เมื่อ 18 พ.ย. เอพีรายงานคดีอาชญากรรมครอบครัวที่สะเทือนใจชาวอเมริกัน เมื่อตำรวจพบ ศพด.ญ.ชานิยา เดวิส วัย 5 ขวบที่หายตัวไป
อยู่ริมถนนเขตป่ารก ใกล้เมืองแซนฟอร์ด รัฐนอร์ท แคโรไลนา หลังจากเด็กถูกแม่ขายให้แก๊งค้าโสเภณี แต่อ้างว่าเด็กหายไปตั้งแต่วันที่ 10 พ.ย. โดยทางตำรวจเอฟบีไอ และเจ้าหน้าที่ทหารช่วยตามหา แต่สุดท้ายพบเป็นศพเมื่อวันที่ 16 พ.ย.
นายแบรดลีย์ ล็อกฮาร์ต พ่อของเด็ก ซึ่งแยกทางกับนางอังตัวแน็ต แม่ของเด็ก กล่าวว่า ลูกเพิ่งไปอยู่กับภรรยาเก่าได้เพียง 3 สัปดาห์
ตั้งแต่วันที่ 9 ต.ค. เดิมทีตนฟ้องร้องแย่งสิทธิ์เลี้ยงดูลูก แต่เห็นว่า นางอังตัวแน็ตหางานทำได้ 6 เดือนและมีที่อยู่เป็นหลักเป็นแหล่ง จึงยอมให้ลูกไปอยู่ด้วย นายล็อกฮาร์ตร้องไห้เมื่อกล่าวว่า ขอให้เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์ ว่าอย่าได้ปล่อยให้เด็กหรือใครก็ตามตกอยู่ในอันตราย เพื่อจะไม่มีโศกนาฏกรรมแบบนี้อีก ไม่มีพ่อคนไหนอยากให้เกิดกับลูกตนเอง
ด้านนางอังตัวแน็ต วัย 25 ปีถูกตำรวจจับกุมและสั่งฟ้องในข้อหาค้ามนุษย์และใช้ความรุนแรงต่อเด็ก
หลังจากตำรวจตรวจสอบพบภาพวงจรปิดจากโรงแรมในเมืองฟาแย็ตวิลล์ ว่าเด็กถูกอุ้มไปโดยนายมาริโอ แม็กนีล ซึ่งต่อมา นายแม็กนีลมามอบตัวกับตำรวจ และถูกฟ้องในข้อหาลักพาตัว
ส่วนอีกคดีที่เมืองเบตส์ รัฐมิสซูรี กรณีนายเบอร์เรลล์ เอ็ดเวิร์ด โมห์เลอร์ วัย 77 ปี และลูกชายอีก 4 คน อายุ 47-53 ปี
ร่วมกันทารุณกรรมทางเพศ ข่มขืน และอนาจารเด็ก ซึ่งเป็นหลานแท้ๆ ของนายโมห์เลอร์ 6 คนช่วงปี 2531-2538 นั้น มีผลสอบสวนน่าตกใจเพิ่มเติมว่า หลานสาว 3 คน อายุ 5, 6 และ 8 ขวบถูกนายโมห์เลอร์บังคับให้ช่วยลักพาตัวชายคนหนึ่งจากห้างสรรพสินค้า จากนั้นสั่งให้ช่วยฆ่าชายคนนั้น ไม่เช่นนั้นจะถูกฆ่าเสียเอง จากนั้นก็ถูกสั่งให้ฝังศพ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจขุดพบซากกระ ดูกและของใช้ติดตัวเหยื่อ รวมทั้งโหลบรรจุเศษกระดาษที่เด็กๆ เขียนเล่าเรื่องราวสยดสยองดังกล่าว