ตัดเศียรอีก พระพุทธรูปวัดอยุธยา

โจรบาปอาละวาดอีก ล่าสุดบุกตัดกุญแจโบสถ์โบราณเข้าไปตัดเศียรพระพุทธรูปเก่าแก่อายุกว่า 200 ปี ภายในวัดแดง อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา ลงมือท้านรกตัดเศียรพระไป 2 องค์ พร้อมทุบองค์พระเพื่อหาพระเครื่องและของมีค่าที่บรรจุภายในอีก 4 องค์ เผยก่อเหตุเย้ยตู้เหลืองที่ติดอยู่หน้าพระอุโบสถ

เมื่อวันที่ 21 พ.ย. พระสมุห์สมยศ ยสวัฑฒโก อายุ 47 ปี เจ้าอาวาสวัดแดง ม.1 ต.ปากท่า อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา ได้พาผู้สื่อข่าวเข้าตรวจสอบโบสถ์เก่าแก่ที่สร้างขึ้นปลายสมัยกรุงศรีอยุธยา ซึ่งตั้งอยู่กลางวัด หลังจากถูกคนร้ายไม่ทราบจำนวนตัดกุญแจโบสถ์ แล้วเข้าไปตัดเศียรพระพุทธรูปปูนปั้น สมัยรัชกาลที่ 3 จากการตรวจสอบพบว่าพระพุทธรูปที่ประดิษฐานภาย ในโบสถ์ ถูกทุบทำลาย 4 องค์ โดย 2 องค์ด้านหน้าคนร้ายตัดเอาเฉพาะเศียรไป ส่วนพระพุทธรูปที่ถูกทุบทำลายอีกองค์ คนร้ายไม่ได้นำเศียรพระไป ซึ่งสงสัยว่าคนร้ายคงจะค้นหาพระพุทธรูปหรือพระเครื่องที่บรรจุอยู่ในเศียรพระ

พระสมุห์สมยศ กล่าวว่า พระพุทธรูปดังกล่าวถูกคนร้ายเข้าไปโจรกรรมตั้งแต่คืนวันที่ 4 พ.ย. แต่ยังไม่ได้แจ้งความไว้เป็นหลักฐาน

เพราะปกติของในวัด อาทิ โต๊ะหมู่ แจกัน หรือที่กรวดน้ำจะหายเป็นประจำ และเคยแจ้งความแล้วตำรวจยังจับคนร้ายไม่ได้ โดยวัดได้เข้าร่วมโครงการตู้เหลืองคุ้มครองพระพุทธรูปวัตถุโบราณ มีตู้เหลืองติดภายในวัดถึง 2 ตู้ คือข้างโบสถ์ที่ถูกคนร้ายเข้าไปตัดเศียรพระ และบริเวณทางขึ้นกุฏิ ด้านนายอเนก สีหามาตย์ ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ 3 พระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า โบสถ์หลังดังกล่าวสร้างขึ้นสมัยกรุงศรีอยุธยา พระประ ธานภายในได้รับการบูรณะมาแล้วตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 3 โดยเศียรของพระที่ถูกตัดออกไปนั้น คาดว่าเป็นเนื้อหิน หรือเนื้อหินทรายสมัยโบราณ ต่อมาได้มีการหล่อองค์พระขึ้นมาใหม่ แล้วใช้เศียรดังกล่าวสวมทับ และใช้ปูนปั้นพอกทับอีกครั้งหนึ่ง เพื่อให้คนเข้าใจว่าเป็นพระใหม่ ส่วนกรณีที่คนร้ายทุบองค์พระนั้นเชื่อว่าต้องการเข้าไปหาของเก่า ว่ามีฝังอยู่ในตัวองค์พระหรือไม่ ทั้งนี้ ยอมรับว่าการโจรกรรมตัดเศียรพระเงียบหายไปนานมาก แต่ในระยะนี้เชื่อว่าน่าจะมีใบสั่งจากต่างชาติที่ต้องการนำของเก่าไปประดับบ้าน ในห้วง 3 ปีที่ผ่านมา มีวัดที่ถูกโจรกรรมตัดเศียรพระพุทธรูปไปแล้วประ มาณ 5 วัด

ที่ห้องประชุมกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พล.ต.ต.ชินทัต มีศุข ผบก. พระนครศรีอยุธยา พ.ต.อ.กรเอก เพชรไชยเวส รองผบก. ได้เรียกหัวหน้าสถานีตำรวจ สภ.พระ ครศรีอยุธยา สภ.อุทัย สภ.นครหลวง สภ.ท่าเรือ รองผกก.กลุ่มงานสืบสวน และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนจากสภ.ดังกล่าวเข้าประชุมอย่างเคร่งเครียดเป็นเวลานานกว่า 2 ช.ม.

พ.ต.อ.กรเอกเปิดเผยว่า ได้เรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องที่เคยเกิดเหตุที่มีพระถูกโจรกรรมมาตรวจสอบข้อมูล สำหรับวัดที่พระหายเดิมคนร้ายส่วนมากจะโจรกรรมพระพุทธรูปทั้งองค์ แต่มาช่วงนี้คนร้ายมาโจรกรรมเฉพาะเศียรพระ เช่น วัดดงหวาย อ.นครหลวง และล่าสุดที่วัดแดง อ.ท่า เรือ ทำให้แนวทางการสืบสวนมุ่งไปยังกลุ่มคน ร้ายรุ่นใหม่ในพื้นที่รอบๆ จังหวัดพระนครศรี อยุธยา นอกจากนี้ ยังตรวจสอบไปยังร้านค้าวัตถุโบราณในพื้นที่บช.ภ.1 ยังไม่พบเบาะแส เจ้าหน้าที่ตำรวจจะกระจายกำลังกันหาข่าวในเรื่องนี้อย่างสุดความสามารถเพราะเป็นเรื่องสะเทือนใจต่อชาวพุทธเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ ผบก. พระนครศรีอยุธยายังกำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจออกตรวจตามวัดต่างๆ ให้มากขึ้น โดยเฉพาะโครงการตู้เหลืองคุ้มครองพระพุทธรูปวัตถุโบราณ พร้อมทั้งประสานไปยังสำนักงานศิลปา กรที่ 3 ขอภาพถ่ายวัตถุโบราณและพุทธรูปตามวัดต่างๆ ที่สำคัญ ซึ่งทางกรมศิลป์ได้ขึ้นทะเบียนแล้วขอความร่วมมือให้พระทุกวัดจำนวน 496 วัด ได้ถ่ายรูปพระพุทธรูปในพระอุโบสถและพระสำคัญๆ เก็บเอาไว้