เมื่อวันที่ 3 ม.ค.53 พ.ต.ต.ภาคสุวัฒน์ ชมถนอม สว.สส.สภ.ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี
พร้อมกำลังชุดสืบสวนร่วมกันแถลงข่าวจับกุมนายวราวุฒิ แซ่โค้ว หรือเอ อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 69/2 หมู่ 4 ต.นิคมพัฒนา อ.นิคมพัฒนา จ.ระยอง ผู้ต้องหาคดีลักทรัพย์ พร้อมของกลางคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก 5 เครื่อง พระเลี่ยมทอง 10 องค์ กล้องดิจิตอล 2 ตัว สร้อยคอทองคำหนัก 5 บาท เงินสด 1 แสนบาท โทรศัพท์มือถือ 17 เครื่อง และทรัพย์สินอื่นๆ อีกหลายรายการ รวมมูลค่านับล้านบาท มีผู้เสียหายนับสิบรายเดินทางมาดูของกลางและชี้ตัวให้จับกุม
นายวราวุฒิ รับสารภาพว่า เพิ่งย้ายจาก จ.ระยอง มาพักอาศัยกับพี่ชายและพี่สะใภ้ ที่บังกะโลไม่มีเลขที่
ซอยมาบฟักทอง หมู่ 7 ต.ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง ได้เพียง 3 เดือนเศษ จากนั้นได้ออกตระเวนลักทรัพย์ตามหมู่บ้านจัดสรรและอาคารพาณิชย์ วิธีการจะทำทีเดินหาบ้านเป้าหมาย หากพบว่าบ้านไหนมีคนอยู่ก็จะดูว่าคนในบ้านมีกี่คน มีสุนัขหรือไม่ และอยู่จุดไหนของบ้าน จากนั้นจะอาศัยจังหวะเจ้าของบ้านเผลอ หาวิธีแอบเข้าไปในบ้านโดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์ในการงัดแงะ แล้วขโมยเอาทรัพย์สินมีค่า นำไปให้พี่ชายชื่อนายสมทรง ฉัตรเชิดชัย หรืออ้วน อายุ 30 ปี กับพี่สะใภ้ชื่อน.ส.อภรรัตน์ ป่าแดง อายุ 20 ปี นำไปจำนำที่ร้านรับซื้อของมือสองในตลาดบ้านอำเภอ เงินที่ได้จะนำไปซื้อยาบ้ามาเสพวันละประมาณ 10 เม็ด กระทั่งข่าวเริ่มดังจึงเตรียมตัวเก็บข้าวของย้ายบ้าน แต่มาถูกตำรวจจับกุมได้เสียก่อน ส่วนพี่ชายกับพี่สะใภ้ไหวตัวหลบหนีไปก่อนหน้านี้แล้ว
ด้านพ.ต.ต.ภาคสุวัฒน์ เปิดเผยว่า หลังจาก พ.ต.ท.ประกอบ แสงพริ้ง สวญ. รับปากชาวบ้านครั้งที่เดินทางมามอบช่อดอกไม้ให้กำลังใจเมื่อปลายปีที่แล้ว
ว่าจะปราบปรามจับกุมผู้กระทำผิดกฎหมายในพื้นที่ให้สิ้นซาก โดยเฉพาะแก๊งโจรลักทรัพย์ตามบ้านเรือน ถือเป็นนโยบายหลักที่ต้องสืบสวนติดตามจับกุมให้ได้ ไม่ว่าคดีเล็กหรือใหญ่ กระทั่งสืบทราบว่านายวราวุฒิ มีพฤติกรรมออกตระเวนลักทรัพย์แล้วนำไปให้พี่ชายกับพี่สะใภ้นำไปขาย จึงนำกำลังบุกจับกุมตัวได้พร้อมของกลางจำนวนมาก ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจคุมตัวนายวราวุฒิ ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพยังสถานที่ต่างๆ และพาไปยึดของกลางเพิ่มเติมที่ร้านณัฐพล รับซื้อ-ขายของมือสอง เลขที่ 164/11 บ้านอำเภอ หมู่ 4 ต.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี พร้อมเชิญนายณัฐพล เทียนธรรมธาดา อายุ 50 ปี เจ้าของร้านไปสอบปากคำ หากเข้าข่ายรับซื้อของโจรก็จะแจ้งข้อหาดำเนินคดีต่อไป