คมชัดลึก :กองปราบฯตามรวบ 2 พี่น้องตระกูล"พุ่มกระจันทร์"ตั้งแก๊งตุ๋นคนแก่อ้างเป็นต่างด้าวถูกรางวัลที่ 1 แต่ขึ้นเงินไม่ได้ เหยื่อหลงกล เพื่อนร่วมแก๊งพาไปแบงเบิกเงินเชิดหนี เหยื่อวัยชราโผล่ถาม“เงินที่นำไป เอาไปกินอิ่มไหม อร่อยไหม”ถึงอึ้ง เผยทำเป็นขบวนการ ขณะที่พี่คนโตพร้อมญาติอีก 2 ยังเผ่นหนี
เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 3 พ.ย.พล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้ช่วย ผบ.ตร.และโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
พ.ต.อ.ประยนต์ ลาเสือ รอง ผบก.ป.,พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี ผกก.2 บก.ป. ,พ.ต.ท.นิรันดร์ ปิกะกาศ รอง ผกก.2 บก.ป.และพ.ต.ท.สมพงษ์ สุวรรณวงศ์ รอง ผกก. 6 บก.ป. ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมนายเสนาะ พุ่มกระจันทร์ หรือเม้ง อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 70 แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กทม.และนายโกวิท พุ่มกระจันทร์ หรือแขก อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 947 หมู่ 1 แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กทม.สองพี่น้อง ตามหมายจับศาลจังหวัดปทุมธานีปี 2551 ข้อหาร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์ โดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น หรืออาศัยความอ่อนแอแห่งจิตของผู้ถูกลวง พร้อมของกลาง สลากกินแบ่งรัฐบาล 5 คู่ สมุดบัญชีเงินฝาก 3 เล่ม โทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง เสื้อเชิ้ตสีขาว 1 ตัว และกางเกงผ้าขายาวสีดำ 1 ตัว โดยจับกุมนายเสนาะได้ที่บ้านเลขที่ 72/595 เฟื้องฟ้า ซ.3 หมู่บ้านพระปิ่น 2 แขวงศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา ส่วนนายโกวิทจับกุมได้ที่ร้านอาหารยกครก ซ.วัดลาดปลาดุก อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี
การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากผู้สูงอายุหลายรายในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลถูกแก๊งคนร้ายไม่ต่ำกว่า 3 คน ทำทีตีสนิทและสร้างเรื่องหลอกลวงให้ซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลอ้างว่าถูกรางวัลที่ 1
ก่อนจะใช้กลวิธีพูดจาหว่านล้อมให้หลงเชื่อและพาไปยังธนาคารเพื่อถอนเงินออกจากบัญชีจนเกือบหมด ทำให้ผู้สูงอายุแต่ละรายที่ตกเป็นเหยื่อต้องสูญเงินที่เก็บสะสมไว้ในบัญชีเงินฝากเพื่อใช้ในช่วงบั้นปลายชีวิตไปในพริบตา รวมเงินของผู้เสียหายแต่ละรายที่ถูกคนร้ายถอนไปจนถึงขณะนี้ไม่ต่ำกว่า 5 ล้านบาท ต่อมาพล.ต.ท.พงศพัศได้นำผู้เสียหายทั้งหมดมาร้องทุกข์ที่กองปราบปรามเพื่อให้ติดตามจับกุมแก๊งคนร้ายกลุ่มนี้เนื่องจากมีหนึ่งในผู้ต้องสงสัยที่กล้องโทรทัศน์วงจรปิดจากธนาคารหลายแห่งจับภาพได้พบว่าเป็นคนเดียวกัน จึงทำให้เชื่อว่าเป็นแก๊งคนร้ายกลุ่มเดียวกันที่ออกอาละวาดก่อเหตุกับผู้เสียหายทั้งหมด
หลังรับเรื่อง พ.ต.อ.ประยนต์และพ.ต.อ.อัคราเดช สั่งการให้พนักงานสอบสวนและชุดสืบสวน กก.2 บก.ป.
ออกสืบสวนหาเบาะแสโดยเริ่มจากการตรวจสอบภาพจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิดของธนาคารที่แก๊งคนร้ายพาเหยื่อไปถอนเงินเพื่อนำมาเปรียบเทียบกับทะเบียนประวัติอาชญากรจนพบว่า แก๊งคนร้ายรายนี้มีนายเสนาะผู้ต้องหาคดีฉ้อโกงทรัพย์ เป็นหัวหน้าแก๊ง ส่วนลูกสมุนร่วมแก๊งเป็นพี่น้องและญาติกันทั้งหมด ได้แก่ 1.นายฉัตรเกียรติ พุ่มกระจันทร์ พี่ชายของนายเสนาะ 2.นายโกวิท พุ่มกระจันทร์ น้องชายของนายเสนาะ 3.นายสิทธิศักดิ์ ธรรมสังวาลย์ และนายสุรพล เสือพลาย หรือ แอ๊ด โดยทั้งหมดเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับคดีฉ้อโกงทรัพย์ และปลอมเอกสาร ในพื้นที่ จ.ปทุมธานี ราชบุรี และสน.บางขุนเทียน จึงจัดชุดสืบสวนออกติดตามจับกุมตัวมาได้ดังกล่าว
พงศพัศนำจับ2พี่น้องตุ๋นขายล็อตเตอรี่คนแก่
สอบสวนเบื้องต้นนายเสนาะให้การรับสารภาพว่า ร่วมกันนายฉัตรเกียรติ พี่ชาย นายโกวิท น้องชาย และญาติ ๆ ก่อเหตุดังกล่าว
ส่วนใหญ่จะรับหน้าที่เป็นคนเดินเข้าทำทีพูดคุยตีสนิทกับเหยื่อเพื่อหลอกถามข้อมูลการเงินของเหยื่อ เมื่อรู้ว่าผู้เสียหายเป็นคนมีเงินก็จะนำเรื่องที่ดินมาหลอกขาย โดยอ้างว่ามีที่ดินตรงนั้นตรงนี้ที่จะขาย หรือต้องการจะซื้อที่ดินจากเหยื่อ ระหว่างนั้นที่คุยกับเหยื่ออยู่นั้นก็จะมีนายโกวิท หรือคนในแก๊งคนอื่นที่รับหน้าที่แสดงเป็นคนญวนถือไม้แขวนเสื้อมาขาย และนำเรื่องสลากกินแบ่งฯที่อ้างว่าถูกรางวัลที่ 1 มาหลอกขายในราคาถูก จากนั้นจะพูดหว่านล้อมให้เหยื่อหลงเชื่อพาไปยังธนาคารแล้วเขียนใบเบิกถอนเงินออกมา เมื่อได้เงินมาแล้วก็จะแบ่งกันในกลุ่มที่ร่วมทำก่อเหตุคนละเป็นหลักแสนขึ้นอยู่กับจำนวนเงินที่หลอกมาได้ แต่ทั้งนี้หากเหยื่อรายไหนปฏิเสธว่าไม่เอา หรือพูดคุยแล้วรู้ว่าไม่มีเงินก็จะเลิกทำ
นายโกวิทยอมรับว่า ร่วมก่อเหตุในคดีของนายวัฒนะ วิเศษสุทธิ์ อายุ 72 ปี อดีตเจ้าหน้าที่องค์การโทรศัพท์
โดยแสดงเป็นคนต่างด้าวขายไม้แขวนเสื้อ และพูดไม่ชัด จากนั้นได้หลอกขายล็อตเตอรี่โดยอ้างว่าถูกรางวัลที่ 1 แต่ไม่สามารถนำไปขึ้นเงินได้เพราะเป็นคนต่างด้าว เมื่อเหยื่อหลงเชื่อ นายเสนาะที่แสดงเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคารก็จะชวนกันไปที่รถแล้วให้เพื่อนร่วมแก๊งที่นั่งอยู่ข้างในทำเป็นนำล็อตเตอรี่มาตรวจแล้วปรากฏว่าถูกรางวัล โดยในรายของนายวัฒนะนั้นตนได้เงินส่วนแบ่งมา 2 แสนบาท ทั้งนี้ตนสำนึกผิดในสิ่งที่ทำลงไปและรับปากว่าจะไม่ทำผิดอีกแล้ว
นายโกวิท กล่าวด้วยว่า แก๊งคนร้ายลักษณะนี้ยังมีอยู่อีกมากมีทั้งแก๊งกำถั่ว ตกทอง และอื่น ๆ อีกหลายรูปแบบ ส่วนที่กลุ่มของตนเลือกเหยื่อเป็นคนแก่นั้นก็เพราะคนสูงอายุส่วนใหญ่เป็นคนใจบุญ และเชื่อคนง่าย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการแถลงข่าว ตำรวจได้นำนายวัฒนะและน.ส.ทองมาก ไพรเขียว อายุ 72 ปี อดีตแม่บ้านมหาวิทยาลัยศรีปทุม มาชี้ตัวผู้ต้องหา ซึ่งนายวัฒนะ สามารถชี้ตัวได้อย่างถูกต้อง พร้อมกับถามนายโกวิทด้วยว่า “เงินที่นำไปนั้น เอาไปกินอิ่มไหม อร่อยไหม” ทำให้นายโกวิทถึงกับอึ้งและก้มลงกราบขอโทษที่ตักของนายวัฒนะ นอกจากนี้ยังมีคุณยายผู้เสียหายอีกราย (ขอสงวนนาม) อายุ 70 ปี เดินทางมาชี้ตัวผู้ต้องหาทั้งสองด้วย โดยระบุว่านายเสนาะนั้นอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคาร เข้ามาชวนคุยเรื่องทั่วไป ระหว่างนั้นนายโกวิทซึ่งอ้างตัวเป็นคนญวน โดยที่ขาขวามีการตกแต่งเป็นแผลเย็บตั้งแต่หัวเข่าไปถึงหน้าแข้งก็นำล็อตเตอรี่ถูกรางวัลมาขายอ้างเอาเงินไปช่วยสร้างบ้านให้ครอบครัวที่ต่างจังหวัด โดยนายเสนาะทำทีเป็นขอซื้อสลากฯในราคาถูกมาก ตนเห็นว่าไม่ถูกต้องเพราะเหมือนไปหลอกเขาจึงเข้าไปช่วยด้วยความหวังดีโดยหารู้ไม่ว่าเป็นแก๊งคนร้ายจนสุดท้ายถูกหลอกถอนเงินจากบัญชีไปล้านกว่าบาทเช่นกัน
หลังแถลงข่าว พล.ต.ท.พงศพัศ ได้ให้ผู้ต้องหาทั้งสองนำเงินมาคืนผู้เสียหายให้ได้ภายในเย็นวันเดียวกันนี้
ซึ่งผู้ต้องหาทั้งสองรับปากว่าจะติดต่อเพื่อนและญาติให้รวบรวมเงินที่มีอยู่ไม่กี่แสนมาคืนเหยื่อก่อน ส่วนผู้ต้องหานั้นได้นำตัวส่ง สภ.สามโคก จ.ปทุมธานี ดำเนินคดีต่อไป ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับแก๊งคนร้ายลักษณะนี้มีอยู่หลายแก๊ง โดยพฤติกรรมจะตระเวนก่อเหตุไปตามภาคต่าง ๆ ทั่วประเทศ โดยคนที่ทำหน้าที่เข้าชนเหยื่อจะเรียกว่า“คนทักหมู” ส่วนวิธีการต่าง ๆ ในการหลอกล่อเหยื่อนั้นจะเป็นวิธีที่ดัดแปลงมาจากแก๊งตกทอง แก๊งพระเครื่อง แก๊งหลอกเล่นการพนันต่าง ๆ เช่น กำถั่ว หรือหลอกเข้าไปนั่งเล่นในวงไพ่ โดยจุดหลักของแก๊งต้มตุ๋นเหล่านี้จะอาศัยความโลภของมนุษย์เป็นเครื่องมือ
อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่า สลากกินแบ่งรัฐบาลที่แก๊งคนร้ายกลุ่มนี้ใช้นั้นเป็นของจริง ต่างจากในอดีตที่ผ่านมาที่มักจะมีการทำปลอม
หรือแก้ไขตกแต่งตัวเลขในสลากจริงให้กลายเป็นสลากที่ถูกรางวัล ทั้งนี้เพื่อเป็นการหลบเลี่ยงกฎหมายในข้อหาปลอมแปลงเอกสารหากถูกจับกุมตัวได้ ส่วนผู้ต้องหาที่ร่วมกระทำผิดอีก 3 คน คือ นายฉัตรเกียรติ พุ่มกระจันทร์ นายสิทธิศักดิ์ ธรรมสังวาล และนายสรุพล เสือพลายนั้นคาดว่าจะสามารถติดตามจับกุมได้ในเร็วๆนี้