เซี่ยงไฮ้ 25 พ.ย. - สำนักงานโครงการโรคเอดส์แห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอดส์) รายงานว่า เชื้อไวรัสเอชไอวีแพร่ระบาดรวดเร็วขึ้นในจีนผ่านการมีเพศสัมพันธ์ระหว่างชายหญิง เป็นแนวโน้มที่ต้องมียุทธศาสตร์ใหม่เพื่อขจัดการกลับมาระบาดของเชื้อเอชไอวี หลังมีความคืบหน้าในการควบคุมโรคมานานหลายปี
ข้อมูลจากรายงานของยูเอ็นเอดส์ที่เปิดเผยในนครเซี่ยงไฮ้วานนี้ พบว่า ร้อยละ 40 ของผู้ได้รับการวินิจฉัยว่าติดเชื้อเอชไอวี รายใหม่ในจีน
เป็นการติดเชื้อผ่านการมีเพศสัมพันธ์ระหว่างชายหญิง ขณะที่การติดเชื้อผ่านการมีเพศสัมพันธ์ระหว่างเพศเดียวกันคิดเป็นร้อยละ 32 ของผู้ติดเชื้อรายใหม่ การติดเชื้อที่เหลือส่วนใหญ่เกี่ยวกับการใช้ยาเสพติด ซึ่งเคยเป็นสาเหตุหลักของการติดเชื้อ และเป็นสิ่งที่รัฐบาลจีนเน้นให้การป้องกัน
ยูเอ็นเอดส์ ระบุว่า อัตราการติดเชื้อเอชไอวีผ่านการมีเพศสัมพันธ์ต่างเพศของจีนเพิ่มขึ้น 3 เท่าตัวระหว่างปี 2548-2550 และนับแต่ปี 2550 ตัวเลขการติดเชื้อผ่านการมีเพศสัมพันธ์ของกลุ่มผู้รักเพศเดียวกันเพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่า
นายมิเชล ซิดีเบ ผู้อำนวยการยูเอ็นเอดส์ กล่าวว่า แนวโน้มการติดเชื้อเช่นนี้ มีความคล้ายคลึงกันในเอเชียและแอฟริกา ตอกย้ำให้เห็นถึงความจำเป็นต้องมุ่งเน้นไปที่ประชากรกลุ่มเสี่ยงมากที่สุด เช่น ผู้อพยพ และผู้ขายบริการทางเพศ
นายเฉิน จู รัฐมนตรีสาธารณสุขจีน รายงานว่า จนถึงสิ้นเดือน ต.ค. ยอดผู้ได้รับการยืนยัน ว่า ติดเชื้อเอชไอวี-เอดส์ อยู่ที่ 319,877 คน
เพิ่มขึ้นจากเมื่อปีก่อนที่มีผู้ติดเชื้อ 264,302 คน และ ปี 2548 ที่มีผู้ติดเชื้อ 135,630 คน อย่างไรก็ดี คาดว่า ตัวเลขจริงอาจสูงเกือบ 740,000 คน กลายเป็นโรคติดต่อที่คร่าชีวิตผู้คนในจีนมากที่สุดเป็นครั้งแรกเมื่อปีก่อน. -สำนักข่าวไทย