ดช.วัย14 มือลอบเผาโรงเรียน

กรณีคนร้ายลอบวางเพลิงเผาโรงเรียนบ้านน้อยกุดคล้า


หมู่ 7 ต.เสมา อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา เมื่อคืนวันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา ล่าสุดตำรวจติดตามจับกุมมือเพลิงมาได้แล้ว โดยเมื่อเวลา 17.30 น. วานนี้ (4 ต.ค.) พล.ต.ต.อำนาจ อันอาตม์งาม ผบก.ภ.จ.นครราชสีมา พร้อมด้วย พ.ต.อ.พรเทพ เพชรคง ผกก.สภ.อ.สูงเนิน นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจู่โจมเข้าจับกุมตัว ด.ช.หนุ่ย (นามสมมติ) อายุ 14 ปี ผู้ต้องหา ขณะนั่งเล่นอยู่บริเวณหน้าบ้านใน ต.เสมา อ.สูงเนิน นำตัวไปสอบสวนให้การรับสารภาพว่า


เมื่อเย็นวันที่ 1 ต.ค. พร้อมเพื่อนอีกหลายคนชักชวนกันไปเล่นฟุตบอลที่สนามของโรงเรียนบ้านน้อยกุดคล้า

หลังจากเลิกเล่นแล้วได้ปีนหน้าต่างด้านหลังของห้องเรียนอนุบาลชั้น 1/2 เข้าไปในห้องเรียน จุดไม้ขีด ไฟเผาตุ๊กตายางจนลุกเป็นไฟแล้วโยนขึ้นไปบนชั้นวางของ จากนั้นจุดไม้ขีดอีกครั้งเพื่อสูบบุหรี่ แล้วทิ้งก้นบุหรี่ลงที่กองกระดาษเกิดไฟลุกไหม้ ก่อนจะปีนหน้าต่างหลบหนีไป ส่วนสาเหตุเพื่อต้องการแก้แค้นทางโรงเรียน


เนื่องจากก่อนหน้านี้ขณะเข้าไปเล่นในบริเวณโรงเรียนได้ใช้ก้อนหินปานก พลาดไปถูกกระจกแตก

นายสำราญ พรหมสูตร ผอ.โรงเรียน จับได้เรียกผู้ปกครองไปพบให้ ชดใช้ค่าเสียหาย แต่ครอบครัวฐานะยากจนจึงขอผัดผ่อน นายสำราญไม่ยอม ขู่จะแจ้งตำรวจจับกุม จึงก่อเหตุเผาโรงเรียนเพื่อระบายแค้น เบื้องต้นตำรวจได้แจ้งข้อหา ด.ช.หนุ่ยวางเพลิงและเผาทรัพย์สินของทางราชการ ควบคุมตัวดำเนินคดี

ก่อนหน้านี้เมื่อเวลา 13.30 น.วันเดียวกัน


คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมคณะ เดินทางไปตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ พร้อมกับกล่าวให้กำลังใจบรรดาครูและผู้ปกครอง รวมทั้งเด็กนักเรียน ขอให้มีความอดทน ใช้สติปัญญาในการแก้ไขปัญหา ขณะเดียวกัน ยังได้สอบถามความคืบหน้าคดีกับ พ.ต.อ.พรเทพ เพชรคง ผกก.สภ.อ.สูงเนิน และนายสำราญ พรหมสูตร ผอ.โรงเรียนบ้านน้อยกุดคล้า ก่อนที่จะให้ สัมภาษณ์ว่าต้องขอขอบคุณตำรวจที่ติดตามสอบสวนคดีเป็นอย่างดี ส่วนกองทัพภาคที่ 2 ก็ได้เข้ามาดูแลอย่างดีด้วยเช่นกัน เดินทางมาในวันนี้ก็เพื่อตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุและมาเยี่ยมครูนักเรียนผู้ปกครองในพื้นที่


ส่วนประเด็นการสอบสวนนั้นขอให้เป็นเรื่องของตำรวจในพื้นที่

ตนมาตรวจสอบดูว่าหลังจากเกิดเหตุเพลิงไหม้แล้วสภาพการเรียนการสอนนั้นเป็นอย่างไรบ้าง มีผลกระทบมากน้อยเพียงใด และที่สำคัญต้องขอขอบคุณชาวบ้านในชุมชนที่ช่วยกันดับไฟในช่วงที่เกิดเหตุได้อย่างทัน ท่วงที หากไม่ได้ชาวบ้านในชุมชนช่วย ไฟคงเผาอาคารเรียนของเด็กนักเรียนวอดทั้งหลังแน่


เรื่องดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า

นอกจากโรงเรียนจะต้องคอยดูแลและต้องมีเวรยามกันแล้ว ความสัมพันธ์ที่ดีกับชุมชนก็ช่วยเป็นหูเป็นตาให้กับทางราชการ เป็นสิ่งสำคัญที่พวกเราจะต้องช่วยเหลือ ดูแลสถานที่ศึกษาหาความรู้ของเด็กนักเรียนที่เป็นอนาคตของชาติด้วย

คุณหญิงกษมากล่าวอีกว่า


ขณะนี้ทราบจาก ผกก.ว่าทางกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และตำรวจชุมชน มีการจัดเวรยามหมุนเวียนกันมาช่วยรักษาความสงบภายในโรงเรียนและสถานที่สำคัญ โดยเพิ่มหลอดไฟในหลายจุดเพื่อให้มีแสง สว่างพอเพียง เรื่องนี้กระทรวงศึกษาธิการต้องขอขอบคุณเป็นอย่างสูง ใกล้ปิดเทอมแล้วก็อยากขอฝากทุกโรงเรียนช่วยกันดูแลและหามาตรการป้องกันเวรยามให้เหนียวแน่นมากยิ่งขึ้น


ส่วนเรื่องไม่มีภารโรงในโรงเรียนนั้น

ก็เป็นนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการของโรงเรียนทั่วประเทศที่ออกมาหลายสิบปีแล้ว กรณีที่ภารโรงได้เกษียณอายุไปแล้วจะไม่มีการบรรจุใหม่ เป็นหน้าที่ของครูและนักเรียนที่จะต้องช่วยกันดูและทำความสะอาดโรงเรียน


ส่วนสาเหตุคาดว่าเป็นเรื่องของความคึกคะนองหรือไม่ก็เป็นพฤติกรรม เลียนแบบทำนองนั้น

พื้นที่แห่งนี้เป็นพื้นที่มีความสงบสุขเรียบร้อย ไม่เคยมีปัญหาอะไรเกี่ยวกับหมู่บ้านและโรงเรียนมาก่อน ได้กำชับให้โรงเรียนทั่วประเทศจัดเวรยาม กำกับดูแลให้ใกล้ชิดมากกว่าเดิม ทางอำเภอต่างๆก็ได้ กำชับกำนันผู้ใหญ่บ้านให้มาช่วยดูแล จัดเวรยามอย่างใกล้ชิด ให้ชุมชนรู้สึกเป็นเจ้าของโรงเรียน และหวงแหนด้วยกัน


ส่วนประเด็นความขัดแย้งในโรงเรียนนั้นไม่พบ

เพราะจากการสอบถามผู้อำนวยการโรงเรียนและครูก็อยู่ด้วยกันดีมาโดยตลอด ไม่เคยมีปัญหาอะไรกัน นอกจากนี้ ยังมีครูหลายคนสอนอยู่ที่นี่มาหลายปีแล้ว เป็นที่รักใคร่ของคนในชุมชนไปแล้วอีกด้วย

แหล่งที่มา:


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์