เฮติประกาศภาวะฉุกเฉิน เกิดเหตุปล้นสะดมแย่งอาหารรุนแรง สมิทธ ชี้อีกไม่นาน ไทยเกิดสึนามิใหญ่

ประชุมครม.เฮติสนามหญ้าสถานีตำรวจ หาทางจัดการพิบัติภัย ประกาศภาวะฉุกเฉินเมืองหลวงถึงสิ้นเดือน คาดเสียชีวิตราว 2 แสนคน การปล้นสะดมแย่งอาหารยังมีต่อเนื่องตร.ต้องยิงแก๊สน้ำตาหยุด พบคนไทยอีก 4 คนปลอดภัยดี

สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน เมื่อวันที่ 18 มกราคม

ว่าเจ้าหน้าที่ทีมกู้ภัยจากนานาชาติยังคงทำงานแข่งกับเวลาในการค้นหาเหยื่อแผ่นดินไหวที่ยังอาจมีชีวิตรอดอยู่ภายใต้ซากปรักหักพังของอาคารสิ่งปลูกสร้างในประเทศเฮติ ที่ถล่มพังลงมาพร้อมไปกับการเร่งมือนำสิ่งของบรรเทาทุกข์ต่างๆ ทั้งอาหาร น้ำดื่ม และยารักษาโรค ไปแจกจ่ายให้ผู้ประสบภัย ซึ่งแม้ว่าความพยายามดังกล่าวจะมีความคล่องตัวขึ้น แต่ยังเผชิญข้อติดขัดทั้งในเรื่องความแออัดของสนามบิน ความเสียหายของท่าเรือและท้องถนน ทำให้การลำเลียงสิ่งของบรรเทาทุกข์ต่างๆ ไปยังผู้ประสบภัยต้องล่าช้าหรือเป็นไปอย่างยากลำบาก


นายบัน คี มุน เลขาธิการสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ที่เดินทางมาเยี่ยมเยียนและประเมินสถานการณ์ในพื้นที่ประสบภัยในกรุงปอร์โตแปรงซ์ เมืองหลวงของเฮติ

เมื่อวันที่ 17 มกราคมที่ผ่านมา กล่าวว่า ยูเอ็นจะเร่งมือปฏิบัติการกู้ภัย ปรับปรุงการทำงานและนำความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมไปให้ถึงชาวเฮติโดยเร็ว
ขณะที่ทางการเฮติต้องจัดประชุมคณะรัฐมนตรีกันกลางแจ้ง โดยอาศัยพื้นที่สนามหญ้าของสถานีตำรวจ เพื่อหารือถึงแนวทางการจัดการกับพิบัติภัยครั้งนี้  3 ประเด็นหลักๆ คือ ยูเอ็นเป็นหน่วยงานหลักในการนำความช่วยเหลือและสิ่งบรรเทาทุกข์ต่างๆ มาให้แก่เฮติ ขณะที่อำนาจควบคุมการสัญจรทางอากาศของสนามบินกรุงปอร์โตแปรงซ์ ซึ่งเป็นจุดลำเลียงความช่วยเหลือไปให้แก่ผู้ประสบภัยชาวเฮติที่สำคัญนั้นอยู่ภายใต้อาณัติของทหารสหรัฐ ส่วนภารกิจด้านการทูตและการอนุมัติความเห็นชอบต่างๆ จะต้องผ่านรัฐบาลเฮติ


ทั้งนี้ รัฐบาลเฮติระบุว่า นับตั้งแต่เกิดเหตุแผ่นดินไหว เมื่อวันที่ 12 มกราคมที่ผ่านมา ทางการได้ฝังศพหมู่ผู้เสียชีวิตไปแล้ว 70,000 คน

ขณะที่มีการประมาณการว่าผู้เสียชีวิตอาจมีมากราว 200,000 คน นอกจากนี้ ทางการเฮติยังได้ประกาศใช้ภาวะฉุกเฉินในกรุงปอร์โตแปรงซ์ไปจนถึงสิ้นเดือนมกราคมนี้ และให้มีการไว้อาลัยทั่วประเทศต่อโศกนาฏกรรมครั้งนี้เป็นเวลา 1 เดือน
ส่วนความคืบหน้าในการค้นหาผู้รอดชีวิต เจ้าหน้าที่ทีมกู้ภัยจากนานาชาติยังสามารถกู้ร่างผู้รอดชีวิตออกมาจากปรักหักพังของอาคารได้กว่า 70 ราย และมีรายงานว่า ทีมกู้ภัยจากสหรัฐสามารถช่วยเด็กหญิงวัย 7 ขวบ ชายอายุ 34 ปี และหญิงอายุ 50 ปี ออกมาจากซากอาคารซุปเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งในกรุงปอร์โตแปรงซ์ได้ ขณะที่นายริชาร์ด มอแรน ตากล้องของสถานีโทรทัศน์ไนน์ เน็ทเวิร์ก ของออสเตรเลีย และทีมงานยอมทิ้งการทำหน้าที่สื่อ เพื่อช่วยเหลือทารกเพศหญิงวัย 18 เดือนรายหนึ่ง ให้รอดชีวิตออกมาได้เป็นผลสำเร็จ หลังจากได้ยินเสียงร้องไห้ดังออกมาจากใต้ซากหินถล่ม โดยที่พบร่างพ่อแม่ของเด็กทารกรายนี้นอนตายอยู่ใกล้ๆ 


อีกด้านหนึ่งนั้น ภาพการแก่งแย่งปล้นสะดมสินค้าอาหารตามตลาดร้านรวงในกรุงปอร์โตแปรงซ์ยังปรากฏให้เห็นอยู่อย่างรุนแรง

เช่น ที่ตลาดวิเยอซ์ ตำรวจพยายามสลายกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบที่ก่อเหตุปล้นด้วยการขับรถบรรทุกฝ่าฝูงชนเข้าไปเพื่อให้สลายตัว รวมทั้งการใช้แก๊สน้ำตาเข้าสลายกลุ่มชาวบ้านที่รุมทึ้งแย่งอาหารกัน ส่วนที่ตลาดไฮโปไลท์ ตำรวจต้องติดอาวุธปืนสั้นและปืนยาว ซึ่งช่างภาพเอเอฟพีรายงานว่า ผู้ก่อความไม่สงบรายหนึ่งในบริเวณนี้ถูกเจ้าหน้าที่ใช้ปืนยิงที่ศีรษะจนเสียชีวิต


นายเดวิด ออร์ โฆษกโครงการอาหารโลกแห่งสหประชาชาติ (ดับเบิลยูเอฟพี) กล่าวว่า การนำความช่วยเหลือทั้งด้านอาหาร น้ำดื่มและยารักษาโรคไปแจกจ่ายให้ผู้ประสบภัยมีความคืบหน้ามากขึ้น

โดยสามารถแจกจ่ายให้ผู้ประสบภัยได้มากกว่า 60,000 คน เพิ่มขึ้นจากเมื่อวันก่อนหน้าที่แจกไปได้ 40,000 คน
ขณะที่นายราชีพ ชาห์ หัวหน้าหน่วยบรรเทาทุกข์สหรัฐ กล่าวว่า คิดว่าเจ้าหน้าที่สหรัฐสามารถแจกจ่ายอาหารไปให้แก่ผู้ประสบภัยได้กว่า 130,000 ชุด แต่ความต้องการยังมีอีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งต้องพยายามต่อไปให้ทั่วถึง ทั้งนี้ มีรายงานว่าอาหารยังคงมีนำมาวางขายในเมือง แต่ราคาสูงมากเกินกว่าที่คนส่วนใหญ่จะมีกำลังซื้อ


ในส่วนความช่วยเหลือจากนานาชาติ นายลอว์เรนซ์ แคนนอน รัฐมนตรีต่างประเทศแคนาดา

เปิดเผยว่า ประเทศผู้บริจาคจะประชุมกันที่เมืองมอนทรีออลของแคนาดา ในวันที่ 25 มกราคมนี้ เพื่อหารือถึงความร่วมมือกันในการฟื้นฟูประเทศเฮติ ด้านสหภาพยุโรป (อียู) เตรียมประกาศที่จะมอบเงินช่วยเหลืออย่างน้อย 100 ล้านยูโร อย่างไรก็ตาม นักการทูตรายหนึ่งเปิดเผยว่า ตัวเลขความช่วยเหลืออาจมากถึง 200 ล้านยูโรได้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ใช้เป็นเงินทุนในการฟื้นฟูเฮติในระยะกลางถึงระยาว


นายฟิเดล คาสโตร อดีตประธานาธิบดีคิวบา กล่าวถึงเหตุแผ่นดินไหวครั้งนี้ว่า ภัยพิบัติในเฮติครั้งนี้จะเป็นบททดสอบความร่วมมือของนานาชาติว่าจะช่วยเหลือเกื้อกูลกันมากน้อยอย่างไร

ขณะที่ประธานาธิบดีฮูโก ชาเวซ ซึ่งเป็นผู้นำฝ่ายซ้ายแห่งเวเนซุเอลา ออกมากล่าวหาว่า รัฐบาลสหรัฐว่ากำลังใช้โศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นกับชาวเฮติเป็นเครื่องมือในการยึดครองประเทศด้วยการส่งกำลังทหารจำนวนมากเข้าไปในประเทศเฮติ


นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ภายหลังหารือกับนายอัลฟองโซ อัสเซนชิโอ เฮอร์เรรา อุปทูตเม็กซิโกประจำประเทศไทยว่า

ได้ส่งมอบรายชื่อ ที่อยู่ และเบอร์โทรศัพท์ติดต่อของคนไทย 3 คน ในเฮติที่แสดงความประสงค์ต้องการจะเดินทางออกจากเฮติให้กับฝ่ายเม็กซิโก หลังจากที่รัฐมนตรีต่างประเทศเม็กซิโกได้หารือกับตนเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่าเม็กซิโกมีเครื่องบิน 5 ลำที่บินไปมาระหว่างเม็กซิโกกับเฮติทุกวัน และพร้อมจะให้ความช่วยเหลือคนไทยที่ประสงค์จะเดินทางออกมา คาดว่าทันทีที่สามารถติดต่อกับคนไทยทั้ง 3 คน ได้ก็สามารถจะเดินทางออกจากเฮติได้ทันที โดยเมื่อเดินทางมาถึงกรุงเม็กซิโกซิตี้แล้ว สถานเอกอัครราชทูตไทยในเม็กซิโกก็จะรับช่วงในการให้การดูแลช่วยเหลือ รวมถึงการออกตั๋วเครื่องบินเพื่อเดินทางกลับประเทศไทยต่อไป 


นายกษิตกล่าวว่า สำหรับการให้ความช่วยเหลือแก่เฮติขั้นที่สอง หลังจากที่ได้มอบเงินช่วยเหลือเบื้องต้นไปแล้ว 20,000 ดอลลาร์สหรัฐ

ขณะนี้กำลังประเมินความช่วยเหลือที่จะให้เพิ่มเติมโดยหารือกับหน่วยราชการไทยที่เกี่ยวข้อง ว่ารูปแบบใดจะเหมาะสมและเป็นประโยชน์กับชาวเฮติมากที่สุด และยังจะรายงานสถานการณ์ล่าสุดรวมถึงหารือในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันที่ 19 มกราคม เพราะอาจต้องของบกลางเพิ่มเติม นอกจากนี้ ยังได้หารือกับสำนักงบประมาณอีกทางหนึ่งด้วย


นายธานี ทองภักดี รองอธิบดีกรมสารนิเทศและรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ล่าสุด พบมีคนไทยในเฮติรวม 8 คน

โดยอีก 4 คน ที่พบเพิ่มเติม ทั้งหมดปลอดภัยดีไม่มีใครได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด อย่างไรก็ดี ขณะนี้คนไทย 1 รายได้เดินทางออกจากเฮติมายังจาไมกาแล้วเพื่อเตรียมเดินทางกลับประเทศไทยต่อไป
นายธานีกล่าวว่า นายธีรกุล นิยม ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ จะเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการพิจารณาให้ความช่วยเหลือประเทศที่ประสบภัยพิบัติโดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยร่วมหารือเกี่ยวกับรูปแบบของการให้ความช่วยเหลือแก่เฮติ ในวันที่ 19 มกราคม เบื้องต้นเห็นว่าการส่งเป็นเงินน่าจะสะดวกที่สุด


รายงานข่าวแจ้งว่า กระทรวงการต่างประเทศได้เปิด "ศูนย์รวบรวมเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเฮติ" แล้ว ด้วยการเปิดใหโอนเงินเข้าบัญชีเพื่อรับบริจาคของกระทรวงต่างประเทศไทยที่ บัญชีกระแสรายวันชื่อ "กระทรวงการต่างประเทศ" ธนาคารกรุงไทย สาขาสามยอด เลขที่บัญชี 002 6 18233 5 โดยสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 0-2620-6460-2 


นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า สธ.พร้อมให้ความช่วยเหลือด้านการแพทย์แก่ชาวเฮติ

หากได้รับการร้องขอ สำหรับประชาชนที่ต้องการบริจาคเงินช่วยเหลือ สภากาชาดไทย เปิดรับบริจาคผ่านธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาสภากาชาดไทย ชื่อบัญชี "สภากาชาดไทย เพื่อการรับบริจาค" หมายเลขบัญชี 045-2-88000-6 โดยบริจาคเป็นเงินทั้งหมดจะนำไปสนับสนุนปฏิบัติการบรรเทาทุกข์ของสหพันธ์สภากาชาด และสภาเสี้ยววงเดือน ซึ่งให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยอยู่ในประเทศเฮติขณะนี้ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 0-2256-4035-6 หรือ 0-256-4047-8

ส่วนกรณีที่ ศ.จอห์น แมคคลอสคีย์ สถาบันวิจัยนิเวศวิทยาแห่งมหาวิยาลัยอัลส์เตอร์ ไอร์แลนด์เหนือ

กลุ่มนักวิชาการที่ขึ้นชื่อว่าทำนายเหตุการณ์สึนามิได้แม่นยำมากที่สุด ได้ส่งจดหมายเตือนว่าอาจจะเกิดคลื่นยักษ์ที่เป็นผลมาจากแผ่นดินไหวถล่มชายฝั่งเกาะสุมาตราในอนาคตอันใกล้นั้น นายสมิทธ ธรรมสโรช อดีตผู้อำนวยการศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ผู้เคยทำนายว่าไทยจะเกิดสึนามิครั้งใหญ่อีกครั้งในอนาคตอันใกล้ กล่าวยืนยันว่า เห็นด้วยกับคำเตือนของ ศ.จอห์น จากการไปร่วมประชุมกับนักวิจัยญี่ปุ่น ก็พูดถึงคำเตือนของ ศ.จอห์น เพราะรอยเลื่อนแผ่นดินที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2547 เลื่อนแค่เศษ 1 ส่วน 4 เท่านั้น ดังนั้นจะเหลืออีกเศษ 3 ส่วน 4 ที่ยังไม่เกิด แผ่นดินจะค่อยๆ เลื่อนขึ้นมาทางเหนือ ระหว่างเกาะนิโคบาและเกาะอันดามัน การเลื่อนครั้งนี้เขยิบเข้ามาใกล้กับชายฝั่งของไทยมากขึ้นจากครั้งที่แล้ว


นายสมิทธกล่าวว่า ครั้งนี้ไม่จำเป็นต้อง 9 ริคเตอร์เหมือนครั้งที่แล้ว เรียกว่าขอให้เกิดสึนามิขึ้นเมื่อใด ไทยจะได้รับผลกระทบมหาศาล

คำนวณง่ายๆ ว่าสึนามิครั้งที่แล้วไกลจาก 6 จังหวัดภาคใต้ถึง 1,200 กิโลเมตร แต่รอยเลื่อนอีกเศษ 3 ส่วน 4 อยู่ใกล้ไทยเพียง 300-400 กม. ถ้าเกิดสึนามิขึ้น ไม่ว่าจะกี่ริคเตอร์ ไทยจะได้รับความเสียหายมากกว่าครั้งที่แล้วแน่นอน จะมีคนล้มหายตายจากมากกว่าครั้งก่อน คงไม่พ้น จ.ระนอง, พังงา, ภูเก็ต, กระบี่, ตรัง และสตูล เรื่อยลงไปอีก ส่วนจะเกิดเมื่อไหร่ ไม่มีใครพยากรณ์ได้ ทำได้แค่ระวังตัว


ขณะที่นายโสรัจจะ นวลอยู่ โหรชื่อดังฉายา "นอสตราดามุสเมืองไทย" ผู้เคยทำนายไทยจะเกิดสึนามิใหญ่ กล่าวทำนายว่า กลางปีนี้ไทยจะมีสึนามิอีกครั้ง


เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์