นครบาลระดม แฉมือที่ 3 จ้องป่วนชุมนุม

"ไม่ออก ไม่เลิก"


มหาจำลอง ลั่นไม่ออกไม่เลิก เชื่อนายกฯลาออก สนธิ ไม่หวั่นพรรคไทยรักไทยจัดม็อบชนม็อบ ผบช.น.เตือนระวังปัญหาแทรกซ้อน การชุมนุมต้องอยู่ในกฎหมายไม่ละเมิดสิทธิผู้อื่น ลูกหาบพรรคไทยรักไทยดาหน้าปกป้องนายกฯ จวกกลุ่มพันธมิตรฯทำเกินเลยมากไปแล้ว อ้างประชาชนส่วนใหญ่รำคาญและเบื่อหน่าย กุเทพ เรียกร้อง กกต.จัดการกลุ่มพันธมิตรฯฐานปราศรัยใส่ร้าย ขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 44 และกฎหมายเลือกตั้ง ด่ากราดเป็นองค์กรเถื่อนขัดขวางการเลือกตั้ง เสี้ยมเขาให้คนไทยปะทะกันเพื่อนำไปสู่แผนล้มการเลือกตั้ง เตรียมล่ารายชื่อคนอีสาน 10 ล้านรายชื่อหนุน ทักษิณ เป็นนายกฯต่อ บรรหาร ชี้ 5 เสือ กกต.แก้วิกฤติไม่ได้เพราะยังใหม่อยู่ สุชน เตรียมนำรายชื่อ กกต.ขึ้นทูลเกล้าฯ 22 ก.ย.นี้

สืบเนื่องจากกรณีที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จะชุมนุมประท้วงครั้งใหญ่ในวันพรุ่งนี้ (20 ก.ย.) เพื่อเรียกร้องให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ประกาศให้ชัดเจนว่าจะเว้นวรรคหรือไม่ รวมทั้งเรียกร้องไม่ให้เดินทางกลับประเทศไทย โดยจะปักหลักชุมนุมอย่าง สันติวิธีต่อเนื่อง โดยนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ประกาศว่าถ้าไม่ได้ชัยชนะก็จะไม่เลิกรานั้น


พันธมิตรฯประกาศขอสู้ยกสุดท้าย


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 13.00 น. วานนี้ (18 ก.ย.) ที่บ้านพระอาทิตย์ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ประกอบด้วย นายสนธิ ลิ้มทองกุล พล.ต. จำลอง ศรีเมือง และนายสุริยะใส กตะศิลา ได้ร่วมประชุมหารือถึงการชุมนุม จากนั้นนายสุริยะใสได้กล่าวถึงมติที่ ประชุมว่า สถานการณ์การเมืองขณะนี้อยู่ในความตึงเครียด เนื่องจาก พ.ต.ท.ทักษิณดึงเรื่องการประกาศเว้นวรรคทาง การเมือง ทางพันธมิตรฯเคยยุติการชุมนุมตั้งแต่ พ.ต.ท. ทักษิณประกาศว่าจะเว้นวรรค แต่เมื่อสุดท้ายกลับลืมสัต-ยาบัน หวนมาใช้อำนาจรักษาการนายกฯ แทรกแซงการตรวจสอบการทุจริตอีก พันธมิตรจึงต้องนัดชุมอีกครั้ง เพื่อต้านการกลับมาประเทศไทยของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่อาจจะมีการแทรกแซงการตรวจสอบขององค์กรอิสระอีก สำหรับการต่อสู้ครั้งนี้อาจเป็นการต่อสู้ยกสุดท้าย เพราะถ้าไม่ชนะไม่เลิก ไม่ออกไม่กลับ ยืนยันว่าถ้ายังไม่ลาออก ก็เหมือน พ.ต.ท.ทักษิณจับคนไทย 63 ล้านคน ไว้เป็นตัวประกัน อีกทั้งการชุมนุมคราวนี้จะเปลี่ยนรูปแบบจากเวทีที่ให้ความรู้เป็นการกดดันทางการเมืองแทนเชื่อว่าจะมีผู้ร่วมชุมนุมไม่ต่ำกว่า 5 หมื่นคน เช่น เครือข่ายพันธมิตรฯใน 76 จังหวัด องค์กรภาคประชาชน คณาจารย์ สมัชชาเกษตรกร สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจและสมาพันธ์ อบท. เป็นต้น


จำลอง มั่นใจว่านายกฯต้องออก


พล.ต.จำลองกล่าวว่า ก่อนการประกาศชุมนุมใหญ่ ได้มีการหารือกับเครือข่ายพันธมิตรฯทั่วประเทศแล้ว และมีความเห็นพ้องร่วมกัน โดยส่วนหนึ่งก็จะชุมนุมอยู่ในจังหวัดตัวเอง เช่น ที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา อย่างไรก็ตามได้นัดหมายกันไว้ว่าจะมารวมตัวกันที่ถนนราชดำเนิน-นอก เวลา 16.00 น. เพื่อเคลื่อนขบวนเข้าสู่ลานพระบรม-รูปทรงม้า จากนั้นการชุมนุมยืดเยื้อจะกี่วัน หรือมีการเคลื่อนตัวไปที่ไหน ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ เพราะต้องหารือกับผู้ชุมนุมก่อน แต่ยืนยันไม่ออกไม่เลิก ทนได้ก็ทนไป ส่วนตัวเชื่อว่าคราวนี้ต้องลาออกแน่ ยอมรับว่ามีความกังวลที่มีฝนตกบ่อยช่วงนี้ แต่เพื่อประเทศชาติแล้วทนได้ และในเรื่องความปลอดภัยของผู้ชุมนุมนั้นจะจัดเวรยามดูแล แต่ถือเป็นหน้าที่ของตำรวจด้วย ถ้าทำไม่ได้ก็ลาออกไป


ยันไม่มีการปิดล้อมสถานที่ราชการ


นายสนธิกล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ถือเป็นฟางเส้นสุดท้าย การต่อสู้ครั้งนี้จึงเกิดขึ้น เพื่อไม่ให้ พ.ต.ท.ทักษิณกลับมาประเทศไทย แต่ถ้ากลับมาจริงๆ ก็ต้องลาออกไปเสีย เพราะส่วนตัวจะปักหลักสู้ไม่ถอย แม้ว่าจะมีแค่ 10 คน ก็จะชุมนุม ยอมรับว่าไม่คำนึงว่าชนะหรือแพ้ แต่ไม่อยากให้บ้านเมืองต้องเสียหายไปมากกว่านี้ ส่วนเรื่องที่มีการนำพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งมาอ้างไม่ให้มีการชุมนุม ยืนยันว่าพันธมิตรฯ ไม่ใช่ พรรคการเมืองจึงไม่เกี่ยวกัน สำหรับปัญหาเรื่องจะมีการจัดตั้งม็อบมาชนม็อบก็เช่นกัน อยากจะชุมนุมก็ทำไป แต่ไม่ใช่ยกมาเผชิญหน้ากับเรา ทั้งเป็นหน้าที่ของตำรวจที่ต้องดูแล อย่างไรก็ตาม ได้ทำหนังสือแจ้งให้ตำรวจทราบเรื่องการขอใช้สถานที่แล้ว กลุ่มพันธมิตรฯยืนยันว่าจะเคลื่อนตัวเข้าสู่ลานพระบรมรูปฯ ตั้งแต่เวลา 16.00 น. แต่ หากมีการปิดกั้นจากตำรวจ ก็จะสู้ด้วยความอหิงสาคือนั่งลงกับพื้น แล้วค่อยขยับเข้าไป แต่ยืนยันว่าจะไม่มีการปิดล้อมสถานที่ราชการแน่นอน ชุมนุมก็จะจัดเวรยามดูแล และถือเป็นหน้าที่ของทางตำรวจ


เชื่อไม่มีมือที่สามป่วนชุมนุมใหญ่


พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ รองนายกฯ และ รมว. ยุติธรรม กล่าวถึงกรณีการนัดชุมนุมใหญ่ของกลุ่มพันธมิตร ประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ในวันพรุ่งนี้. ที่อาจจะ มีมือที่สามเข้ามาสร้างความวุ่นวายว่า ทุกคนต้องช่วยกัน ดูแลรักษาความปลอดภัย แต่มั่นใจว่าจะไม่มีเหตุการณ์ รุนแรงเกิดขึ้น เมื่อถามว่ากลุ่มพันธมิตรฯเตรียมกดดันไม่ให้นายกฯเดินทางกลับประเทศ พล.ต.อ.ชิดชัยตอบว่า เรื่องนี้ประชาชนรู้ดี และมีดุลยพินิจคิดเองได้ทั้งหมด

พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย ผอ.สำนักข่าวกรองแห่งชาติ กล่าวว่า การนัดชุมนุมใหญ่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ในวันที่ 20 ก.ย. นี้ ยืนยันว่า จากการข่าว ขณะนี้ยังไม่พบว่าจะมีกลุ่มมือที่สามเข้ามาสร้างสถานการณ์ ความวุ่นวายในวันดังกล่าวตามที่เป็นข่าว จึงมั่นใจว่าการชุมนุมในวันที่ 20 ก.ย. จะไม่มีเหตุการณ์ร้ายแรงเกิดขึ้น


ขอให้ใช้วิจารณญาณในการชุมนุม


พล.ต.ท.วิโรจน์ จันทรังษี ผบช.น. กล่าวว่า ทั้งสถานการณ์ทางการเมือง และสถานการณ์ทางภาคใต้ ต่างมีอันตราย ทั้งนั้น ประชาชนจึงควรจะใช้วิจารณญาณในการเข้าร่วมชุมนุม และให้ระวังปัญหาการแทรกซ้อนที่เกิดจากการ รวมตัวของคนจำนวนมาก แม้จะเป็นการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ การชุมนุมขอให้อยู่ในกรอบระเบียบของกฎหมาย ไม่ละเมิดสิทธิ์ของผู้อื่น ผู้ที่มาชุมนุมก็ต้องให้ความร่วมมือ กับตำรวจ ขอให้ตระหนักถึงเรื่องนี้ให้มากๆ ก่อนที่จะทำ อะไรให้เกิดความวุ่นวาย อยากให้ประชาชนใช้ดุลยพินิจ นึกถึงภัยอันตรายที่จะเกิดกับประเทศชาติ ที่จะเกิดจากกลุ่มผู้ไม่หวังดี และการแทรกแซงจากกลุ่มอื่น หากพบ เห็นสิ่งใดที่จะเป็นอันตรายให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจทันที ส่วนการเฝ้าระวังจุดล่อแหลมนั้น จะมีชุดทำงานด้านการข่าว มีชุดป้องกันระวัง และสืบสวนด้านการข่าว


ผบ.ทหารสูงสุดขอร้องพันธมิตรเลิกชุมนุม


พล.อ.เรืองโรจน์ มหาศรานนท์ ผบ.ทหารสูงสุด กล่าวว่า กลุ่มเครือข่ายพันธมิตรฯไม่น่าชุมนุมในวันพรุ่งนี้ เพราะสถานการณ์บ้านเมืองขณะนี้แย่อยู่แล้ว ถ้าจะมาซ้ำเติมกันให้บอบช้ำลงไปมากๆคิดว่าไม่ค่อยดี แต่การชุมนุมก็ถือเป็นสิทธิส่วนบุคคลที่พึ่งจะกระทำได้ แต่ต้องอยู่ในขอบเขตที่ดี อย่าวุ่นวาย และสร้างสถานการณ์ ที่ไม่ดีขึ้นมา

ความจริงแล้วทุกคนเป็นคนไทย มีบ้านอยู่ในประเทศไทย เขาต้องกลับมากันทุกคนจะไปห้ามไม่ให้คนนั้น คนนี้กลับมาประเทศไทยได้อย่างไร มันไม่ใช่เรื่อง ปัญหาบ้านเมืองจะสงบลงก็จะต้องมีการเลือกตั้งโดยเร็ว เป็นสิ่ง ที่พวกเราพยายามเพื่อให้เกิดการเลือกตั้งในสิ่งที่ทุกร้องขอ ก็ใกล้ที่จะเลือกตั้งแล้ว ผมคิดว่าทุกอย่างน่าจะอยู่ในความ สงบได้ รอไว้ให้ประชาชนใช้สิทธิ์ออกมาเลือกตั้งก่อนดีกว่า พล.อ.เรืองโรจน์กล่าว


จวกพันธมิตรประท้วงเกินขอบเขต


นายสุธรรม แสงประทุม กรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จะจัดชุมนุมใหญ่ในวันที่ 20 ก.ย. เพื่อกดดันไม่ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคไทยรักไทย เดินทางกลับมายังประเทศไทยว่า ระยะหลังรู้สึกว่ากลุ่มพันธมิตรฯจะเริ่มเกินเลยจนเกินไป เท่าที่ได้ฟังความรู้สึกจากประชาชนในหลายๆส่วน พบว่าเริ่มรำคาญและรู้สึกเบื่อหน่ายกับการเคลื่อนไหวที่ไม่มีขอบเขต ไม่รู้ว่าจะยึดอะไรมาเป็นหลัก เกรงว่าในอนาคตบ้านเมืองจะยิ่งไม่มีหลักยึด โดยขณะนี้อยู่ในช่วงของพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้ง พรรคไทยรักไทยคงจะต้องตั้งคำถามไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ชุดใหม่ว่า จะเข้ามาพิจารณา กำกับและควบคุมให้บ้านเมือง เดินไปด้วยระบบมากกว่าความรู้สึกได้อย่างไร ผู้สื่อข่าวถามว่าการกดดันไม่ให้ พ.ต.ท.ทักษิณเดินทางกลับ ประเทศไทยนั้น พรรคจะมีมาตรการดำเนินการอย่างไรหรือไม่ นายสุธรรมตอบว่า กลุ่มพันธมิตรฯคงจะทำได้ แค่เพียงความรู้สึก เพราะในความเป็นจริงคงจะไม่มีใครไปห้ามคนไทยไม่ให้กลับประเทศไทยได้ มองว่าคงจะต้องการกดดันเพื่อเป็นประโยชน์ให้กับกลุ่มการเมืองหนึ่งมากกว่า


พงศ์เทพ ขู่พันธมิตรฯมีสิทธิติดคุก


นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย กล่าวว่า สำหรับการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯเพื่อขับไล่นายกฯ ที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ อ้างว่าพรรคไทยรักไทยไม่สามารถดำเนินการเอาผิดกฎหมายเลือกตั้งได้ เพราะกลุ่มพันธมิตรฯไม่ใช่ พรรคการเมืองนั้น ขณะนี้ยังมี พ.ร.ฎ.เลือกตั้งบังคับใช้อยู่ เรื่องนี้ต้องดูกฎหมายเลือกตั้งให้ดีๆ เพราะในมาตรา 44 ห้ามผู้สมัครหรือผู้ใดกระทำการเพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ลงคะแนนเลือกตนเองหรืองดเว้นลงคะแนนให้ผู้สมัครพรรคหนึ่งพรรคใด โดยไปหลอกลวง พูดจาใส่ร้ายด้วยข้อความอันเป็นเท็จ ถือเป็นการกระทำความผิดตามกฎหมายเลือกตั้ง ซึ่งในมาตรา 101 ในกฎหมายเลือกตั้งระบุไว้ชัดว่าผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 44 ต้องระวางโทษ จำคุก 1-10 ปี ปรับตั้งแต่ 20,000-200,000 บาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งเป็นเวลา 10 ปี ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นกลุ่มพันธมิตรฯหรือใครก็ตาม ถือเป็นบุคคลที่ต้องอยู่ภายใต้กฎหมายเหมือนกันทั้งหมด ส่วนที่มองว่าขณะนี้ กกต.ชุดใหม่ยังไม่ได้รับการโปรดเกล้าฯ อาจไม่สามารถพิจารณาข้อร้องเรียนของพรรคไทยรักไทยได้นั้น ตอนนี้สำนักงาน กกต.ยังมีอยู่ งานบางอย่างเจ้าหน้าที่ประจำของ กกต. ก็สามารถดำเนินการเองได้เป็นไปตามอำนาจหน้าที่ที่มีอยู่


จี้ กกต.จัดการกับกลุ่มพันธมิตรฯ


ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง คณะทำงานฝ่ายกฎหมายและการเมือง พรรคไทยรักไทย กล่าวว่า ในวันที่ 19 ก.ย. เวลา 10.00 น. คณะทำงานฝ่ายกฎหมายและการเมืองของพรรค นำโดยนายสุธรรม แสงประทุม กรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย จะเดินทางไปยัง กกต.เพื่อเรียกร้องให้มีการระงับยับยั้งการปราศรัยของกลุ่มต่างๆ ระหว่างที่มีพระราชกฤษฎีกาการเลือกตั้ง การไปพบ กกต.ครั้งนี้ ถือเป็นภาระที่เราต้องทำ เนื่องจากสภาพการณ์ขณะนี้ที่อยู่ในระหว่างมีพระราชกฤษฎีกาการเลือกตั้ง แต่ยังพบว่ามีการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย การออกมาเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯนั้น ขัดกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง มาตรา 44 โดยปราศรัยใส่ร้ายด้วยข้อความอันเป็นเท็จ จูงใจไม่ให้มีการลงคะแนนให้พรรคไทยรักไทย ตรงนี้ที่ผ่านมามีหลักฐานปรากฏชัดอยู่แล้ว และเชื่อว่าในวันที่ 20 ก.ย.นี้ จะมีการกระทำลักษณะนี้อีก ดังนั้นเราจึงต้องเรียกร้องให้ กกต.ทำความเข้าใจกับเรื่องนี้ หรือระงับยับยั้ง


ด่าเป็นองค์กรเถื่อนขัดขวางเลือกตั้ง


นายวิชิต ปลั่งศรีสกุล คณะทำงานฝ่ายกฎหมายและการเมืองพรรคไทยรักไทย กล่าวว่า การจัดชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯมีการขึ้นป้ายล้มระบอบทักษิณ ทั้งยังจัดมหรสพประกอบด้วย เข้าข่ายผิดกฎหมายพรรคการเมือง มาตรา 8 การสมคบกัน 15 คนขึ้นไป กระทำกิจกรรมทางการเมือง ซึ่งมีโทษตามมาตรา 75 จำคุกไม่เกิน 2 ปี และปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท ซึ่งเราจะไปปรึกษา กกต. ว่าการกระทำอย่างนี้เหมือนพรรคการเมืองจะผิดกฎหมายแค่ไหนอย่างไร

นายจตุพร พรหมพันธุ์ รองโฆษกพรรคไทยรักไทย กล่าวว่า พฤติกรรมของกลุ่มพันธมิตรฯไม่เปลี่ยน คือนัดชุมนุมก่อนแล้วค่อยให้เหตุผลตามหลัง การที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มฯระบุจะสู้จนกว่าจะชนะ จนกว่าจะตายนั้น ถ้าใช้สิทธิในการตายสามารถทำได้ แต่ถ้าใช้สิทธิห้ามคนไทยกลับประเทศนั้นไม่ได้ ส่วนตัว ได้หารือนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่แล้ว กรณีที่อาจมีการชุมนุมยืดเยื้อ ภารกิจของพันธมิตรฯครั้งนี้ชัดเจนว่า เป็นกระบวนการล้มการเลือกตั้ง โดยการชุมนุมดังกล่าวเหมือนเป็นการกระตุ้นให้ประชาชนที่รับไม่ได้กับการกระทำของกลุ่มพันธมิตรฯออกมาเคลื่อนไหว อาจทำให้เกิดการปะทะนำไปสู่การล้มเลือกตั้ง


ล่ารายชื่อหนุน ทักษิณ นั่งนายกฯต่อ


นายสุรชาติ ชำนาญศิลป์ อดีต ส.ส.อุดรธานี พรรคไทยรักไทย กล่าวว่า ทุกวันนี้เห็นชัดเจนว่ากลุ่มการเมือง ฝ่ายตรงข้ามพรรคไทยรักไทย พยายามรวมตัวกันกดดัน พ.ต.ท.ทักษิณ ให้ออกไปให้พ้นจากการเมืองไทย ทั้งๆที่ประชาชนส่วนใหญ่มอบความไว้วางใจ ให้ พ.ต.ท.ทักษิณแก้วิกฤติบ้านเมือง และต้องการให้ พ.ต.ท.ทักษิณเป็นผู้นำประเทศต่อ หากมีการเลือกตั้งเกิดขึ้น พ.ต.ท.ทักษิณก็จะชนะการเลือกตั้ง ได้เป็นนายกฯอยู่ดี เพราะฉะนั้นกลุ่มที่ไม่ชอบ พ.ต.ท.ทักษิณ จึงต้องทำทุกอย่างเพื่อขัดขวาง ไม่ให้ พ.ต.ท.ทักษิณกลับมาอีก ตรงนี้เข้าใจว่าอาจทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณเกิดความไม่สบายใจ ที่จะเห็นความแตกแยก จนต้องเลือกที่จะตัดสินใจบางอย่าง เพื่อให้บ้านเมืองเกิด ความสมานฉันท์ ในฐานะสมาชิกพรรคไทยรักไทยเห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณไม่จำเป็นต้องไปเสียสละ ดังนั้นจึงขอเรียกร้องให้ พ.ต.ท.ทักษิณรับตำแหน่งนายกฯต่อไป ไม่ต้องกลัวใคร ขณะนี้อดีต ส.ส.ภาคอีสานทั้ง 19 จังหวัด 136 เขตกำลังรวบรวมประชาชนในพื้นที่เขตละไม่ต่ำกว่า 5 หมื่นคน คาดว่าจะมีสมาชิกพรรคไทยรักไทยกว่า 10 ล้านคน ร่วมลงชื่อ เพื่อส่งมายังที่ทำการพรรคไทยรักไทย แสดงพลังประชาชน เรียกร้องให้ พ.ต.ท.ทักษิณเป็นนายกฯต่อ


สมัคร โต้ ชาญวิทย์


นายสมัคร สุนทรเวช ส.ว.กทม. กล่าวตอบโต้นายชาญวิทย์ เกษตรศิริ นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่ระบุว่านายสมัครมีพฤติกรรมชอบรับใช้ผู้มีอำนาจว่า พูดอย่างนี้มันใช้ไม่ได้ แล้วนายชาญวิทย์จำเหตุเกิดเมื่อปี 2540 ได้หรือไม่ ที่นักประวัติศาสตร์จัดคนไปเที่ยวอเมริกา ค่าใช้จ่ายคนละล้านบาท เพื่อศึกษาวิชาการติดตามร่องรอยประวัติศาสตร์อะไรก็ไม่รู้ ไปกัน 21 วัน ไปกัน 21 คน มีคนของพรรคประชาธิปัตย์ด้วย 12 คน วันนี้นายชาญวิทย์โผล่หน้ามาบอกว่า ตนเข้าข้างคนมีอำนาจ แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคไทยรักไทย โดนเหยียบย่ำขนาดนี้อย่างนี้เรียกว่าเข้าข้างคนมีอำนาจหรือ แต่ต้องการรักษาบ้านเมือง เห็นอย่างนี้มีคนบ้าขนาดนี้เราจะบ้าเล่นด้วยหรือ


นายกฯประชุม ครม.ทางไกลจากสหรัฐฯ


ด้านภารกิจของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่อยู่ระหว่างการเดินทางไปร่วมประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ 61 ที่กรุงนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยนายกรัฐมนตรีและคณะได้เดินทางมาถึงท่าอากาศยานจอห์น เอฟ. เคนเนดี นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 17 กันยายน 2549 ตามเวลาท้องถิ่น โดยมีเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงวอชิงตันและภริยา รอให้การต้อนรับ จากนั้นนายกรัฐมนตรีและคณะเดินทาง ไปยังโรงแรมแกรนด์ ไฮแอท ซึ่งเป็นโรงแรมที่พัก โดยมีคนไทยในกรุงนิวยอร์กจำนวนหนึ่งมารอให้การต้อนรับ และมอบดอกไม้ให้กำลังใจในการทำงานแก่นายกฯ

สำหรับภารกิจของนายกฯ ในวันที่ 18 ก.ย. ตามเวลาท้องถิ่นนั้น ในเวลา 10.00 น. นายกฯจะเข้าร่วมประชุมโต๊ะกลมกับหอการค้าสหรัฐฯ และสภาธุรกิจอาเซียน-สหรัฐฯ ณ โรงแรมที่พัก จากนั้นเวลา 12.00 น. จะรับประทานอาหารกลางวัน และกล่าวสุนทรพจน์กับนักธุรกิจสหรัฐฯ และผู้บริหารระดับสูงของภาครัฐ ณ Council of Foreign Relations และในเวลา 22.00 น. ซึ่งตรงกับเวลา 09.00 น. ของวันที่ 19 ก.ย. 2549 ตามเวลาในเมืองไทย นายกฯจะประชุมคณะรัฐมนตรีผ่านระบบคอนเฟอเรนซ์ จากโรงแรมที่พักมายังห้องประชุมคณะรัฐมนตรี สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล


บรรหาร เกรงจะเกิดความวุ่นวาย


เมื่อเวลา 11.00 น. ที่พรรคชาติไทย นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย กล่าวถึงกรณีกลุ่มพันธมิตรนัดชุมนุมประท้วงที่ลานพระบรมรูปทรงม้า ในวันที่ 20 ก.ย.นี้ เพื่อกดดันไม่ให้นายกรัฐมนตรีเดินทางกลับประเทศว่า เป็นปัญหาของรัฐบาลที่จะต้องแก้ไข ใครรักษาการนายกรัฐมนตรีก็ต้องมาดูแลไปหาคำตอบของเรื่องนี้ว่า ม็อบมาเพราะอะไร เกี่ยวกับนายกรัฐมนตรีหรือไม่ แต่ก็เป็นห่วงเรื่องความวุ่นวายที่จะเกิดขึ้น ไม่ใช่ เฉพาะตรงนี้อย่างเดียว ยังห่วงเรื่องภาคใต้ที่เกิดระเบิดทุกวัน ไม่รู้ว่าเพราะอะไรบ้านเมืองเกิดความแตกแยกตลอดเวลา ทั้งที่อยากให้มีความสมานฉันท์ สามัคคีกลมเกลียวกัน เราคนไทยด้วยกันจะรบรากันไปถึงไหน ผู้สื่อข่าวถามว่า ม็อบต้องการให้กดดันให้นายกฯเว้นวรรคทางการเมือง นายบรรหารตอบว่า นายกฯยังไม่ได้พูดเลยว่าจะเว้นวรรคทางการเมือง เชื่อว่าเมื่อถึงเวลานั้นนายกฯคงรู้ว่าจะทำอะไร พูดได้เพียงเท่านั้น เมื่อถามย้ำว่าม็อบยังต้องการให้นายกฯวางมือทางการเมืองเลย นายบรรหารตอบว่า เป็นความเห็นของกลุ่มพันธมิตร แต่ความเห็นของรัฐบาลต้องไปว่ากันเอง ตนเป็นคนกลาง เมื่อถามว่าวิธีแก้อยู่ที่ตัวนายกรัฐมนตรีใช่หรือไม่ นายบรรหารตอบว่า ใครเป็นผู้นำรัฐบาล ก็ต้องแก้ไขปัญหาที่เป็นอยู่ในขณะนี้ ทุกเรื่องต้องแก้ จะหนีความรับผิดชอบไปไม่พ้น นายกฯต้องเป็นคนแก้ไขเองทุกเรื่อง คนอื่นแก้ไขไม่ได้ เพราะเป็นผู้นำของประเทศ


สมศักดิ์ แนะ ทรท.ยอมรับกติกา


นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รองหัวหัวหน้าพรรค ชาติไทย กล่าวว่า การชุมนุมเป็นสิทธิโดยชอบธรรม แต่ไม่อยากเห็นพรรคการเมืองเข้าไปแทรกแซงกิจกรรมการมีส่วนร่วมของประชาชน ส่วนการที่จะร้อง กกต.ว่ากลุ่มพันธมิตรทำผิดกฎหมายเลือกตั้งหรือไม่นั้น ก็ต้องถามก่อนว่ากลุ่มพันธมิตรใช่กลุ่มพรรคการเมืองหรือไม่ การแสดงความคิดเห็นทางการเมือง

รัฐธรรมนูญน่าจะคุ้มครอง ไม่อยากเห็นพรรคการเมืองมัวไปหวาดวิตก หรือเกิดวิตกจริตเกินกว่าหัวใจของระบอบประชาธิปไตย ไม่เช่นนั้นจะเปรียบเหมือนการขัดขวางโดยนำองค์กรเหล่านี้มาเป็นเส้นขีดแบ่ง ทำให้การมีส่วนร่วมของภาคประชาชนถูกจำกัดหรือถูกปิดหนทาง นั่นจะไม่ใช่การพัฒนาของระบอบประชาธิปไตย จึงอยากเห็นพรรคการ เมืองทำใจ และยอมรับกติกาสังคมที่กำลังเกิดขึ้น ตอน นี้ไม่เพียงกลุ่มพันธมิตร ยังมีกลุ่มนักวิชาการที่เคลื่อนไหว เพราะต้องการเห็นความชัดเจนของ พ.ต.ท. ทักษิณ

ว่าจะตัดสินใจทางการเมืองอย่างไร ขึ้นอยู่กับตัว พ.ต.ท. ทักษิณเอง แต่อำนาจการตัดสินใจ กระบวนการขั้นสุดท้ายอยู่ที่อำนาจประชาชน ส่วนกรณีที่มีการจุดกระแสห้ามนายกฯกลับเข้าประเทศ ทั้งที่นายกฯก็เป็นคนไทยนั้น คิดว่าคงต้องคิดให้รอบคอบ เพราะจะไปห้ามคนไทยไม่ให้เข้าประเทศไม่ได้ เพราะเราต้องการเห็นคนไทยรักแผ่นดิน ไม่ต้องการเห็นคนไทยทิ้งแผ่นดิน


แหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์