เจอเซฟเศรษฐินีโจรโยนทิ้งคลอง

ยกตู้เซฟ 100 ล้านบ้าน เศรษฐินีทิ้งคลองกรุงเก่า คนร้ายบุกบ้านเศรษฐีเมืองหลวงยกตู้เซฟเปิดฉกเครื่องเพชรนับสิบล้านหนีก่อนทิ้งของกลางลงคลองชลประทาน 

ตำรวจเมืองกรุงเก่ายกกำลังไปตรวจสอบ ตะลึง !! โฉนดที่ดิน เอกสารหุ้น บัญชีเงินฝากธนาคารมูลค่านับ 100 ล้านบาท ลอยเต็มผิวน้ำ เจ้าของทรัพย์ระบุถูกคนร้ายบุกโจรกรรมยกไปตั้งแต่ 21 พ.ย. ก่อนโร่แจ้งตำรวจ ยันเอกสารอยู่ครบแต่เครื่องเพชรหลายสิบล้านหาย

เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 24 พ.ย. พ.ต.ท.มงคล ปั้นตะ สารวัตรเวร สภ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา

ได้รับแจ้งเหตุมีคนพบตู้เซฟนิรภัยทิ้งอยู่ในคลองชลประทาน ติดถนนสายนครหลวง-ภาชี ระหว่าง กม.25-26 หมู่ 1 ต.พระแก้ว อ.ภาชี โดยมีเอกสารลอยกระจายเต็มลำคลอง หลังรับแจ้งจึงรีบ นำกำลังเดินทางไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ. อดุลย์ เม่นบางผึ้ง ผกก. ไปถึงที่เกิดเหตุพบตู้เซฟนิรภัยเป็นเหล็กอย่างดี ขนาดใหญ่ 50x50 ซม. ฝาเปิดอยู่ภายในมีเอกสาร โฉนดที่ดินจำนวนมาก ส่วนใหญ่เป็นที่ดินในพื้นที่ทำเลทองราคาแพงทั้งในกรุงเทพฯและ อ.เมือง จ.นนทบุรี ระบุราคาแปลงละตั้งแต่ 1 ล้านบาทถึง 10 ล้านบาท เอกสารผู้ถือครองหุ้นของหลายบริษัทจำนวน 1 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 10 บาท มูลค่า 10 ล้านบาท เช็คธนาคารต่าง ๆ จำนวนมากกว่า 100 ใบ และยังพบสมุดบัญชีธนาคารอีกหลายธนาคาร โดยมีเงินในบัญชีตั้งแต่ 5 ล้านบาทขึ้นไปหลายบัญชี ซึ่งประเมินแล้วเอกสารที่พบมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท ทั้งหมดระบุชื่อ นางนิตยา เตโชทัย อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 50/17 มหาจักร แขวงคลองมหานาค เขตป้อมปราบฯ กรุงเทพฯ นอกจากนี้ยังพบถุงใส่ทองเปล่าถูกทิ้งอยู่
   
ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ติดต่อ นางนิตยา เตโชทัย  ทราบว่า ตู้เซฟดังกล่าวถูกคนร้ายโจรกรรมไปจากบ้านเมื่อคืนวันที่ 21 พ.ย. ที่ผ่านมา และได้แจ้งความไว้ที่ สน.พลับ พลาไชย 1 ซึ่งภายในตู้เซฟมีทรัพย์สินจำนวนมากทั้งเครื่องเพชร เครื่องทอง เครื่องประดับ และเอกสารทางการเงิน การธนาคาร ใบถือหุ้น โฉนดที่ดิน 
   
พ.ต.อ.กรเอก เพชรไชยเวส รองผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า คนร้ายคงเป็นกลุ่มโจรมืออาชีพในกรุงเทพฯที่ออกโจรกรรมตู้เซฟเศรษฐีในกรุงเทพฯและปริมณฑล

และนำตู้เซฟมาทิ้งบริเวณที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นเส้นทางเชื่อมต่อ จ.พระนครศรีอยุธยา และ จ.สระบุรี ที่ห่างไกลชุมชน เบื้องต้นคาดว่าคนร้ายได้นำเครื่องเพชร และทองมูลค่าหลายสิบล้านบาทไป แล้วทิ้งตู้เซฟดังกล่าวไว้ในคลองก่อนพากันหลบหนีไป อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่จะได้เร่งประสาน สน.พลับพลาไชย 1 เพื่อตรวจสอบรายละเอียด และติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป.