ประหารชีวิตพ.อ.-พ.ท.ร่วมค้ายาบ้า


     เมื่อเวลา 10.30 น วันที่ 16 ธ.ค. ที่ห้องพิจารณาคดี 806 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาคดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดียาเสพติด 3 เป็นโจทก์ฟ้องพ.อ.พิสิษฐ์ หรือกฤตนัย หรือภัทระ หรือธีรวุฒิ อมรวิสัยสรเดช หรือเสธ.เอ้ และพ.ท.สุรยุต สังข์เทพ หรือเสธ.หยวก สังกัดกองบัญชาการกองทัพไทย ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1 – 2 ตามลำดับ ในความผิดฐานสมคบกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และได้กระทำความผิดตามที่สมคบกันแล้ว ตามพ.ร.บ.มาตรการปราบปรามผู้กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 มาตรา 8 วรรค 2 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83
 

     ฟ้องโจทก์ระบุความผิดจำเลยสรุปว่า เมื่อประมาณปี 40 เวลากลางวันต่อเนื่องกัน จำเลยทั้งสองกับนายประเสริฐ สินบัณฑิต กับพวกรวม 3  คน ที่ศาลพิพากษาจำคุกตลอดชีวิต และพวกที่ยังหลบหนีสมคบกันมีเมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้าชนิดผงน้ำหนัก 23,784 กรัม ประมาณ 23.7 กก.เศษ ราคาประมาณ 40 ล้านบาท พร้อมอุปกรณ์การผลิตยาบ้า รวม 116 รายการ กระทั่งวันที่ 8 พ.ย. 40 เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา ร่วมกันจับกุมตัวนายประเสริฐกับพวกได้ พร้อมกับยาบ้าและของกลางจำนวนมาก ได้ที่บ้านเลขที่ 316 ต.ท่ากระดาน อ.สนามชัยเขต ส่งพนักงานสอบสวน บช.ปส. ดำเนินคดี ต่อมาจำเลยทั้งสองได้เข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวน บช.ปส. และให้การปฏิเสธโดยตลอด

    ศาลพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานที่ทั้ง 2 ฝ่ายนำสืบหักล้างกันแล้วเห็นว่า โจทก์มีนายเศรษฐ์นันท์ สิริจิระดสุข หรือเกาไช่หลุน จำเลยคดีค้ายาเสพติดที่ศาลจังหวัดฉะเชิงเทราพาพากาษาจำคุกตลอดชดีวิต เบิกความยืนยันว่า จำเลยที่สองสมคบกันโดยร่วมกับตนผลิตยาเสพติด ทั้งที่ทหมู่บ้านกฤษดานคร 19 และที่อ.สนามชัยเขต ที่เจ้าหน้าที่ตรวจยึดยาบ้า พร้อมอุปกรณ์จำนวนมาก โดยจำเลยที่ 2 มีหน้าที่หาน้ำยาเคมี เช่นเดียวกับจำเลยที่ 1 ซึ่งนำรถยนต์ของทางราชการมาขนย้ายาเสพติด

     นอกจากนี้ จำเลยที่ 1 ยังเคยให้ความช่วยเหลือนายเศรษฐนันท์ คดียาบ้า ที่ จ.ชลบุรี โดยให้ บิดาของจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นนายทาหรชั้นผู้ใหญ่เป็นคนเจรจาต่อรองกับนายตำรวจ จนสามารถช่วยเหลือได้ อีกทั้งโจทก์ยังมีเจ้าหน้าที่ตำรวจที่บช.ปส.ที่รับตัวนายเศรษฐนันท์ ที่ประเทศไต้หวัน เบิกความถึงการสอบสวน และความสัมพันธ์ของนายเศรษฐนันท์ กับจำเลยทั้งสอง โดยเชื่อมโยงสอดคล้องกัน และผู้ใต้บังคับบัญชาของ จำเลยที่ 1 เบิกความถึงพฤติการณ์ของจำเลยที่ 1 ในการค้ายาเสพติด 

     เห็นว่า แม้นายเศรษฐนันท์จะให้การซัดทอดจำเลยทั้งสองที่ร่วมกระทำผิด แต่การซัดทอดไม่เกิดประโยชน์ต่อนายเศรษฐนันท์และถูกศาลพิพากษาถึงที่สุดแล้ว ทั้งพฤติการณ์แห่งคดี จะไม่สามารถระบุวันที่ชัดเจนได้ แต่พยานระบุเนื้อหาสาระสำคัญของคดีที่ยากจะปรุงแต่งมาให้จำเลยทั้งสองต้องรับโทษ จึงรับฟังพยานปากนี้ได้ นอกจากนื้โจทก์ยังมีผู้ใต้บังคับบัญชาของจำเลยที่ 1 เบิกความ ซึ่งจำเลยที่ 1 สามารถให้คุณให้โทษได้ แต่พยานก็เลือกที่ดจะเบิกความไปตามจริง ทั้งพยานโจทก์ยังมีแม่บ้านหมู่บ้านกฤษดานคร 19 เบิกความสนับสนุนว่า ได้เข้าไปทำความสะอาดบ้านเช่าที่จำเลยทั้สองเช่าไว้ พบว่ามีการใช้กระดาษ และผ้าม่านปิดช่องกระจก หน้าต่าง ประตูอย่างมิดชิด และพบคราบยาเสพติดสีส้มสีขาว จำนวนมากหลายแห่ง
 

     เมื่อพิจารณาพยานโจทก์ทั้งหมด รวมทั้งความสัมพันธ์กับนายเศรษฐนันท์แล้ว เชื่อว่าจำเลยที่ 1 มีความสัมพันธ์กับนายเศรษฐนันท์มานาน แม้โจทก์จะไม่มีพยานยืนยันว่าจำเลยทั้งสองครอบครองยาเสพติดดังกล่าวก็ตาม แต่จากพยานแวดล้อมก็เพียงพอได้ว่าจำเลยทั้งสองสมคบกันค้ายาเสพติดตามที่โจทก์ฟ้อง ส่วนข้อต่อสู้ของจำเลยนั้นไม่มีน้ำหนักที่จะมาหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ได้

      พิพากษาว่า จำเลยทั้งสองกระทำผิดตามฟ้อง เป็นความผิดหลายกรรม ผิดกฎหมายหลายบท ฐานร่วมกันผลิตยาเสพติให้โทษประเภท 1 ลงโทษประหารชีวิตจำเลยทั้งสอง แต่คำให้การของจำเลยที่ 2 มีประโยชน์บ้าง ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลยที่ 2 ตลอดชีวิต  


เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์