เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 13 พ.ย. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้าน หมู่ 1 ต. ดอนเจดีย์ อ.พนมทวน จ.กาญจนบุรี
ว่าภายในหมู่บ้านมีหนุ่มใหญ่ เป็นคนปัญญาอ่อน และพูดจาไม่ได้มาตั้งแต่เกิด ครอบครัวมีฐานะยากจน แต่เป็นคนยอดกตัญญู ด้วยการออกเดินไปตามหมู่บ้านเพื่อหาเก็บขวดพลาสติกและนำไปขายเพื่อหารายได้นำเงินไปซื้ออาหารเลี้ยงดูแม่ผู้ให้กำเนิด และน้องชายที่พิการจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ จึงเดินทางไปตรวจสอบที่บ้านเลขที่ 75 ซ.3 ม.1 ต.ดอนเจดีย์ อ.พนมทวน จ.กาญจนบุรี พบนางนกแก้ว คชายุทธ อายุ 63 ปี เล่าให้ฟังว่า มีลูกชาย 3 คน คนโตชื่อ นายเมียงเซ็น คชายุทธ อายุ 43 ปี คนที่ 2 ชื่อนายธนากร คชายุทธ อายุ 38 ปี และคนที่ 3 ชื่อนายจิรโชติ คชายุทธ อายุ 36 ปี ส่วนสามีของตนได้เสียชีวิตเมื่อปี 2548
นางนกแก้ว กล่าวว่า นายเมียงเซ็น ลูกชายคนโตนั้น มีปัญหาทางด้านสมองเป็นคนปัญญาอ่อนมาตั้งแต่เกิด ไม่สามารถพูดจาได้
เมื่อหลายปีก่อน ตนยังมีร่างกายแข็งแรงสามารถทำนา และหารายได้มาเลี้ยงครอบครัวได้ ส่วนนายจิรโชติ ลูกชายคนที่ 2 ก็มีอาชีพขับรถพ่วง 18 ล้อ รับจ้างหาเงินมาเลี้ยงครอบครัวทำให้ครอบครัวไม่มีความเดือดร้อน แต่ช่วงปี 2548 ซึ่งเป็นปีเดียวกับที่สามีเสียชีวิต นายจิรโชติ ลูกชายก็ประสบอุบัติเหตุขับรถพ่วง 18 ล้อชนกับรถ 10 ล้อ จนได้รับบาดเจ็บสาหัส รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นานหลายเดือน จนเงินที่มีอยู่หมดไปกับการรักษา สุดท้ายจึงตัดสินใจมานอนรักษาตัวที่บ้านเนื่องจากไม่มีเงินไปหาหมอ และกลายเป็นคนพิการ ขาด้านซ้ายลีบ ไป จนถึงบริเวณสะโพกด้านซ้ายทำให้ไม่สามารถไปทำงานได้อีก ภาระทั้งหมดจึงตกอยู่ที่ตนคนเดียว ส่วนลูกชายคนกลางก็แต่งงานมีครอบครัวไปแล้ว
นางนกแก้ว กล่าวว่า ต่อมาไม่นานตนก็ได้รับอุบัติเหตุหัวไหล่แขนของตนเกิดหลุดทั้ง 2 ข้าง และกระดูกทั้งแขนและขาก็แตก จนต้องหยุดพักรักษา
แต่หลังจากที่หายแล้ว ตนก็ไม่สามารถทำงานได้อีก ประกอบกับมีอายุมากแล้ว พอจะทำงานก็มีความรู้สึกเจ็บปวดที่แขนและขาเป็นอย่างมาก จนสุดท้ายครอบครัวของตนต้องไปขอข้าวจากเพื่อนบ้านมาเพื่อกินประทังชีวิตไปวันๆ ซึ่งบางวันนั้นครอบครัวของตนก็ไม่มีอะไรจะกิน จะต้องรอเบี้ยยังชีพของคนชราที่ได้รับจาก อบต.เดือนละ 500 บาทซึ่งไม่เพียงพอ บางวันก็โชคดีมีเพื่อนบ้านเอาข้าวและอาหารมาให้ ทำให้หายหิวไปบางมื้อ
ต่อมานายเมียงเซ็น ลูกชายคนโต ที่มีอาการทางสมองปัญญาอ่อนมาตั้งแต่เกิด ได้ออกจากบ้านไป แต่หลังจากกลับเข้าบ้านก็เห็นนายเมียงเซ็นแบกถุงพลาสติกภายในบรรจุขวดน้ำพลาสติก
และขวดเครื่องดื่มชูกำลังต่างๆ เป็นจำนวนมาก และได้นำไปเทกองเก็บไว้ที่บริเวณด้านหลังบ้าน ซึ่งนายเมียงเซ็นลูกชายคนโตได้ออกไปเก็บขวดต่างๆ มาเก็บไว้ที่บ้านทุกวัน จนมีจำนวนมาก จากนั้นก็จะนำไปขาย ซึ่งต่อมามีพ่อค้ารับซื้อของเก่ารู้ข่าวจึงเดินทางมารับซื้อถึงที่บ้าน แต่กว่าจะขายได้แต่ละครั้งต้องใช้เวลานานประมาณ 1-2 เดือน ซึ่งบางครั้งก็ขายได้ครั้งละ 1 พันบาท แต่ถ้าหากเดือนไหนเก็บได้น้อย นายเมียงเซ็นก็จะไม่ยอมขาย จนกว่าจะเก็บขวดได้มากๆ สำหรับการสื่อสารกับพ่อค้าที่มารับซื้อ นายเมียงเซ็นจะใช้มือโบกให้พ่อค้ารู้ เนื่องจากไม่สามารถพูดได้