รวบหื่นเพื่อนพ่อ-ข่มขืนฆ่าดญ.11ขวบ

รวบแล้วหนุ่มหื่นข่มขืนรัดคอฆ่าด.ญ.11ขวบศพหมกป่ามันสำปะหลังแปดริ้ว ที่แท้เป็นเพื่อนพ่อ

ตอนแรกปฏิเสธ สุดท้ายยอมจำนน หลังผลตรวจดีเอ็นเอตรงกับของคนร้าย สารภาพติดยาบ้าหนัก ไปหาพ่อเหยื่อที่บ้าน ไม่พบ ก่อนลวงหนูน้อย อ้างพาไปหาพ่อ ระหว่างทางฉวยโอกาสก่อเหตุสลด เผยเสพยาบ้า จนเกิดอารมณ์ทางเพศ อีกทั้งเมียท้อง 8 เดือน ไม่ได้มีอะไรกันมานาน ตร.นับร้อยคุ้มกันนำไปทำแผน ท่ามกลางชาวบ้านครึ่งหมื่นตะโกนสาปแช่ง ฮือประชาทัณฑ์ ต้องยกเลิกการทำแผน

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 28 พ.ย. ที่สภ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา

พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รองผบ.ตร. พล.ต.ต.มณฑล มีอนันต์ ผบก.ภ.จว.ฉะเชิงเทรา พ.ต.อ.สุรพล วิรัตน์โยสินทร์ รองผบก.ภ.จว.ฉะเชิงเทรา พ.ต.อ.ณัฐสิทธิ์ บุญน่วม ผกก.สภ.สนามชัยเขต และ พ.ต.ท.ประวัติ แพพ่วง รองผกก.สภ.สนามชัยเขต แถลงข่าวการจับกุมนายมาโนช หรือแพ บุญมาก อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 14 ม.3 ต.ลาดกระทิง อ.สนามชัยเขต ผู้ต้องหาคดีข่มขืนรัดคอฆ่าด.ญ.นันทิชา มูลสูตร หรือน้องเฟิร์น อายุ 11 ขวบ นักเรียนชั้นป.5 โรงเรียนบ้านท่าซุง อ.สนามชัยเขต ที่ถูกคนร้ายบุกลวงฉุดออกจากบ้านเมื่อวันที่ 20 พ.ย.ที่ผ่านมา ก่อนทิ้งศพในไร่มันสำปะหลัง โดยเจ้าหน้าที่นำหลักฐานต่างๆ ที่พบในที่เกิดเหตุ โดยเฉพาะเนื้อเยื่อที่เก็บได้จากปลายเล็บมาตรวจซึ่งผลการตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอจากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ตรงกับเศษผิวหนังบริเวณขาพับในด้านขวาของนายมาโนชมาประกอบการแถลงด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างแถลงข่าว มีพ่อค้าแม่ค้ากว่า 100 คนซึ่งปิดร้านค้าเดินทางมาดูตัวคนร้ายที่บริเวณด้านหน้าสภ.สนามชัยเขตพร้อมประณามคนร้ายที่ก่อเหตุอย่างเหี้ยมโหด

พล.ต.อ.จงรัก กล่าวว่า จากผลการตรวจทางวิทยาศาสตร์ เนื้อเยื่อผิวหนังของคนร้ายที่เก็บได้จากเล็บมือซ้ายของเหยื่อผู้เคราะห์ร้าย ปรากฏว่าตรงกันกับตัวผู้ต้องหาที่มีร่องรอยถูกขีดข่วนที่บริเวณขา ครั้งแรกให้การปฏิเสธมาโดยตลอด แต่เมื่อเห็นว่าตนเองจำนนด้วยหลักฐาน จึงยอมรับสารภาพในที่สุด ขณะนี้ถือว่ามีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะดำเนินคดีได้อย่างแน่นหนา ทั้งผลการตรวจดีเอ็นเอและพยานหลักฐานอื่นๆ ประกอบกัน

ขณะที่นายมาโนช รับสารภาพว่า ตกเป็นทาสยาบ้ามานาน และรู้จักกับครอบครัวของผู้ตายอย่างดี ช่วงหัวค่ำวันที่ 20 พ.ย. เสพยาบ้า 2 เม็ด

จากนั้นประมาณ 22.00 น. เดินไปที่บ้านของผู้ตาย เพื่อไปหานายมานพ มูลสูตร บิดาของผู้ตายซึ่งเป็นเพื่อนสนิทกัน แต่นายมานพไม่อยู่ พบผู้ตายอยู่บ้านเพียงลำพัง เวลานั้นตนเกิดอารมณ์ทางเพศ เพราะภรรยาตั้งท้อง 8 เดือน ไม่มีเพศสัมพันธ์กันมานาน จึงออกอุบายชักชวนให้น้องเฟิร์นช่วยพาไปพบกับพ่อ ซึ่งอยู่ที่บ้านเพื่อนอีกหลังหนึ่ง เมื่อผู้ตายหลงเชื่อ จึงเดินออกจากบ้านไปตามถนนข้างวัดท่าซุงเก่า ซึ่งเป็นเส้นทางไปโรงเรียนบ้านท่าซุง ก่อนเดินออกจากบ้าน น้องเฟิร์นเอากางเกงและผ้าขนหนูที่ตากไว้ใต้ถุนบ้านติดมือไปด้วย เมื่อไปถึงสามแยกโรงเรียนบ้านท่าซุง น้องเฟิร์นบอกให้ตนไปหาพ่อคนเดียว ส่วนน้องเฟิร์นจะไปนอนพักค้างที่โรงเรียนกับเพื่อนๆ เนื่องจากรุ่งเช้าต้องเดินทางไปเล่นกลองยาวที่จ.ชลบุรี


นายมาโนช กล่าวต่อว่า ตนจึงออกอุบายว่าไม่ไปพบพ่อแล้ว พร้อมกับเอ่ยปากชวนกลับบ้าน โดยเดินย้อนไปตามเส้นทางเก่า

เมื่อถึงบริเวณสระน้ำ ข้างเมรุวัดท่าซุง จึงชวนน้องเฟิร์นเดินเลาะไปทางคันบ่อ แต่หนูน้อยปฏิเสธ ตนจึงดึงมือของหนูน้อยเดินเข้าไปในป่ายางด้านหลังเมรุ พร้อมใช้มือซ้ายอุดปากแล้วลากตัวไป ถัดจากป่ายางเป็นไร่มันสำปะหลัง ใช้เชือกรัดคอผู้ตายก่อนจะลากเข้าไปในป่ามันสำปะหลังตรงจุดพบศพ ขณะใช้เชือกรัดคอ น้องเฟิร์นร้องเสียงสะอึกก่อนจะแน่นิ่งไป จากนั้นถอดเสื้อผ้าของผู้ตายออก พร้อมลงมือข่มขืน 1 ครั้ง แต่ไม่สำเร็จความใคร่ จึงรีบสวมเสื้อผ้าให้ผู้ตาย ก่อนจะใช้เชือกอีก 1 เส้นรัดคอผู้ตาย แล้วผูกติดกับโคนต้นมันสำปะหลัง จากนั้นตนเดินออกไปจากจุดเกิดเหตุ หลังรู้ข่าวว่ามีการค้นหาน้องเฟิร์น ตนยังทำทีเป็นไม่รู้ไม่ชี้ พร้อมกับออกตามหาน้องเฟิร์นร่วมกับชาวบ้านด้วย

"ผมเสียใจ สงสารภรรยาที่ตั้งท้องได้ 8 เดือน เมื่อคลอดลูกออกมาก็ขอให้เลี้ยงดูเขาดีๆ อบรมสั่งสอนเขาให้เป็นเด็กดี อยากขอโทษทุกคนพ่อแม่ โดยเฉพาะพ่อของน้องเฟิร์น อยากเตือนเพื่อนวัยรุ่นทุกคน อย่าไปข้องเกี่ยวกับยาเสพติดเพราะเป็นสิ่งที่ไม่ดี ถ้าเกี่ยวข้อง ก็ขอให้เลิก ส่วนผมจะขอรับโทษกรรมที่ทำไว้ แม้จะถูกประหารชีวิตก็ตาม"
นายมาโนช กล่าวพร้อมกับร่ำไห้

ด้านพ.ต.ท.ประวัติ กล่าวถึงพฤติการณ์ของผู้ต้องหารายนี้ว่า เป็นคนอยู่บ้านใกล้เรือนเคียงกับเหยื่อ อยู่ห่างกันเพียง 100 เมตร

เป็นบุตรชายของผู้ที่มีฐานะดีในหมู่บ้าน ผู้ปกครองประกอบอาชีพค้าขาย เปิดเป็นร้านค้าของชำ ปกติผู้ต้องหามีนิสัยเกเร และเสพยาเสพติด จนผู้ปกครองไม่สามารถควบคุมสั่งสอนได้ ที่ผ่านมาในคืนวันเกิดเหตุ บิดาพยายามควบคุมดูแลโดยสั่งห้ามไม่ให้ออกจากบ้าน แต่ผู้ต้องหายังแอบลักลอบหนีออกมาจากบ้าน เพื่อออกมาหาซื้อยาเสพติดเสพอีก และก่อเหตุดังกล่าวขึ้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากแถลงข่าวเสร็จ เจ้าหน้าที่นำนายมาโนชขึ้นรถควบคุมตัวผู้ต้อง หาซึ่งเป็นรถตู้หกล้อติดลูกกรง

โดยมีเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษ 15 นายคุ้มกันอยู่ภายใน สำหรับการทำแผน มีการระดมตำรวจจากสภ.ต่างๆ ในเขตพื้นที่จากสภ.แปลงยาว สภ. บางคล้า สภ.พนมสารคาม และสภ.สนาม ชัยเขต รวมถึงเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษ(นปพ.) และฝ่ายสืบสวนนอกเครื่องแบบจำนวน 200 นายดูแลความปลอดภัยอย่างใกล้ชิด

เริ่มต้นด้วยการนำตัวนายมาโนชไปที่ศาลาการเปรียญวัดอัมพวัน หรือวัดกม.7 เพื่อกราบขอขมาศพด.ญ.นันทิชา

โดยญาติของผู้เสียชีวิต พร้อมชาวบ้านกว่า 100 คนเตรียมจะรุมประชา ทัณฑ์ พร้อมสาปแช่ง หลายคนพยายามฝ่าวงล้อมเจ้าหน้าที่เข้ามาทำร้าย แต่เจ้าหน้าที่กันไว้ได้ โดยนายมาโนชกล่าวว่า ขออภัยกับสิ่งที่ได้ทำลงไป และขออโหสิกรรมให้ด้วย จากนั้นรีบนำตัวขึ้นรถไปทำแผนในจุดแรกที่บ้านของผู้ตาย เลขที่ 347 หมู่ที่ 3 ต.ลาดกระทิง อ.สนาม ชัยเขต ซึ่งตั้งแต่ปากทางเข้าวัดท่าซุงเก่า ระยะทางประมาณ 200 เมตร มีประชาชนจำนวนมากมารอดูการทำแผนและดูหน้าคนร้าย โดยผู้ต้องหามีอาการหวาดกลัวถูกรุมประชาทัณฑ์อย่างเห็นได้ชัด จึงร้องขอเสื้อเกราะและหมวกนิรภัยจากตำรวจ เจ้าหน้าที่ต้องนำรถสายตรวจมาปิดทั้งด้านหน้าและหลังรถควบคุมผู้ต้องหา จากนั้นนำตัวไปชี้ที่เกิดเหตุหน้าบ้านของผู้ตาย ระหว่างนำผู้ต้องหาไปยังจุดที่ 2 ซึ่งเป็นบริเวณริมสระน้ำด้านข้างเมรุวัดท่าซุงเก่า มีประชาชนกว่า 5,000 คนยืนรอดูการทำแผน

อย่างไรก็ตามพล.ต.อ.จงรักประเมินสถาน การณ์แล้วเห็นว่าคงไม่สามารถทำแผนในจุดนี้ได้

เนื่องจากมีประชาชนจำนวนมากที่โกรธแค้นผู้ต้องหา ตะโกนด่าทอ สาปแช่งให้ประหารชีวิตตลอดเวลา เกรงว่าจะเกิดความไม่ปลอดภัย จึงยกเลิกการทำแผนจุดนี้ แต่ให้บันทึกภาพไว้เป็นหลักฐาน ขณะเดียวกันประชาชนจำนวนมากตะโกนขอดูหน้าผู้ต้องหาและจะไม่ทำอันตรายหรือฮือประชาทัณฑ์ รองผบ.ตร.เห็นว่าน่าจะเป็นการคลี่คลายสถานการณ์ตึงเครียดลงได้ จึงให้ผู้ต้องหาออกมายืนด้านหลังรถ พร้อมชี้จุดเกิดเหตุจุดที่สอง แต่ทันทีที่ผู้ต้องหาออกมาชี้จุด ชาวบ้านต่างตะโกนสาปแช่ง อย่างไรก็ตามการทำแผนจุดนี้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ส่วนจุดที่ 3 บริเวณสามแยกโรงเรียนบ้านท่าซุง ตำรวจสามารถนำผู้ต้องหาลงไปชี้จุดที่เกิดเหตุได้ ก่อนจะนำตัวกลับไปยังสภ.สนามชัยเขต และนำตัวไปฝากขังต่อศาลจังหวัดฉะเชิงเทรา

พล.ต.อ.จงรัก ให้สัมภาษณ์ว่า เจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา 4 ข้อหาคือ1.ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ทรมานหรือโดยกระทำการทารุณโหดร้าย

เพื่อปกปิดความผิดของตนหรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดที่ตนเองได้กระทำไว้ 2.กระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกินสิบสามปี เป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำถึงแก่ความตาย โดยปราศจากเหตุอันสมควร พาเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครองหรือผู้ดูแลเพื่อการอนาจาร 3.พาผู้อื่นไปเพื่อการอนาจารโดยใช้อุบายหลอกลวง ขู่เข็ญ ใช้กำลังประทุษร้ายใช้อำนาจครอบงำผิดคลองธรรมหรือวิธีข่มขืนใจด้วยประการอื่น และ4.กระทำอนาจารแก่เด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปี โดยเด็กจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม โดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย มีโทษถึงประหารชีวิต ซึ่งกำชับพนักงานสอบสวนรวบรวมหลักฐานส่งสำนวนไปยังอัยการจังหวัดฉะเชิงเทราโดยด่วนต่อไป

นางสายพิน เหมือนศรี ย่าของน้องเฟิร์น กล่าวว่า หลังจากเจ้าหน้าที่จับคนร้ายได้แล้ว ญาติต่างพากันดีใจมากที่ได้ทวงคืนความยุติธรรมมาให้หลานสาวได้ จะได้จบสิ้นกันเสียที

ขณะนี้เตรียมออกไปซื้อของเพื่อนำมาประกอบพิธีฌาปนกิจศพในเวลา 16.00 น. วันที่ 29 พ.ย. โดยจะสวดพระอภิธรรมคืนนี้เป็นคืนสุดท้าย "ก่อนหน้านี้ญาติพร้อมด้วยนักการเมืองท้องถิ่น นายกอบต.ลาดกระทิงเตรียมจัดแถลงข่าว และเตรียมแห่โลงศพน้องเฟิร์นไปยังสภ.สนามชัยเขต ในวันจันทร์นี้ หากเจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถจับกุมคนร้ายได้ เมื่อเห็นหน้าคนร้ายแล้ว เป็นคนที่เคยสงสัยไว้ตั้งแต่แรกจริงๆ เนื่องจากผู้ก่อเหตุเป็นคนที่มีจิตใจวิปริตผิดมนุษย์ และเข้าหาพ่อของเด็กได้อย่างสะดวก" นางสายพิน กล่าว

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์