มารศาสนางัดวัดธรรมสินธุ์โสภาขโมยพระปางมารวิชัยครึ่งโหล ทั้งที่อยู่ในโครงการตู้เหลืองตร. ส่วนคดีตัดเศียรพระวัดดงหวายไม่คืบ กรมศิลป์เผย"จตุจักร-สนามหลวง2-ท่าพระจันทร์"มีร้านซื้อของเก่าเถื่อนกว่าพันแห่ง คนร้ายยังก่อเหตุลักลอบโจรกรรมพระพุทธรูปอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเข้าโจรกรรมพระพุทธรูปในพระอุโบสถวัดธรรมสินธุ์โสภา
หมู่ที่ 7 ต.หนองน้ำใส อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่ง ร.ต.อ.ธวัชชัย จันทร์เรือง พนักงานสอบสวน สภ.ภาชี รับแจ้งเหตุเมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 23 พฤศจิกายน จึงรุดไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.ท.สมพิศ เสียงสวัสดิ์ นักวิทยาศาสตร์ สบ 2 กองพิสูจน์หลักฐาน พบว่าประตูโบสถ์เปิดอ้าออก มีร่องรอยคนร้ายตัดสายยูคล้องกุญแจจนขาด เมื่อเข้าไปสำรวจบริเวณโต๊ะหมู่บูชาหน้าพระประธาน พบว่าพระพุทธรูปปางมารวิชัยถูกคนร้ายขโมยไป 6 องค์ แยกเป็น เนื้อเงินหน้าตัก 9 นิ้ว 4 องค์ และเนื้อสัมฤทธิ์ขนาดหน้าตัก 5 นิ้ว 2 องค์ ส่วนพระพุทธรูปที่เป็นพระใหม่ เนื้อโลหะธรรมดา คนร้ายนำมากองวางทิ้งไว้ที่พื้นโบสถ์
นายละออ เงินงาม อายุ 71 ปี ไวยาวัจกรวัด กล่าวว่า วัดมีอายุประมาณ 50 ปี มีพระครูประทีป ปัญญาวิสิทธิ์ เป็นเจ้าอาวาส
แม้จะเป็นสร้างวัดใหม่ แต่มีพระจำพรรษามาก เพราะเป็นวัดที่สอนพระปริยัติธรรมชื่อดังของ อ.ภาชี ซึ่งทางวัดได้ระมัดระวังอยู่แล้ว หลังจากมีข่าวการตัดเศียรพระและโจรกรรมพระพุทธรูปตามวัดต่างๆ ใน จ.พระนครศรีอยุธยา แต่ไม่คิดว่าคนร้ายจะมาก่อเหตุ เพราะวัดแห่งนี้มีตู้เหลืองที่อยู่ในโครงการคุ้มครองโบราณวัตถุของตำรวจ และวัดตั้งอยู่ห่างจากตู้ยามตำรวจเพียง 1 กิโลเมตร เท่านั้น
"ทางวัดหวั่นเกรงว่าโจรจะกลับมาขโมยอีก เพราะยังมีพระพุทธรูปอีกหลายองค์ โดยเฉพาะในพระวิหารมีพระคู่บ้านเมือง ชื่อหลวงพ่อขาว เป็นพระเนื้อปูนและเป็นพระเก่าแก่ นำมาจากวัดโคกกรวดที่เป็นวัดร้างสร้างสมัยกรุงศรีอยุธยา โดยประชาชนและตำรวจในชุมชนจะต้องเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น" นายละออกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีตัดเศียรพระวัดดงหวาย ต.ท่าช้าง อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา จำนวน 7 เศียร และคดีตัดเศียรพระวัดแดง ต.ปากท่า อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา จำนวน 4 เศียร ตำรวจยังไม่สามารถระบุกลุ่มคนร้ายได้ชัดเจน หรือออกหมายจับ ตลอดจนไม่สามารถจับกุมคนร้ายได้
เผยจตุจักร-ท่าพระจันทร์แหล่งซื้อของเก่ามีร้านเถื่อนกว่าพันเจ้า
ด้านพระอธิการเปรม ปิยธัมโม เจ้าอาวาสวัดมหาดไทย ต.มหาดไทย อ.เมือง จ.อ่างทอง เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ มีคนร้ายไม่ทราบจำนวนลอบเข้ามาโจรกรรมตัดเศียรพระพุทธรูปเก่าแก่ในวิหาร 2 องค์
ประกอบด้วย หลวงพ่อหิน พระพุทธรูปปางสะดุ้งมาร ศิลปะสมัยสุโขทัย สร้างจากหินศิลาแลง อายุ 200 ปี และหลวงพ่อขาว ปางสะดุ้งมาร สร้างจากหินทราย อายุ 180 ปี ทั้งนี้ วิหารดังกล่าวเปิดให้พุทธศาสนิกชนกราบไหว้บูชาพระพุทธรูปมานานแล้ว ไม่คาดคิดว่าพระพุทธรูปที่สร้างจากหิน ดินทราย จะเป็นที่ต้องการของมารศาสนา และล่าสุดคนร้ายบุกเข้าไปอุ้มพระบัวเข็ม หรือพระอุปคุตเนื้อทองเหลือง น้ำหนัก 70-80 กิโลกรัม ประดิษฐานไว้บนฐานดอกบัวหน้าพระอุโบสถไป
ด้านนายเขมชาติ เทพไชย รองอธิบดีกรมศิลปากร กล่าวถึงการแก้ปัญหาลักลอบค้าโบราณวัตถุว่า มอบหมายให้ฝ่ายบริหารทั่วไป
สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กรมศิลปากร ซึ่งทำหน้าที่ออกใบอนุญาตการค้าโบราณวัตถุศิลปวัตถุ และมีหน้าที่ตรวจสอบการนำเข้าและส่งออกโบราณวัตถุ ให้เร่งตรวจสอบร้านค้าโบราณวัตถุที่ขึ้นทะเบียนกับกรมศิลปากร ในปี 2552 มีร้านค้าในเขตกรุงเทพฯ นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ ที่ขอใบอนุญาตค้าโบราณวัตถุ 95 ร้าน และร้านค้าศิลปวัตถุ 81 ร้าน รวม 176 ร้าน ส่วนต่างจังหวัดยังไม่ทราบจำนวน เนื่องจากเป็นหน้าที่ของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หรือสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัด (สวจ.) แต่ละจังหวัด เป็นผู้ออกใบอนุญาต
นายเขมชาติกล่าวว่า ร้านค้าที่ขึ้นทะเบียนกับกรมศิลปากรถือว่าน้อยมาก เพราะความเป็นจริงแล้ว ร้านค้าโบราณวัตถุและศิลปวัตถุตามตลาดนัดใหญ่ๆ
เช่น ตลาดนัดสวนจตุจักร สนามหลวง 2 รวมทั้งร้านค้าในห้างสรรสินค้า ขณะนี้มีไม่ต่ำกว่า 1,000 ร้าน ดังนั้น เพื่อตรวจสอบให้ชัดเจน ได้มอบหมายให้ภัณฑารักษ์ลงพื้นที่ตลาดนัดสวนจตุจักร ตลาดค้าพระ เช่น ท่าพระจันทร์ สนามหลวง 2 บางรัก คลองถมนนทบุรี และร้านค้าวัตถุโบราณตามห้างสรรสินค้า ตรวจสอบว่าได้ขึ้นทะเบียนกับกรมศิลปาการแล้วหรือยัง และทำผิด พ.ร.บ.โบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ.2504 หรือไม่ รวมทั้งสุ่มตรวจร้านค้าที่คาดว่าจะเป็นแหล่งรับซื้อเศียรพระพุทธรูปที่ถูกโจรกรรมด้วย
"การตรวจสอบการขอใบอนุญาตของร้านนครสวรรค์วัตถุโบราณที่ตลาดนัดสวนจตุจักร ที่ถูกตำรวจ สน.บางซื่อ จับกุมข้อหารับซื้อของโจรนั้น สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติตรวจสอบในเบื้องต้นพบว่าร้านดังกล่าวไม่มีใบอนุญาต ถือว่ามีความผิดตาม พ.ร.บ.โบราณสถานฯ ในมาตรา 36 ผู้ใดทำการค้าโบราณวัตถุ หรือศิลปวัตถุที่ห้ามทำการค้าตามประกาศที่ออกตามมาตรา 14 วรรคสอง หรือฝ่าฝืน มาตรา 15 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับไม่เกิน 5 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และยังผิดในมาตรา 37 ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา 19 วรรคหนึ่ง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี และปรับไม่เกิน 3 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ อย่างไรก็ตาม มอบหมายให้สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเร่งดำเนินการทางกฎหมายกับร้านดังกล่าวแล้ว" นายเขมชาติกล่าว
นายเขมชาติกล่าวว่า ฝากไปยังวัดที่เคยถูกโจรกรรมเศียรพระและพระพุทธรูป ให้ส่งภาพถ่ายของโบราณวัตถุที่ถูกโจรกรรมมายังสำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ
เพื่อเป็นข้อมูลเวลาลงพื้นที่ตรวจร้านค้าโบราณวัตถุ จะได้ช่วยตรวจสอบอีกทาง รวมทั้งจะได้ส่งไปยังร้านค้าโบราณวัตถุที่ได้ขึ้นทะเบียนกับกรมศิลปากรให้ช่วยตรวจสอบด้วย สำหรับหลักเกณฑ์และขั้นตอนการนำโบราณวัตถุออกนอกราชอาณาจักรนั้น คณะกรรมการตรวจพิสูจน์โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ ซึ่งทำหน้าที่ตรวจสอบโบราณวัตถุก่อนออกนอกประเทศจะเป็นผู้อนุญาต