สุดสลดเด็กหญิงวัย 11 ดาวโรงเรียนระดับประถมย่านแปดริ้ว ถูกฆาตกามโหดข่มขืนรัดคอฆ่าชีวิตเศร้าพ่อ-แม่แยกทางกันไปและช่วงเกิดเหตุต้องอยู่คนเดียว
เผยเป็นเด็กดีจนเป็นที่รักใคร่ของชาวบ้านและครู อีกทั้งยังเป็นดาวเด่นของโรงเรียนมีความสามารถทั้งฟ้อนรำและตีกลองยาวตระเวนออกโชว์หลายจังหวัด ตร.เร่งล่าคน ร้ายมั่นใจคนในพื้นที่เพราะรู้ความเคลื่อนไหวและฆ่าเด็กเพื่อปิดปาก เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 22 พ.ย. ร.ต.ท. จรัญ ดลโสภณ พนักงานสอบสวน สภ.สนาม ชัยเขต พร้อมด้วย พ.ต.อ.สุรพล วิรัตน์โยสินทร์ รักษาราชการแทน ผบก.ภ.จว.ฉะเชิงเทรา, พ.ต.ท.ประวัติ แพพ่วง รอง ผกก. สภ.สนามชัย เขต, พ.ต.ท.สมบูรณ์ อุดม สวป. สภ.สนามชัย เขต, พ.ต.ต.จักรกรี วงศ์จินดา สารวัตรสืบสวน สภ.สนามชัยเขต พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่วิทยาการ พิสูจน์หลักฐาน จากตำรวจภูธรจังหวัดฉะเชิง เทรา และแพทย์เวรจากร.พ.สนามชัยเขต เข้าตรวจสอบชันสูตรพลิกศพ ด.ญ.นันทิชา มูลสูตร หรือ "น้องเฟิร์น" อายุ 11 ขวบ นักเรียนชั้น ป.5 โรงเรียนบ้านท่าซุง หลังรับแจ้งจากคนงานในไร่มันสำปะหลังว่า พบศพเด็กสาวถูกฆ่ารัดคอเสียชีวิต
ที่เกิดเหตุอยู่บริเวณกลางไร่มันสำปะหลัง ห่างจากด้านหลังของวัดท่าซุงเก่า พื้นที่ ม.3 ต.ลาดกระทิง อ.สนามชัยเขต ประมาณ 300 เมตร
สภาพศพถูกฆ่ารัดคอด้วยเชือกหูรูดกางเกงสีขาวอย่างแน่นหนา แบบขันชะเนาะติดอยู่กับโคนต้นมันสำปะหลัง สวมชุดนอนสีฟ้าลายดอกไม้ นอนเสียชีวิตในลักษณะตะแคงข้างคว่ำหน้าแบบติดกับคันดินร่องมัน ใต้ศพมีผ้าขนหนูผืนใหญ่ และรองเท้าหนังแบบสวมสีดำตกอยู่หนึ่งคู่ บริเวณที่เกิดเหตุพบรอยเท้าการเหยียบย่ำของคนร้าย และร่องรอยของการดิ้นรนแบบทุรนทุรายต่อสู้ของเหยื่อ
จากการชันสูตรของเจ้าหน้าที่ พบว่าเหยื่อถูกคนร้ายลงมือข่มขืนล่วงละเมิดทางเพศ จนมีเลือดไหลเปื้อนติดอยู่ที่บริเวณขาหนีบ
รวมทั้งยังติดแห้งกรังอยู่ที่เป้ากางเกงชุดนอนสีฟ้าที่ผู้ตายสวมใส่อยู่ นอกจากนี้ ตามแขนขายังมีร่องรอยของการดิ้นรนต่อสู้จนมีร่องรอยถลอก เจ้าหน้าที่สามารถเก็บเศษเส้นผมและขนเพชรของคนร้ายจากในที่เกิดเหตุจำนวนหลายเส้น ทั้งที่ติดอยู่ตามเสื้อผ้าและที่บริเวณภายในอวัยวะเพศของเหยื่อ โดยคาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่เกิน 24 ช.ม.
นายมานพ มูลสูตร อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 418 ม.6 ต.ลาดกระทิง บิดา ให้การว่า ด.ญ. นันทิชาหายตัวไปจากบ้านตั้งแต่เมื่อคืนวันศุกร์ที่ 20 พ.ย.ที่ผ่านมา
หลังจากพบกันครั้งสุดท้ายอยู่ที่บ้านเมื่อเวลา 20.00 น. ก่อนที่ตนจะออกไปรับจ้างกรีดยางร่วมกับพี่สาว และเดินทางกลับมายังบ้านพักเมื่อเวลา 04.00 น. เพื่อจะมารับบุตรสาวไปส่งที่โรงเรียนวัดท่าซุง ในตอนใกล้รุ่งสางของวันที่ 21 พ.ย. เพื่อที่จะเดินทางไปประกวดการแสดงตีกลองยาวของนักเรียน ที่ จ.ชลบุรี แต่ไม่พบตัวบุตรสาว จากนั้นจึงเดินทางเข้าไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ว่าบุตรสาวหายตัวไป เมื่อเวลา 06.00 น. ของวันเดียวกัน พร้อมทั้งยังแจ้งทั้งผู้ใหญ่บ้าน และกำนันให้ช่วยกันออกมาช่วยค้นหาแต่ก็ไร้วี่แววที่จะพบตัว จนมาพบอีกครั้งหลังจากมีคนงานในไร่มันจะเข้ามาถางไร่เพื่อขุดหัวมันยังที่เกิดเหตุ เมื่อเวลา 09.30 น.วันนี้ จึงมาพบว่าบุตรสาวเสียชีวิตแล้ว
ฆ่ารัดคอ-หมกไร่ ขืนใจดญ. ดาวเด่นโรงเรียน
นายมานพกล่าวต่อว่า สำหรับสาเหตุที่ต้องปล่อยให้บุตรสาวอยู่บ้านเพียงลำพังคนเดียวนั้น เนื่องจากตนและอดีตภรรยา คือนางพัชรินทร์ แสงจันทร์ อายุ 29 ปี เลิกรากันไปตั้งแต่ลูกยังเล็กๆ เมื่อ 8 ปีก่อน
โดยที่ภรรยาเก่าไปมีสามีใหม่ ส่วนตนมาอยู่กินกับ น.ส.อารียา ศรีเพชร อายุ 20 ปี ที่บ้านหลังปัจจุบัน เลขที่ 347 ม.3 ต.ลาดกระทิง ในวันเกิดเหตุ น.ส.อารียา ไปทำงานยังโรงงานย่านนิคมอุตสาหกรรม 304 กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี เพื่อเข้ากะกลางคืน ส่วนตนเดินทางไปรับจ้างกรีดยาง จึงปล่อยให้บุตรสาวอยู่บ้านแต่เพียงลำพัง ซึ่งหากภรรยาเข้ากะกลางวันและตนไม่ได้ไปกรีดยางจึงจะอยู่ร่วมกันพร้อมหน้า 3 คน
ด้านนางบังอร เจริญแพทย์ อายุ 58 ปี กำนัน ต.ลาดกระทิง กล่าวว่า หลังรับแจ้งเหตุจากผู้ ใหญ่บ้านในวันที่เด็กหายตัวไป จึงพากันช่วย ออกค้นหาอยู่ตลอดทั้งวัน แต่ก็ไม่พบ
ที่ผ่านมาในตำบลและหมู่บ้านแห่งนี้ไม่เคยเกิดเหตุร้ายแรงสะเทือนขวัญ ฆ่าข่มขืนเด็กอย่างโหดเหี้ยมเช่นนี้มาก่อน ซึ่งเด็กคนนี้เป็นเด็กนิสัยดี หน้าตาดี ขยัน และร่วมกับทางโรงเรียนทำกิจกรรมสร้างชื่อเสียงมาโดยตลอด จนเป็นที่รักใคร่ของ ครูอาจารย์ในโรงเรียน จึงอยากให้ตำรวจติดตามจับกุมตัวคนร้ายมาลงโทษให้ได้โดยไว
ขณะที่นางวิรัตน์ ช่วยงาน อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 318 ม.6 ต.ลาดกระทิง ชาวบ้าน กล่าวว่า ตนอยู่คนละหมู่บ้านกัน แต่ก็ทราบว่าเด็กคนนี้นิสัยดี
ขยันช่วยงานโรงเรียนและยังเป็นดาวเด่น ร่วมทำกิจกรรมการแสดงต่างๆ ของโรงเรียน ทั้งฟ้อนรำ การแสดงตีกลองยาว ซึ่งเป็นกิจกรรมที่มีชื่อเสียงของโรงเรียน และเป็นเด็กหน้าตาดี จึงทำให้คนร้ายหมายที่จะเข้ามาข่มขืนทำร้าย เพราะทราบว่าอยู่บ้านแต่เพียงลำพังคนเดียว บ้านยังปลูกสร้างด้วยไม้ยกพื้น ฝาประตูหน้าต่างเป็นสังกะสี ไม่มีห้องกั้น อยู่เป็นหลังสุดท้ายของหมู่บ้าน ห่างออกมาจากในตัวชุมชน จึงค่อนข้างเปลี่ยวในเวลากลางคืน คนร้ายจึงเข้ามาลงมือก่อเหตุฉุดลากไปได้ง่าย
ด้าน พ.ต.อ.สุรพลกล่าวว่า จากการตรวจชัน สูตรในที่เกิดเหตุ เชื่อว่าคนร้ายเป็นคนในพื้นที่และน่าจะลงมือเพียงลำพัง หรือไม่เกิน 2 คน
โดยอาจเป็นคนใกล้ชิด รู้จักคุ้นเคยกับครอบครัวนี้เป็นอย่างดี จึงลงมือฆ่าเพื่อปิดปาก เพราะรู้ถึงความเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา โดยทางเจ้าหน้าที่พบหลักฐานหลายอย่างตกอยู่ในที่เกิดเหตุ สำหรับผู้เสียชีวิตนั้น คาดว่าถูกลงมือฆ่าทิ้งมาแล้วไม่นานมากนัก เนื่องจากขณะที่มีคนมาพบ ศพร่างของผู้เสียชีวิตยังอยู่ในสภาพอุ่นอยู่ ถือว่าคดีนี้เป็นคดีฆาตกรรมข่มขืนสะเทือนขวัญเป็นอย่างมาก โดยจะส่งศพไปชันสูตรโดยละเอียดอีกครั้งยังสถาบันนิติเวช เพื่อหาหลักฐานทางวิทยา ศาสตร์ต่อไป