำโทษ แต่เพื่อรักษาโรคผิวหนัง โดยยาซีม่าโลชั่นมีอยู่ก่อนที่ตนจะเข้ามาในสถานพินิจฯ และเหตุการณ์ของตนเกิดขึ้นก่อนเด็กจะหลบหนีออกจากสถานพินิจฯ
ส่วนกรณีที่เด็กหลบหนีไปและติดตามตัวมาได้ 21 คน ยังหลบหนีอีก 2 คน ซึ่งเป็นหัวโจก ด.ช.เอกล่าวว่า เด็กที่ถูกตามกลับมาก็ถูกครูเวรทำโทษโดยตีที่ก้นด้วยแป๊บยางคนละ 1 ที ซึ่งขณะนั้นเจ้าหน้าที่สถานพินิจฯ เข้าไปสอบเค้นหาใบเลื่อยที่ใช้เลื่อยเหล็กดัดหน้าต่างเพื่อหลบหนี แต่ไม่มีใครยอมรับจึงถูกทำโทษ กระทั่งเด็กเอาใบเลื่อยมามอบให้เจ้าหน้าที่ภายหลัง แต่ตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการหลบหนี แต่ถูกทำโทษด้วย
จากนั้นนายปรีดีอนันต์ กล่าวอีกว่า ที่เด็กยืนยันว่าตนเป็นคนสั่งให้ราดยาซีม่านั้นไม่ใช่ เพราะไม่ทำอย่างนั้นอยู่แล้ว
แต่อาจจะสั่งให้เพื่อนๆ ช่วยทายาให้ ส่วนจะเกินเลยไปมากกว่านั้นตนไม่ทราบ จริงๆ แล้วพยายามรักษาให้เด็กหายจากโรค ไม่มีความคิดที่จะทำร้ายเด็กแต่อย่างใด ด้านนายอรพล หนูทวี ทนายความชื่อดังของ จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเข้าร่วมรับฟังการพูดคุยในครั้งนี้ กล่าวว่า ขณะนี้ด.ช.เอได้รับการประกันตัวจากศาล ดังนั้น ทางสถานพินิจฯ ไม่มีอำนาจนำตัวไปสอบสวน เพราะสถานพินิจฯ มีหน้าที่ควบคุมดูแลเด็กที่กระทำผิดในระหว่างการพิจารณาคดี หรือเด็กที่ถูกศาลตัดสินลงโทษจำคุกเท่านั้น ซึ่งกรณีนี้ด.ช.เอร้องเรียนขอความเป็นธรรม ตนจะเดินทางไปดูแลเรื่องคดีให้ด้วยตนเอง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับด.ช.เอยังคงรักษาตัวอยู่ที่ร.พ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งผู้ปกครองอยู่ในสภาพหวาดวิตก เนื่องจากเกรงว่าหากรักษาตัวหาย จะต้องถูกส่งตัวกลับสถานพินิจฯ และอาจได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ครั้งนี้