ศาลฎีกาพิพากยืน ประหารตึ๋ง คดีบงการฆ่า ผวจ.

"ชั้นอุทธรณ์พิพากษาให้ประหารชีวิตทั้ง 3 คน"


ที่ห้องพิจารณาคดี 612 ศาลอาญา วานนี้ (29 ก.ย.) ศาลนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา ในคดีที่พนักงานอัยการ เป็นโจทก์ฟ้อง พ.ต.เฉลิมชัย มัจฉากล่ำ หรือผู้พันตึ๋ง เป็นจำเลยที่ 1 ส.อ.มานิตย์ ศรีสะอาด เป็นจำเลยที่ 2 ส.อ.สุวัฒน์ คำเหง้า เป็นจำเลยที่ 3 ฐานร่วมกันฆ่านายปรีณะ ลีพัฒนะพันธ์ อดีต ผจว.ยโสธร เหตุเกิดที่โรงแรมรอยัลแปซิฟิค ย่านวังทองหลาง กทม. เมื่อวันที่ 4 มี.ค. 2544 คดีนี้อัยการเคยฟ้อง น.ส.อังคนางค์ สุนทรวิภาค ฐานร่วมกันฆ่าด้วย แต่ในที่สุดศาลพิพากษาว่า น.ส.อังคนางค์

มีความผิดฐานรับของโจรกับพกพาอาวุธปืน ลงโทษจำคุก 3 ปี 8 เดือน และรับโทษจนครบคดียุติไปแล้ว ส่วนคดีนี้ ศาลชั้นต้นให้ประหารจำเลยที่ 1 ส่วนจำเลยที่ 2 และ 3 ให้ยกฟ้อง ต่อมาในชั้นศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ประหารชีวิตจำเลยทั้ง 3 คน การสั่งคำพิพากษาในครั้งนี้ นางแสงเดือน มัจฉากล่ำ ภรรยาผู้พันตึ๋ง พาบุตรชาย 1 คน บุตรสาว 3 คน รวมทั้งมารดาผู้พันตึ๋งไปร่วมฟังคำพิพากษา รวมทั้งคนใกล้ชิดของจำเลยทั้ง 3 ไปร่วมให้กำลังใจเต็มห้องพิจารณาคดี

"พบเป็นศพถูกเชือดคอ ยิงทะลุท้ายทอย"


ศาลอ่านคำพิพากษาใจความว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องและนำสืบว่า นายปรีณะ ลีพัฒนะพันธ์ ผู้ตาย เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร เข้ามา กทม. วันที่ 4 มี.ค. 2544 เพื่อประชุมตามคำสั่งนายกรัฐมนตรี และมีความขัดแย้งกับผู้มีอิทธิพลท้องถิ่น เรื่องโครงการสร้างบ่อบำบัดน้ำเสีย มูลค่า 500 ล้านบาท จำเลยเป็นทหารประจำการที่หน่วยศูนย์อำนวยการร่วม 108 มีหน้าที่ปราบปรามยาเสพติด ทราบว่าผู้ตายจะเข้ามาใน กทม. และพักที่ห้อง 4006 โรงแรมรอยัลแปซิฟิค กลุ่มจำเลยจึงพากันไปเปิดห้อง 4015 และ 4017 อยู่ติดกันกับห้องผู้ตาย โดยจำเลยที่ 1 ใช้ชื่อปลอมว่ากาย

โจทก์มีพยานเบิกความว่า ผู้ตายเข้า กทม. และเรียก น.ส.อังคนางค์ไปหลับนอนในที่เกิดเหตุ เวลา 15.00 น. และออกจากห้องไปเวลา 16.00 น. ต่อมาวันที่ 5 มี.ค. พนักงานโรงแรมพบศพผู้ตายถูกเชือดคอ และถูกยิงที่ศีรษะจากด้านข้างทะลุท้ายทอย ตำรวจตรวจที่เกิดเหตุพร้อมแพทย์นิติเวช ทราบเบื้องต้นว่ามีคนร้ายหลายคน และแหวนเพชรหัวสีฟ้าของผู้ตายหายไป

"สารภาพขอเลิก ไม่ยอมเลิก"


ต่อมาตำรวจสืบสวนทราบว่า ในช่วงเวลาเดียวกันพวกจำเลยเปิดประตูแง้มดูความเคลื่อนไหวของผู้ตายตลอดเวลา และตรวจห้องพักของพวกจำเลย พบคราบเลือดผู้ตายที่อ่าง ที่พรม และที่แป้นเบรก รถอีซูซุทรูเปอร์ ทะเบียน กท 3565 เชียงใหม่ ของจำเลยที่ 1 พบกระดาษโน้ตมีข้อความ แผนผังและการปฏิบัติงานสังหารที่ห้องจำเลยที่ 1 ขณะเดียวกัน น.ส.อังคนางค์ สุนทรวิภาค เข้ามอบตัว ให้การว่า เป็นคนฆ่าผู้ตายเพราะขอเลิกกัน แต่ผู้ตายไม่เลิก

จึงใช้มีดแทงและยิง ก่อนนำทรัพย์สินหลบหนีไป ต่อมาระหว่างที่ น.ส.อังคนางค์ถูกดำเนินคดี และขังที่ทัณฑสถานหญิง ให้การต่อ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ผกก.2 ป. (พนักงานสอบสวนในขณะนั้น) ว่า พวกจำเลยเป็นคนฆ่า แล้วข่มขู่ให้พูดว่าเป็นคนฆ่า มิฉะนั้นจะฆ่าปิดปากทั้ง ครอบครัว ก่อนจะปล่อยให้หลบหนีไปพร้อมเงิน 5,000 บาท และนำแหวนไปขายที่ห้างเดอะมอลล์ บางกะปิ

"ศาลไม่เชื่อคำให้การ"


ส่วนจำเลยทั้ง 3 ให้การว่า ไม่ได้ฆ่าผู้ตาย วันเกิดเหตุพักที่โรงแรมจริง เพราะจำเลยที่ 1 พาภรรยาน้อยมาหลับนอน และต้องการหลบภรรยาหลวง จากนั้นพากันไปดูการแข่งม้าที่สนามม้า ได้พบและพูดคุยกับ พล.ร.อ. บรรณวิทย์ เก่งเรียน และ พล.ต.ไตรรงค์ อินทรทัต ที่ผ่านมาจำเลยที่ 1 มีความขัดแย้งกับ พล.ต.อ.พรศักดิ์ ดุรงควิบูลย์ ผบ.ตร. (ในขณะนั้น) เรื่องการสืบสวนจับตัวนายสุรชัย เงินทองฟู หรือบังรอน นักค้ายาเสพติดคนสำคัญ ก่อนออกจากโรงแรมเปิดห้องไว้ คาดว่าจะมีพนักงานที่ไปดูศพนำคราบเลือดมาล้างในอ่างห้องที่ตนพัก หรือไม่ก็ตำรวจต้องการกลั่นแกล้ง เอาเลือดไปใส่ในอ่าง ส่วนแผนผังในกระดาษเขียนขึ้นหลังเกิดเหตุ เพื่อรายงานต่อผู้บังคับบัญชา ขอให้ศาลยกฟ้อง

ศาลพิเคราะห์ว่า มีประเด็นต้องพิจารณาว่า จำเลยทั้งสามเป็นคนฆ่าผู้ตายหรือไม่ เห็นว่า จำเลยย่อมคาดหมาย ได้ว่า ผู้ตายจะเข้ามาพักที่ห้องดังกล่าว จำเลยจึงเข้ามาจองห้อง ที่อ้างว่า ต้องใช้ชื่อปลอมเพราะหลบภรรยา เห็นว่า ก่อนนี้จำเลยที่ 1 พาภรรยาน้อยไปที่โรงแรมเฟิร์ส ยังใช้ ชื่อจริงลงทะเบียน จึงไม่เชื่อว่าจำเลยจะเกรงกลัวภรรยา ส่วนที่จำเลยอ้างถึงแผนที่เสนอผู้บังคับบัญชา การที่ตำรวจ เอาเลือดไปใส่ในอ่าง พนักงานเอาเลือดไปล้างที่ห้อง หรือ การมีเรื่องโกรธกับอดีต ผบ.ตร.ฟังไม่ขึ้น

"ฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน"


คดีจึงฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่า วันที่ 4 มี.ค. 2544 คนร้ายหลายคนที่ชำนาญการฆ่า ได้อาศัยจังหวะที่ น.ส.อังคนางค์เปิดประตูกรูกันเข้าจับตัวผู้ตายแล้วเชือดด้วยมีดก่อนยิงที่ศีรษะ แล้วตกแต่งที่เกิดเหตุเพื่อให้รูปคดี เปลี่ยนไป ดังนั้นจำเลยทั้งสามมีความผิดฐานฆ่าโดยไตร่ ตรองไว้ก่อน โดยใช้อาวุธมีดและอาวุธปืน ศาลฎีกาจึงพิพากษา ยืนตามศาลอุทธรณ์ ลงโทษประหารชีวิตจำเลยทั้งสาม

หลังฟังคำพิพากษา ผู้พันตึ๋งหันไปมองหน้ามารดา และภรรยา สลับกับมองหน้านายพิศาล วิบูลย์ศิลป์ ทนายความ แล้วเข้าสวมกอดมารดา ภรรยา และบุตร จนครบทุกคน จากนั้นเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จึงคุมตัวจำเลยทั้งสามไปขังไว้ ที่ห้องขังใต้ถุนศาลอาญา เพื่อเตรียมส่งกลับไปขังไว้ที่ เรือนจำกลางบางขวาง ระหว่างนั้น พ.ต.เฉลิมชัย มัจฉากล่ำ กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ไม่ขอวิพากษ์วิจารณ์คำพิพากษาของศาล เมื่อท่านพิพากษามาอย่างไรก็ต้องยอมรับ พร้อมได้ กำชับให้ภรรยา กับทนายความ ให้หาหนทางต่อสู้รื้อฟื้นคดีขึ้นอีกครั้ง ถ้าเป็นไปได้ เพราะคดีนี้ใครรู้เบื้องหลังจะเห็นว่ายิ่งกว่าคดีเชอรี่แอนเสียอีก จากนี้ไปต้องขอถวายฎีกาเพื่ออภัยโทษ จากนั้นอดีตนายทหารคนดังหันไปปลอบโยนภรรยาและลูกๆที่ยืนร่ำไห้บริเวณหน้าห้องขัง

"ซัดทอดผู้พันคนดัง"


ด้านนายพิศาล วิบูลย์ศิลป์ ทนายความของผู้พันตึ๋ง กล่าวว่า จะรวบรวมข้อมูลเพื่อยื่นขอพระราชทานอภัยโทษ ให้ทันปลายปีนี้ และจะอ้างถึงคุณงามความดีที่เคยปราบ ปรามยาเสพติด เคยช่วยงานการกุศล ซึ่งต้องขอปรึกษากับจำเลยก่อน

คดีฆาตกรรมอำพรางนายปรีณะ อดีต ผวจ.ยโสธร เกิดขึ้นในช่วงที่ พล.ต.อ.พรศักดิ์ ดุรงควิบูลย์ เป็น ผบ.ตร. เนื่องจากเป็นคดีครึกโครม เกี่ยวพันแก๊งอิทธิพลมีสี จึง ได้แต่งตั้งคณะกรรมการประสานงานอำนวยความยุติธรรมในการสอบสวนคดีอาญา มอบหมายให้ พล.ต.อ.สมบัติ อมรวิวัฒน์ ผช.ผบ.ตร.ในสมัยนั้น นำคณะพนักงานสอบสวน เข้าไปสอบปากคำ น.ส.อังคนางค์ในทัณฑสถานหญิงกลาง ลาดยาว ให้การซัดทอดว่า ถูกกลุ่มผู้พันตึ๋งขู่บังคับให้ สารภาพว่าลงมือฆ่าผู้ว่าฯปรีณะ เปิดประเด็นให้ตำรวจสาว ถึงกลุ่มมือสังหารตัวจริง กระทั่งมีการจับกุมผู้พันคนดังพร้อมกับสมุนในที่สุด


แหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์