รวบ 3 ขาโจ๋ฆ่าเกย์ ยัวะโดนลดค่าตัว
จากคดีนายองอาจ แสงรัตน์ อายุ 29 ปี เกย์หนุ่ม อาชีพขายเสื้อผ้าสำเร็จรูป ในตลาดไนท์พลาซ่า ริมแม่น้ำน่าน อยู่แพเลขที่ 76 (ฝั่งตะวันออก) ถนนพุทธบูชา ต.ในเมือง อ.เมืองพิษณุโลก ถูกกลุ่มวัยรุ่นรุมทำร้ายเสียชีวิต บริเวณเขื่อนริมแม่น้ำน่าน หน้าวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ วรมหาวิหาร หรือวัดใหญ่ เมื่อเช้ามืดวันที่ 3 มี.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งคาดว่าเป็นฝีมือ ของกลุ่มวัยรุ่นที่มั่วสุมละแวก ดังกล่าว รุมทำร้ายหลังผู้ตาย เข้าไปติดต่อ ขอซื้อบริการทางเพศแบบ ไม้ป่าเดียวกัน นั้น
เมื่อเวลา 14.00 น. วานนี้ (6 มี.ค.) พ.ต.อ.เฉลิม สุวรรณรัตน์โอสถ ผกก. สภ.อ.เมืองพิษณุโลก พ.ต.ท.สุชาติ โสรัจจ์ รอง ผกก.สส. พ.ต.ท.กิตติพงษ์ นิภาพร สว.สส. ร.ต.ท.ชวลิต ศรีสนธิ์ พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี นำกำลังคุมตัวนายเพชร ดีอินทร์ อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 31/12 ถนนธรรมบูชาต.ในเมือง อ.เมืองพิษณุโลก นายต้อย (นามสมมติ) อายุ 16 ปี และ ด.ช.โต้ง (นามสมมติ) อายุ 14 ปี ผู้ต้องหา ร่วมกันฆ่านายองอาจ ผู้ตาย ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ในที่เกิดเหตุบริเวณเขื่อนริมแม่น้ำน่าน หน้าวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร โดยมีญาติผู้ตาย รวมทั้งพ่อค้าแม่ค้า บรรดาคนขับขี่รถรับจ้างและชาวบ้าน ร่วม 100 คน มุงดูแน่นขนัด ฮือจะเข้าทำร้ายผู้ต้องหา จนตำรวจต้องรีบคุมตัวกลับโรงพักทั้งที่ยังทำแผนฯไม่เสร็จสิ้น
สำหรับเบื้องหลังการจับกุมแก๊งวัยรุ่นโหดครั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 5 มี.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เรียกนายเพชร ซึ่งเคยมีพฤติกรรมก่อเหตุชิงทรัพย์ละแวกที่เกิดเหตุ มาสอบเค้นอย่างหนักจนเปิดปากรับสารภาพว่า ได้ร่วมกับนายมาโนช ศรีคูณ นายพรชัย ฤทธิ์แก้ว นายช้าง ไม่ทราบนามสกุล นายต้อย (นามสมมติ) และ ด.ช.โต้ง (นามสมมติ) เพื่อนร่วมแก๊งที่ชอบมั่วสุมเล่นเกม รุมทำร้ายนายองอาจจนเสียชีวิต แล้วพากันหนีไป
นายเพชร ผู้ต้องหา ให้การต่อว่า ในวันเกิดเหตุ พวกตนทั้ง 6 คน ขี่รถจักรยานยนต์กลับจากเล่นเกมที่ร้านเกมโซว่า ถนนสนามบิน ต.ในเมือง แล้วพากันขี่รถไปที่หน้าวัดใหญ่ เห็นนายองอาจยืนอยู่บริเวณบันไดท่าน้ำหน้าวัด นายต้อย และ ด.ช.โต้ง จึงเข้าไปพูดคุยจนมีการตกลงซื้อบริการทางเพศในราคา 300 บาทต่อคน โดยนายองอาจชวนนายต้อย และ ด.ช.โต้งไปปฏิบัติกามกิจที่ท่อระบายน้ำขนาดใหญ่ ใต้สะพานนเรศวร ห่างจุดเกิดเหตุ 30 เมตร ส่วนตนกับพวกที่เหลือ ยืนรออยู่ริมถนน
ผู้ต้องหาฆ่าเกย์ให้การต่อว่า หลังจากนั้นราว 10 นาทีเศษ นายต้อยและ ด.ช.โต้ง กลับออกมา บอกว่านายองอาจไม่ให้ร่วมเพศ เพียงแต่ขอใช้ปากสำเร็จความใคร่ให้นายต้อย และ ด.ช.โต้ง แล้วให้เงินนายต้อย 100 บาท ให้เงิน ด.ช.โต้ง แค่ 50 บาท นายช้างได้ยินไม่พอใจ ชักชวนให้รุมยำนายองอาจ ก่อนจะปรี่เข้าชกหน้านายองอาจล้มลง แล้วพวกตนก็กรูเข้าไปรุมทำร้ายซ้ำจนฟุบกับพื้น ระหว่างนั้นนายองอาจพยายามลุกขึ้น ตนจึงคว้าหินปาถูกหัวนายองอาจล้มแน่นิ่ง ก่อนจะช่วยกันค้นกระเป๋าสะพายเอาทรัพย์สินของผู้ตาย ซึ่งตนหยิบเงินไป 200 บาท ทรัพย์สินที่เหลือนายพรชัยเป็นคนเก็บไป จากนั้นได้พากันหนีไปโดยไม่รู้ว่านายองอาจเสียชีวิตแล้ว
หลังสอบสวนได้ความดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดตามจับกุมนายต้อย และ ด.ช.โต้ง แจ้งข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ก่อนคุมตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพดังกล่าว ส่วนผู้ต้องหาที่เหลือจะได้ติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีต่อไป