ค้นบ.จัดหางานยึดพระพุทธรูปโบราณ

กองปราบฯบุกตรวจค้นบริษัทจัดหางานย่านคลองหลวง ยึดพระพุทธรูปโบราณเก่าแก่อายุกว่าร้อยปีได้ 8 องค์

หลังสืบทราบว่าขนขึ้นรถกระบะนำมาซ่อนไว้ แต่เจ้าของอ้างว่าเช่ามาจากเพื่อนเอาไว้บูชา และสะสมประดับบารมี ตร.ให้กลับไปเอาหลักฐานมาแสดง ส่วนที่เมืองกรุงเก่า 2 คนร้าย แก๊งลักพระพุทธรูปใส่เสื้อเจ้าหน้าที่อาสาสมัครกู้ภัยมูลนิธิหนึ่งในเมืองหลวงบุกขโมยพระพทุธรูปจำนวนมากกลางวันแสก ๆ ขนขึ้นรถจยย.หนี เจ้าอาวาสเห็นแจ้งตำรวจตามตจับได้คนเดียว ยังปากแข็งปฏิเสธ อ้างเพื่อนอีกคนที่หลบหนีเอามาฝาก

การเข้าตรวจค้นบริษัทจัดหางานยึดพระพุทธรูปโบราณครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อเวลา 11.30 น.

วันที่ 28 ธ.ค. พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี ผกก. 2 บก.ป. พ.ต.อ.ปิยะ เจริญสุข ผกก. 4 บก.ป. พร้อมกำลังจำนวนหนึ่ง นำหมายค้นศาลจังหวัดธัญบุรี ที่ 1336/ 2552 ลงวันที่ 25 ธ.ค. 2552 เข้าตรวจ  ค้นบริษัทจัดหางาน ไทยโตเทค เลขที่ 120/ 25 หมู่ 13 ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี เนื่องจากสืบทราบว่ามีผู้ลักลอบนำพระพุทธรูปโบราณเก่าแก่อายุกว่าร้อยปีมาซุกซ่อนในบริษัท       
   
จากการตรวจค้นพบพระพุทธรูปเชียงแสน เนื้อทองเหลือง ปางมารวิชัย 2 องค์ พระพุทธรูปสมัยเชียงแสน สิงห์สาม

เนื้อทองแดงผสมทองเหลือง ปางมารวิชัย พระพุทธรูปศิลปะสมัยอู่ทอง เนื้อทองเหลือง ปางมารวิชัย พระพุทธรูปสมัยกำแพงเพชร เนื้อทองแดง ปางมารวิชัย พระพุทธรูปสมัยสุโขทัย เนื้อทองแดง ปางมารวิชัย อีก 2 องค์ รวมทั้งหมด 8 องค์ เป็นพระพุทธรูปโบราณเก่าแก่ มีอายุกว่าร้อยปีขึ้นไปและประเมินมูลค่าไม่ได้
   

โดย นายวสพส เนาวนิรุทธ์ อายุ  50 ปี เจ้าของผู้ครอบครองพระพุทธรูป ทั้งหมด ให้การว่า พระพุทธรูปทั้งหมดตนเช่ามา  

จากเพื่อนที่รู้จักกันในราคาองค์ละ 30,000-150,000 บาท เพราะต้องการบูชาและเก็บสะสมไว้ประดับบารมีเท่านั้นไม่ได้นำไปขายต่อเอากำไรแต่อย่างใด แต่ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การของนายวสพส จึงยึดพระพุทธรูปทั้งหมดไปไว้ที่ บก.ป.เพื่อตรวจสอบ       
   
พ.ต.อ.อัคราเดช เปิดเผยว่า การตรวจค้นครั้งนี้ เนื่องจากตำรวจชุดสืบสวน กก. 2 บก.ป. สืบทราบว่ามีผู้ขนพระพุทธรูปเก่าใส่รถกระบะ ทะเบียน วษ 8632 กรุงเทพมหานคร

ไปเก็บไว้ที่บริษัท ไทยโตเทค โดยสงสัยว่าอาจจะเป็นพระพุทธรูป  ที่ถูกโจรกรรมมา จึงขอศาลอนุมัติหมายค้นเข้าตรวจค้น อย่างไรก็ดี ชุดจับกุมได้แจ้ง ให้ นายวสพส นำหลักฐานต่าง ๆ มาแสดงเพื่อยืนยันว่าไม่ใช่พระพุทธรูปที่โจรกรรมมา ขณะเดียวกันได้ประสานกรมศิลปากร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาตรวจสอบว่าพระพุทธรูปทั้งหมดมีอายุเก่าแก่เท่าไหร่ และ มาจากที่ใด รวมทั้งมีไว้ในความครอบครอง  ได้หรือไม่ แต่ถ้าหาก มีผู้เสียหายแจ้งความว่าพระพุทธรูปทั้งหมดถูกขโมยมา ตำรวจจะแจ้งข้อหาลักทรัพย์ หรือรับของโจร ดำเนินคดีกับผู้ครอบครองพระพุทธรูปนี้
   
ก่อนหน้านั้น เมื่อเวลา 08.30 น. วันเดียวกัน พ.ต.อ.กรเอก เพชรไชยเวช รองผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา

พ.ต.ท.จักราวุธ คล้ายนิล รองผกก.ป.สภ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา นำกำลังปิดล้อมจับกุมนายดำรงค์ศักดิ์ แช่มฉนวน อายุ 31 ปี เจ้าหน้าอาสาสมัครมูลนิธิแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ได้ที่หมู่บ้านทุ่งทอง หมู่ 6 ต.บางปะหัน อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา พร้อมของกลางรถ จยย.ฮอนด้า สีขาวดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน พระพุทธรูปพระสังกัจ จายน์ ลายดอกพิกุลทอง 2 องค์ พระพุทธรูปปางสมาธิ 1 องค์ พระพุทธรูปปางห้ามญาติ เนื้อทองสัมฤทธ์ 1 องค์ พระสมเด็จวัดเกศไชโยย้อนยุค 2 ชุด และพระเหรียญต่าง ๆ อีกจำนวนมาก
   
โดยสืบเนื่องมาจาก พ.ต.ท.จักราวุธ รับแจ้งจาก พระครูฐิติญานวิสุทธิ์ เจ้าอาวาสวัดบันได หมู่ 1 ต.บางระกำ อ.นครหลวง ว่า มีคนร้าย 2 คน ลอบเข้าไปโจรกรรมพระพุทธรูปในหอสวดมนต์แล้วขี่รถจยย.

หลบหนีออกไปตามถนนสายบางระกำ-บางปะหัน จึงนำกำลังออกติดตามจับกุมจนไปพบชายต้องสงสัย 2 คนสวมเสื้อเจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิกู้ภัยแห่งหนึ่งขี่รถจยย.ด้วยความเร็วสูงท่าทางมีพิรุธ จึงขับรถไล่กวดติดตามไปทันที่หมู่บ้านทุ่งทอง คนร้ายเห็นจวนตัวจึงจอดรถจยย.ทิ้งแล้วแยกย้ายกันวิ่งหลบหนีลงไปในทุ่งนา แต่ นายดำรงค์ศักดิ์ หนีไม่พ้นถูกจับกุมได้ ส่วนคนร้ายที่มาด้วยกันรอดไปได้อย่างหวุดหวิด สอบสวน นายดำรงศักดิ์ ยังปากแข็งปฏิเสธอ้างว่า พระพุทธรูปของกลางเป็นของเพื่อนอีกคนเอามาฝากไว้ ตนไม่รู้ว่าโจรกรรมมาและไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ตำรวจไม่เชื่อจึงควบคุมตัวไว้ดำเนินคดี และเร่งติดตามจับกุมคนร้ายอีกคนที่รู้แล้วว่าเป็นใครอยู่ที่ไหน   
   
ด้าน พระครูฐิติญานวิสุทธิ์ ให้การด้วยว่า เมื่อวันที่ 28 มิ.ย. ที่ผ่านมา เคยถูกคนร้ายงัดกุฏิครั้งหนึ่งแล้ว ขโมยเอาเงินสด 2 หมื่นบาท พระเครื่อง และพระพุทธรูปอีกจำนวนมากหลบหนีไป จึงอยากให้เจ้าหน้าที่เร่งสอบสวนขยายผลผู้ต้องหาว่า เป็นแก๊งเดียวกับแก๊งโจรกรรมตัดเศียรพระหรือไม่.