เค้นอภิรักษ์ 4 ชั่วโมงแจงรถดับเพลิงฉาว
ดีเอสไอสอบเครียดผู้ว่าฯ อภิรักษ์ นานกว่า 4 ชั่วโมง กรณีรถดับเพลิงฉาว พร้อมเรียกกลุ่มผู้บริหารให้ข้อมูล 7-10 มี.ค.นี้ ชี้สัญญาซื้อขายเป็นสัญญาระหว่างรัฐบาลไทยกับออสเตรีย ผู้ว่าฯ อภิรักษ์แค่บริหารสัญญาต่อจากผู้ว่าฯ คนเก่า ขอเวลาถกข้อมูล-สอบคนเกี่ยวข้องแล้วจะสรุปผลให้สังคมทราบ เผยรถดับเพลิงฉาวไม่เหมือนคดีฮั้วประมูล ทำได้เพียงสรุปผลเอาผิดใครไม่ได้ ต้องส่งเรื่อง ป.ป.ช.จัดการ ด้านหล่อเล็ก ยันถูก มท. บีบให้เปิดแอลซี พร้อมชี้แจงทุกประเด็น พิสูจน์ความบริสุทธิ์ ขณะที่รถดับเพลิงยังอยู่ในท่าเรือ ไม่มีวี่แววเอาออกมาใช้ได้ กทม. รอเคลียร์ปัญหากระทรวงกลาโหม-กรมศุลกากร
ความคืบหน้าเกี่ยวกับปัญหาการทุจริตในโครงการต่าง ๆ ของกรุงเทพมหานคร (กทม.) นั้น เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 6 มี.ค. ที่ศาลา ว่าการ กทม. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ และ พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันตชัย ผู้บัญชา การสำนักคดีอาญา ดีเอสไอ ได้เข้าพบนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯ กทม. เพื่อสอบถามถึงโครงการ จัดซื้อรถดับเพลิงของ กทม. โดยใช้เวลาในการเข้าพบนานประมาณ 4 ชั่วโมง หลังจากนั้น พ.ต.อ. ทวี เปิดเผยว่า ได้สอบถามผู้ว่าฯ กทม. ในประเด็นต่าง ๆ หลังจากสัปดาห์ที่ผ่านมาได้เชิญนายสมัคร สุนทรเวช อดีตผู้ว่าฯ กทม. ไปชี้แจง ซึ่งพบว่าโครงการนี้เป็นโครงการระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลออสเตรีย ดำเนินการมาตั้งแต่สมัยผู้บริหารชุดที่แล้วและลงนามในสัญญาไปแล้ว เมื่อนายอภิรักษ์เข้ามาถือเป็นช่วงการบริหารสัญญา จนถึงขณะนี้ยังสรุปไม่ได้ว่าจะออกมาในทิศทางใด เพราะต้องรอการชี้แจงจากผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดก่อน
พ.ต.อ.ทวี กล่าวต่อว่า คาดว่าจะสรุปผลการตรวจสอบได้ภายในเดือนนี้ หากพบว่ามีใครเข้ามาเกี่ยวข้องหรือมีส่วนในการกระทำความ ผิดในทางอาญาจะส่งข้อมูลให้ ป.ป.ช. ดำเนินการต่อ หากไม่พบจะชี้แจงให้สังคมทราบ เนื่อง จากที่ดีเอสไอตรวจสอบโครงการนี้เพราะมีการตั้งข้อสังเกตจากอดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคไทยรักไทย แต่โครงการนี้ไม่เหมือนคดีฮั้วประมูลที่มีการร้องเรียนในเรื่องการกีดกันการเข้าแข่งขันทางราคาอย่างชัดเจน และต้องสอบสวนบุคคลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง แต่โครงการนี้เป็นเพียงการสอบถามข้อมูลจากผู้เกี่ยวข้อง เพื่อนำมาสรุปผลเท่านั้น
นายอภิรักษ์ กล่าวว่า ได้ให้ข้อมูลกับดีเอสไอทั้งหมดตั้งแต่เริ่มแรกที่ตนเข้ามารับตำแหน่ง และได้รับการร้องเรียนจากอดีต ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ จึงได้เสนอทบทวนโครงการไปที่กระทรวงมหาดไทยหลายครั้งรวมทั้งชะลอการเปิดแอลซีแต่กระทรวงมหาดไทยให้เดินหน้า ก็ยังมีการตั้งคณะกรรมการฯ มาเจรจากับบริษัทเพื่อเพิ่มผลตอบแทน ภายหลังยังทำหนังสือถึงกระทรวงมหาดไทยเสนอให้ตั้งกรรมการร่วมแต่ถูกปฏิเสธ ทั้งนี้ได้มอบเอกสารจำนวนมากให้ ดีเอสไอ และไม่หนักใจเพราะ กทม. ดำเนินการตามสัญญาที่ทำกันมาก่อน คิดว่าไม่มีปัญหาชี้แจงได้หมด ซึ่งแตกต่างจากปัญหาการฮั้วประมูลที่ตนไม่ทราบเรื่อง และไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องในกระบวน การต่าง ๆ
รายงานข่าวแจ้งว่า วันเดียวกัน เมื่อเวลา 10.00 น. ดีเอสไอ ได้เรียกนายสามารถ ราชพลสิทธิ์ ที่ปรึกษาผู้ว่าฯ กทม. อดีตรองผู้ว่าฯ กทม. ซึ่งเคยเป็นประธานคณะกรรมการเจรจาเพิ่มผลตอบแทนโครงการจัดซื้อรถดับเพลิง ไปให้ถ้อยคำที่ดีเอสไอ จากนั้นจะเชิญผู้บริหาร กทม. ที่เกี่ยวข้องกับโครงการจัดซื้อรถดับเพลิงไปให้ถ้อยคำอีก โดยในวันที่ 7 มี.ค เวลา 14.00 น. เชิญนายอนันต์ ศิริภัสราภรณ์ รองปลัด กทม. ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจรับรถดับเพลิง วันที่ 9 มี.ค. เชิญนายพนิช วิกิตเศรษฐ์ รองผู้ว่าฯ กทม. ในฐานะผู้เกี่ยวข้องในการเปิดแอลซี จัดซื้อรถดับเพลิง และวันที่ 10 มี.ค. เชิญนายวัลลภ สุวรรณดี รองผู้ว่าฯ กทม. ในฐานะผู้ควบคุมดูแลสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รวมทั้งเป็นหัวหน้าคณะในการเดินทางไปพร้อมกับคณะกรรมการตรวจรับรถดับเพลิงที่เดินทางไปตรวจรับรถและเรือดับเพลิงต้นแบบที่ประเทศเบลเยียมระหว่างวันที่ 14-21 ธ.ค. ที่ผ่านมา
นายอนันต์ กล่าวว่า ได้เตรียมข้อมูลไปให้ถ้อยคำต่อดีเอสไอเต็มที่ในฐานะที่เกี่ยวข้องในการเป็นประธานคณะกรรมการตรวจรับรถดับเพลิงและอุปกรณ์ฯ ส่วนรถดับเพลิงในลอตแรกที่ส่งมา 173 คัน นั้น ขณะนี้ยังไม่ได้ตรวจรับรถแต่อย่างใด เนื่องจากผู้ว่าฯ กทม. ได้สั่งชะลอเพื่อรอให้คณะกรรมการตรวจสอบสัญญาการจัดซื้อ ที่มีนายบุญเสริม วีสกุล อดีตรองอธิการบดีสถาบัน บัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ หรือนิด้า เป็นประธานตรวจสอบสัญญาก่อน อีกทั้งขณะนี้บริษัทสไตเออร์ฯ ผู้จัดการรถยังไม่มีหนังสือถึง กทม. ให้ไปตรวจรับรถดับเพลิงและอุปกรณ์แต่อย่างใด ซึ่งตามสัญญาเมื่อบริษัทแจ้งสถานที่ในการเก็บรถดับเพลิง กทม. ต้องไปตรวจรับรถภายใน 30 วัน
นายอนันต์ กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องการชำระภาษีนำเข้าและภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) ของ รถ และอุปกรณ์ที่ส่งมาลอตแรกตกประมาณ 600 ล้านบาทนั้น ขณะนี้ กทม. อยู่ระหว่างประสานกับกระทรวงกลาโหมเพื่อให้รายการจัดซื้อทั้งหมด อยู่ในหมวดยุทธภัณฑ์เพื่อยกเว้นภาษีได้ ซึ่งต้องรอรวมทั้งเจรจากับกรมศุลกากรไม่ให้คิดค่าปรับหลังจาก กทม. นำรถดับเพลิงออกมาก่อนโดยไม่ได้ ชำระภาษี เนื่องจากตามระเบียบหากภายใน 30 วัน ยังไม่ชำระภาษีจะต้องถูกปรับร้อยละ 1 ซึ่งตกเดือนละ 6 ล้านบาท.