รวบโอเกะค้ากามสาวต่างด้าวบริการ
เปิดร้านบังหน้า ผวจ.ฮึ่มสั่งเชือด ถ้าพบใครมีเอี่ยว
สืบจังหวัดโชว์ฟอร์ม จับเปิดคาราโอเกะบังหน้า ค้ากามหลังร้าน หลังชาวบ้านร้องเรียน ผบช.ภ.7-ผู้การฯ เต้น สั่งวางแผนล่อซื้อจับกุมสำเร็จ รวบ 21 สาวต่างด้าว ส่วนใหญ่มีบัตรทำงาน แต่โดนข้อหาทำงานผิดที่ อีก 2 ถูกข้อหาค้าประเวณี ส่วนผู้ดูแลร้าน เจอข้อหา เป็นธุระจัดหาและเจ้าของสถานที่เปิดให้ค้าประเวณี ผู้ว่าฯ จี้อำเภอสอบข่าวผู้นำท้องถิ่นมีเอี่ยว ขู่พบพัวพันค้ามนุษย์ฟันไม่เลี้ยง
เมื่อวันที่ 7 ม.ค. ผู้สื่อข่าวส่วนกลาง รายงานว่า เมื่อกลางดึกวันที่ 6 ม.ค. ที่ผ่านมา พล.ต.ท.พงษ์สันต์ เจียมอ่อน ผบช.ภ7 สั่งการให้ พล.ต.ต.เพชรัตน์ แสงไชย ผบก.ภ.จว.ราชบุรี จัดกำลังตำรวจชุดสืบสวนจังหวัดเข้าตรวจค้นร้านอาหารครัวปันปี คาราโอเกะ ตั้งอยู่เลขที่ 131 หมู่ 11 ต.นครชุมน์ อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี หลังได้รับการร้องเรียนจากประชาชนหลายครั้งที่ร้านดังกล่าวมีการลักลอบค้าประเวณี โดย พล.ต.ต. เพชรัตน์ มอบหมายให้ พ.ต.อ.วีระ วิจิตรหงส์ ผกก.สส.ภ.จว.ราชบุรี วางแผนส่งสาย ลับทำทีเป็นลูกค้าเข้าไปใช้บริการ และล่อซื้อบริการทางเพศกับหญิงสาวในร้าน 2 คน ตกลงราคากันคนละ 750 บาท โดยจะไปร่วมหลับนอนกันในห้องพักหลังร้าน หลังจากนั้นกำลังตำรวจกว่า 30 นาย จึงกรูกันเข้าตรวจค้น พบหญิงสาวนั่งอยู่ในร้านกว่า 10 คน และจากการตรวจสอบภายในร้าน พบมีตู้เพลงคาราโอเกะเพียงตู้เดียว
นอกจากนี้หลังร้านยังซอยเป็นห้องแถวเล็ก ๆ ปลูกเรียงติดกัน 24 ห้อง ภายในห้องยังพบหญิงสาวอีกจำนวนหนึ่ง จึงควบคุมตัวทั้งหมดรวม 21 คน ส่วนใหญ่เป็นชาวไทยใหญ่ ลาว และพม่า ไปสอบสวนที่ สภ.บ้านโป่ง รวมทั้งนายอิทธิพล ปันปี อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 75/2 หมู่ 5 ต.นครชุมน์ อ.บ้านโป่ง ที่รับเป็นผู้ดูแลร้าน เบื้องต้นตรวจสอบพบหญิงสาว 19 คน มีบัตรแรงงานต่างด้าว แต่ไม่ได้ทำงานตรงตามที่ระบุไว้ในบัตร จึงแจ้งข้อหาทำงานผิดนายจ้างและเปรียบเทียบปรับก่อนส่งตัวไปให้นายจ้างตามสถานที่ระบุไว้ในบัตร ส่วนหญิงสาวอีก 2 คน ถูกแจ้งข้อหาค้าประเวณี ขณะที่ นายอิทธิพล ถูกแจ้งข้อหา เป็นธุระจัดหาล่อไปหรือพาไปเพื่อค้าประเวณี โดยยินยอมหรือไม่ก็ตาม และเป็นเจ้าของสถานที่เปิดให้มีการค้าประเวณี
ด้านนายสุเทพ โกมลภมร ผวจ.ราชบุรี ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องดังกล่าว โดยเฉพาะประเด็นที่ว่ามีนักการเมืองท้องถิ่น หรือผู้นำท้องถิ่นในพื้นที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องว่า ได้สั่งการให้ทางอำเภอบ้านโป่งไปตรวจสอบข้อเท็จจริงและรายงานให้ทราบตามลำดับชั้น จนมาถึงตนว่ามีนักการเมืองท้องถิ่น หรือผู้นำท้องถิ่นเข้าไปเกี่ยวข้องหรือพัวพันกับการค้ามนุษย์หรือไม่ หากพบใครเกี่ยวข้องหรือทำผิดจริงถือว่าสร้างความเสื่อมเสียต่อเกียรติยศ และหน้าที่อย่างมาก จะดำเนินการทางวินัยอย่างร้ายแรงทันที เพราะถือว่าไปส่งเสริม สนับสนุน ที่สำคัญขัดต่อนโยบายของรัฐบาลที่กำชับไม่ให้มีผู้มีอิทธิพลในพื้นที่
“ส่วนแรงงานต่างด้าวที่พบในร้านนั้นต้องตรวจสอบดูก่อนว่าใบอนุญาตให้ทำงานนั้นอยู่ที่ไหน ถ้าทำงานผิดสถานที่ตำรวจก็ว่ากันไปตามกฎหมาย และถ้าสืบสวนพบมีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้องหรือมีส่วนรู้เห็น ก็จะจัดการให้เด็ดขาด ขอให้ทุกภาคส่วนช่วยเป็นหูเป็นตาในการดูแลตรวจสอบ โดยเฉพาะเรื่องของการค้ามนุษย์ การค้าแรงงานเด็ก เพื่อให้สังคมดีขึ้น โดยเฉพาะสื่อมวลชนนั้นถือว่าเป็นกำลังที่สำคัญที่สามารถตีแผ่เรื่องราวต่าง ๆ และเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยทำให้สังคมดีขึ้น” ผวจ.ราชบุรี กล่าวจริงจัง.