.38ดักยิงเสี่ย"เตา" ล่ามือฆ่า! ปมขัดแย้งคนงาน
ไม่ชอบ-ไล่ออก แฉมือปืนปิกอัพ ดูเป้าก่อนซัลโว สังเช็กวงจรปิด ตามจับคนร้าย
เสี่ย"เตา"- นายฉัตรชัย ยงวัฒนา เสี่ยเจ้าของบ.นำเข้าเตาแม่เหล็กไฟฟ้า จากฮ่องกง ถูกคนร้ายดักรอที่หน้าบริษัท ภายในซอยนวมินทร์ 101 จ่อยิงเสียชีวิตต่อหน้าเมีย มุ่งปมขัดแย้งธุรกิจ และปล่อยเงินกู้นอกระบบ เมื่อวันที่ 16 ม.ค. |
เมื่อเวลา 01.14 น. วันที่ 16 ม.ค. ร.ต.ท.สุภัทร เหมจินดา ร้อยเวรฯ สน.ลาดพร้าว รับแจ้งเหตุมีผู้ถูกยิงได้รับบาดเจ็บสาหัส บริเวณหน้าบริษัท พาร์เท็ค ดิเวลลอปเม้นท์ (ประ เทศไทย) จำกัด เลขที่ 119/163 หมู่บ้านสินธานีวิลล่า ซอยนวมินทร์ 101 แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม กทม. จึงรายงานผู้บังคับบัญชาและรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมพ.ต.อ.บุญส่ง นามกรณ์ ผกก.สน.ลาดพร้าว เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน และเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง
เมื่อไปถึงพบที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์ สูง 4 ชั้น ปลูกติดกันหลายคูหา ซึ่งเปิดเป็นบริษัท พาร์เท็ค ดิเวลลอปเม้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท พาร์เท็ค เคมีภัณฑ์และการเกษตร จำกัด บริเวณหน้าบริษัทดังกล่าวพบรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า อแวนซ่า จอดอยู่ จากการตรวจสอบพบเพียงกองเลือดที่พื้น ส่วนผู้บาดเจ็บทราบชื่อต่อมาคือ นายฉัตรชัย ยงวัฒนา อายุ 67 ปี เจ้าของธุรกิจเตาแม่เหล็กไฟฟ้าตรากล้วยไม้ ถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด .38 เข้าที่ชายโครงขวา 2 นัด อาการสาหัส ถูก นำตัวส่งร.พ.เปาโลเมโมเรียล นวมินทร์ และเสียชีวิตในเวลาต่อมา
จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่าผู้ตายประกอบธุรกิจนำเข้าเตาแม่เหล็กไฟฟ้าตรากล้วยไม้ มีบริษัทแม่อยู่ที่ประเทศฮ่องกง ซึ่งภรรยาของผู้ตายคือ นางโบเค วอง อายุ 64 ปี เป็นผู้ดูแลอยู่ ส่วนผู้ตายพักอยู่ที่บ้านที่เกิดเหตุซึ่งเปิดเป็นโรงงาน โดยมีเพียงคนงานไม่กี่ คนที่มาทำงานแบบไปเช้าเย็นกลับ ปกติผู้ตายจะพักอยู่ที่ชั้น 3 เพียงลำพัง ก่อนเกิดเหตุ ผู้ตายขับรถยนต์เดินทางไปรับภรรยาที่สนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อขับรถมาถึงหน้าบ้านภรรยา ได้ลงไปเปิดประตูบ้าน ส่วนผู้ตายได้ลงไปหยิบ ของที่ท้ายรถ จังหวะนั้นมีคนร้าย 2 คน ขับรถกระบะแบบมีแค็บ สีเขียว ติดฟิล์มทึบ ไม่ทราบรุ่นและทะเบียน มาจอดที่หน้าบ้านก่อนจะชักอาวุธปืนยิงใส่ผู้ตาย 2 นัด แล้ววิ่งขึ้นรถหลบหนีไป อย่างไรก็ตาม จากการสอบสวนขยายผลพบว่าที่หมู่บ้านแห่งนี้ไม่มีเจ้าหน้าที่ รปภ.รักษาความปลอดภัย เมื่อก่อนเคยมี แต่ในช่วงหลัง รปภ.มีปัญหากับทางหมู่บ้านจึงถูกเลิกจ้างไป ทำให้ไม่มีพยานเห็นรูปพรรณสัณฐานของคนร้าย
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้ตั้งปมสังหารเอาไว้ 3 ประเด็น คือ ความขัดแย้งเรื่องผลประโยชน์ทางธุรกิจ การปล่อยเงินกู้นอกระบบ และเรื่องหนี้สิน นอกจากนี้ เมื่อเดือนที่ผ่านมา ผู้ตายยังได้ไล่คนงานออกไปจากโรงงาน 2 คน ซึ่งตำรวจจะได้ติดตามตัวมาสอบปากคำต่อไป อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่จะได้สอบปาก คำภรรยาและญาติของผู้ตายอย่างละเอียดอีกครั้ง รวมถึงลงพื้นที่สอบปากคำพยานแวด ล้อมในที่เกิดเหตุ และตรวจสอบกล้องวงจร ปิดหน้าบริษัทของผู้ตาย รวมทั้งกล้องวงจร ปิดในละแวกใกล้เคียงว่าสามารถจับภาพขณะเกิดเหตุหรือรถยนต์ต้องสงสัยได้หรือไม่ เพื่อเป็นเบาะแสในการติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดี
ต่อมาเวลา 13.00 น. ที่ สน.ลาดพร้าว พ.ต.อ.อาณัติ เกล็ดมณี รอง ผบก.น.4 เรียก พ.ต.อ.บุญส่ง นามกรณ์ ผกก.สน.ลาดพร้าว พร้อมฝ่ายสืบสวน พนักงานสอบสวน และชุดสืบสวน บกน.4 เข้าประชุมเพื่อประมวลเหตุการณ์คนร้ายใช้อาวุธปืนยิงนายฉัตรชัย
โดยพ.ต.อ.บุญส่ง เปิดเผยว่า คดีไม่น่าจะมีความซับซ้อนมาก แต่ก็ยังไม่ตัดประเด็นใดประเด็นหนึ่งทิ้ง ได้สั่งการให้ชุดสืบสวนออกหาข้อมูลในพื้นที่เกิดเหตุแล้ว พร้อมกับขอเทปจากกล้องวงจรปิดของบริษัท และกล้องของป้อมยามของหมู่บ้าน มาตรวจสอบว่าบันทึกภาพคนร้ายไว้ได้หรือไม่ แต่จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า กล้องของบริษัทหันไปทางขวาตามแนวตึกของบริษัท ตรงนี้ต้องตรวจสอบว่าเหตุใดกล้องถึงหันไปทางนั้น เพราะปกติแล้วกล้องจะต้องหันไปในทิศทางเข้า-ออกของอาคาร แต่ก็มีความเป็นไปได้ว่า กล้องอาจจะหันไปทางด้านนั้นอยู่แล้ว เพื่อป้อง กันบุคคลภายนอกแอบเข้ามาทางด้านข้างของตึก ซึ่งจะต้องเรียกพนักงานของบริษัทมาสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง พร้อมกับตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดว่า ก่อนหน้านี้ได้บันทึกภาพจากทางด้านหน้าบริษัท หรือว่ากล้องได้บันทึกภาพตามแนวด้านขวาของตึกอยู่ก่อนแล้ว และยังพบว่ามีกล้องที่บ้านของนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ซึ่งอยู่ใกล้เคียงกันจะประสานขอภาพมาตรวจสอบด้วย
"ผมสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบประวัติผู้ตายอย่างละเอียดอีกครั้ง ว่ามีความเกี่ยวพันอะไรกับใครบ้าง เคยมีปัญหากับลูกจ้างที่เพิ่งถูกไล่ออกไปด้วยหรือไม่ รวมทั้งเรื่องหนี้สินต่างๆ ว่ามีใครติดค้างหนี้สินอยู่กับผู้ตายบ้าง คิดว่าไม่น่าจะมีอะไรซับซ้อน" พ.ต.อ.บุญส่ง กล่าว
รายงานข่าวแจ้งว่า จากการสืบสวนเจ้าหน้าที่ให้น้ำหนักไปที่เรื่องขัดแย้งในโรงงาน กรณีไล่คนงานออกจากงาน ซึ่งก่อนหน้านี้ผู้ตายไล่คนงานออกติดๆ กัน 2 คน ซึ่งทั้ง 2 คน มีความสัมพันธ์เป็นพี่น้องกัน คนแรกถูกไล่ออกไปเมื่อปีที่แล้ว ส่วนอีกคนถูกไล่ออกไปเมื่อไม่นาน สาเหตุเกิดจากลูกจ้างพยายามเรียกร้องขอขึ้นค่าจ้าง แต่ผู้ตายไม่ยอมขึ้นให้ จึงทำให้ลูกจ้างรายดังกล่าวไม่พอใจเลยถูกไล่ออก
นอกจากนี้ ผู้ตายยังเคยแจ้งความดำเนินคดีกับลูกจ้างอีก 1 คน มีการออกหมายจับข้อหายักยอกทรัพย์ มูลค่าประมาณ 1 แสนบาท โดยลูกจ้างคนดังกล่าวได้ขายสินค้าได้ แต่ไม่ยอมนำเงินมาส่ง ผู้ตายจึงแจ้งความดำเนินคดีไปเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งเจ้าหน้าที่ให้น้ำหนักรองลงไป เพราะวงเงินไม่มาก อย่างไรก็ตาม คดีนี้มีพยานเห็นรถคนร้ายขับวนใกล้ที่เกิดเหตุ 2-3 รอบก่อนลงมือสังหารเหยื่อ ซึ่งคนร้ายมีการใช้วัสดุปิดบังป้ายทะเบียนไว้ด้วย
ขอขอบคุณเนื้อหาช่าวคุณภาพดีโดย : หนังสือพิมพ์ข่าวสด