ส่งยาเสพติดปนกับขนมขบเคี้ยวตบตา

หนุ่มขนยาบ้า ใส่ซองยา ปนกับขนมขบเคี้ยว เพื่อกลบกลิ่น  หวังตบตาตำรวจ แต่ไม่รอด ถูกจับได้ สารภาพ ได้ค่าจ้างครั้งละ 5,000 บาท...

       เมื่อเวลา 03.30 น.วันที่ 8 ม.ค. ขณะที่ พ.ต.อ.ภาสกร กลั่นหวาน ผกก.สภ.เมืองนครปฐม พ.ต.ต.เฉลิมพล จุมปูอา สวป. ร.ต.อ.กิตติ ลาภปรากฏ รอง สวป. พร้อมสายตรวจ ตั้งด่านตรวจที่หน้าตลาดเอื้ออาทร - ทุ่งพระเมรุ เขตเทศบาลนครนครปฐม มีรถแท็กซี่น้ำเงินแดง มีชายนั่งอยู่ที่เบาะหลัง 1 คน ขับผ่านมา จึงเรียกหยุดตรวจ พบนายเมธาพันธ์ จันทร์สอนรัตน์ อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 8 ถนนริมคลองพระงาม ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมืองนครปฐม ถือถุงกระดาษสีน้ำตาลอยู่ในมือ เมื่อตรวจค้นในถุงพบ ยาบ้า จำนวน 83 เม็ด บรรจุอยู่ในซองยา ยาไอซ์ บรรจุ ในถุงพลาสติกใส 3 ถุง น้ำหนักรวม 150 กรัม ยาอีจำนวน 2 เม็ด หลอดแก้วใส ใช้ในการเสพ 24 อัน พร้อมยึดโทรศัพท์มือถือยี่ห้อ โนเกีย 1 เครื่อง ตั้งข้อกล่าวหา มียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาบ้าและยาไอซ์) ไว้ในครอบครอง เพื่อจำหน่ายและมียาอีไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมาย นำตัวมาสอบสวนที่ สภ.เมืองนครปฐม

จากนั้น ได้รายงานให้ พล.ต.ต.โสภณ พิสุทธิวงษ์ รอง ผบช.ภ.7 รอง ผอ.ปปส.ภ.7 ทราบเดินทางมาสอบสวน จากการสอบถามนายเมธาพันธ์ เผยว่า ตนเองแค่รับจ้างหิ้วยาเสพติดดังกล่าวมาจาก นายชัย (ไม่ทราบนามสกุล) จากห้วยขวาง กทม. หลังจากรับยามาแล้วได้เช่ารถแท็กซี่ นำกลับบ้านที่ จ.นครปฐม นำมาแปรรูปด้วยวิธีการใส่ในซองยา ปนกับขนมขบเคี้ยว เพื่อกลบกลิ่นจากนั้นจะรวบรวมเป็นถุงใหญ่ หิ้วขึ้นรถโดยสารรถทัวร์สายใต้ เพื่อนำไปส่งที่ จ.ภูเก็ต เมื่อถึงภูเก็ตแล้วจะใช้วิธีการโทรศัพท์ นัดให้ลูกค้ามารับตามสถานที่นัดไว้ จากนั้นจะเดินทางกลับได้ค่าจ้างครั้งละ 5,000 บาท ทำอย่างนี้มาแล้ว 9 ครั้ง ส่วนแท็กซี่สอบสวนแล้วไม่พบว่ามีส่วนร่วมจึงปล่อยตัวไป

หลังจากรับสารภาพแล้ว พล.ต.ต.โสภณ ได้สั่งให้ชุดสืบสวนขยายผลให้ไปถึงต้นตอ เพราะเชื่อว่า นายเมธาพันธ์ นั้นทำเป็นขบวนการ จะต้องมีเครือข่ายร่วมอีกในพื้นที่ จ.นครปฐม และจังหวัดใกล้เคียง นอกจากนี้ ยังสั่งให้เข้มงวดในการตรวจจับกุม เพราะกลุ่มค้ายาเสพติดมักมีพฤติกรรมแปลกใหม่อยู่เสมอ ต้องตามให้ทัน ส่วนราคาจำหน่ายน่าจะไม่ต่ำกว่าครึ่งแสน เพราะขณะนี้ยาไอซ์ เริ่มระบาดมากขึ้น กำลังเป็นที่นิยมของหมู่วัยรุ่น ซุกซ่อนง่าย และกลิ่นไม่แรงเหมือนยาบ้า พร้อมกล่าวชมเชยการทำงานของ ตร.ชุดจับกุมด้วย