ดับสยองคาที่ทำงาน รวบทันควันหนุ่มสติแตกยังปิดปากแฉปมเลือดมือปืนขอเงินเหยื่อไม่ได้
หนุ่มอดีตลูกจ้างเทศบาลสติแตก คลั่งโหดบุกยิงเลขาฯ สาวนายกเล็ก ถึงในเทศบาลเมืองอ่างทองตายสยองคาที่ทำงาน ต่อหน้าเพื่อนร่วมงานหลายคน
สุดท้ายหนีไม่รอด โดนจับได้ทันควัน ผู้การวิสุทธิ์สอบปากคำด้วยตัวเอง แต่ฆาตกรยังปิดปากเงียบไม่ยอมให้การใด ๆ แฉปมเลือด เมื่อ 5-6 ปีก่อน เทศบาลให้พ่อของมือปืนรื้อบ้าน ออก เพื่อจะเอาที่ดินไปทำถนน โดยให้ค่ารื้อถอนไปจำนวนหนึ่ง โดยทั้ง 2 ฝ่ายตกลงกันได้ด้วยดีไม่มีปัญหาอะไร แต่หนุ่มสติแตกยังวนเวียนมาขอเงินเหยื่อเป็นประจำ เพราะเป็นเลขาฯ นายก สามารถเบิกเงินใช้จ่ายได้ แต่ระยะหลังผู้ตายไม่ยอมให้อีก กระทั่งก่อนพบจุดจบกำลังนั่งทำงาน มือปืนบุกเข้ามายิง 1 นัด เหยื่อยกแขนรับ กระสุนเลยทะลุเจาะหน้าอก แต่ยังไม่ตายทันที เตรียมจะลุกวิ่งหนี คนร้ายทมิฬเลยจ่อยิงกกหูซ้ำอีก 1 นัด
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 3 พ.ย. พ.ต.อ.ระวีโรจน์ กองกันภัย ผกก.สภ.เมือง อ่างทอง รับแจ้งมีเหตุยิงกันตายในเทศบาลเมืองอ่างทอง
และเจ้าหน้าที่เทศบาลกับตำรวจสายตรวจจยย.จับกุมคนร้ายไว้ได้ จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วย พล.ต.ต.วิสุทธิ์ วานิชบุตร ผบก.ภ.จว.อ่างทอง ที่เกิดเหตุภายในห้องทำงานของรองนายกเทศมนตรีเทศบาล บริเวณโต๊ะทำงานของเจ้าหน้าที่ พบเพียงกองเลือด ส่วนคนเจ็บเพื่อนร่วมงานได้ช่วยกันหามส่ง รพ.อ่างทองเวชการ 2 หมอประเจิด แต่ทนพิษบาดแผลไม่ไหว เสียชีวิตในเวลาต่อมา
คลั่งบุกยิงเลขาฯสาวนายกเล็ก
ทราบชื่อเหยื่อกระสุนนางปวริศา ตั้งศรีเมืองทอง อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 58/1 หมู่บ้านสุนัยวินเรส ต.ย่านซื่อ อ.เมืองอ่างทอง เป็นเจ้าหน้าที่เทศบาลดังกล่าว
ตำแหน่งผู้ช่วยงานทะเบียนราษฎร และยังเป็นเลขานายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองอ่างทองคนปัจจุบัน สภาพศพมีบาดแผลถูกยิงด้วยปืน .22 ที่แขนขวาทะลุ 1 รู หน้าอก 1 นัด และกกหูขวาทะลุเบ้าตาอีก 1 นัด รวมทั้งหมด 2 นัด แต่คาดว่านางปวริศาคงจะเสียชีวิตตั้งแต่ที่เกิดเหตุแล้ว แต่เพื่อนร่วมงานไม่ทราบ จึงนำตัวส่ง รพ.และแจ้งตำรวจทราบ ดังกล่าว
ส่วนมือปืนที่ก่อเหตุ เจ้าหน้าที่เทศบาลกับตำรวจสายตรวจที่ผ่านมาพอดี บุกเข้าจับกุมไว้ได้บนถนนหน้าเทศบาล
ขณะเตรียมจะหลบหนี จึงนำตัวมาให้ พล.ต.ต.วิสุทธิ์สอบปากคำ ทราบว่าชื่อนายไพโรจน์ อินทรชิต อายุ 33 ปี อดีตลูกจ้างประจำเทศบาลเมืองอ่างทอง อยู่บ้านเลขที่ 14/3 ถนนเทศบาล 8 ต.ตลาดหลวง อ.เมืองอ่างทอง เบื้องต้นผู้ต้องหายังไม่ยอมให้การใด ๆ เอาแต่นั่งปิดปากเงียบ ลักษณะคล้ายคนมีอาการทางประสาท บางครั้งพอถูกตำรวจซักถามหนักขึ้น ก็บอกเพียงว่าไปซื้อปืนมาในราคา 25,000 บาท และลูกกระสุนอีก 50 นัดที่วังบูรพา กรุงเทพ เพื่อจะเอามาฆ่านางปวริศา
จากการสอบสวนพยานเบื้องต้นทราบว่า ก่อนเกิดเหตุผู้ตายกำลังนั่งทำงานอยู่ในห้องรองนายก
พร้อมกับตัวรองนายกและเพื่อนร่วมงานอีกจำนวนหนึ่ง ระหว่างนั้นนายไพโรจน์บุกเข้ามา และไม่พูดพร่ำทำเพลง ชักปืนยิงใส่ผู้ตายทันที 1 นัด นางปวริศายกแขนขวาขึ้นบัง ทำให้กระสุนถูกแขนขวาทะลุไปโดนหน้าอก แต่นางปวริศายังไม่เสียชีวิตทันที ยังมีสติเตรียมจะลุกวิ่งหนี คนร้ายเลยจ่อยิงกกหูซ้ำอีก 1 นัดจนล้มลง จากนั้นวิ่งหนีออกไปจากห้อง แต่ไม่รอดถูกจับกุมได้ทันควัน เบื้องต้นสันนิษฐานว่า สาเหตุน่ามาจากเมื่อหลายปีก่อน พ่อของนายไพโรจน์ปลูกบ้านบนที่ดินของเทศบาล ต่อมาเมื่อราว 5-6 ปี ทางเทศบาลได้เอาที่ดินคืน เพื่อเอาไปทำถนน โดยให้เงินค่ารื้อถอนกับพ่อของนายไพโรจน์ไปจำนวนหนึ่ง
แต่นายไพโรจน์ยังไม่ยอม ทั้งที่เรื่องของทั้งสองฝ่ายจบไปแล้ว โดยคอยพยายามมาขอเงินกับนางปวริศาเป็นประจำ
เพราะนางปวริศาเป็นเลขานายก ซึ่งมีอำนาจสั่งจ่ายเงินเท่าที่จำเป็น ซึ่งหากเป็นเงินจำนวนน้อยไม่กี่ร้อยบาท ผู้ตายจะให้ไปเพื่อตัดความรำคาญ แต่นายไพโรจน์ยังมาขอเงินอยู่บ่อย ๆ จนระยะหลังนางปวริศาเลยไม่ยอมให้เงินอีก กระทั่งนายไพโรจน์ก่อเหตุสยองขึ้นดังกล่าว อย่างไรก็ตามตำรวจกำลังสืบสวนว่า นายไพโรจน์ไปเอาปืนมาได้อย่างไร พร้อมกับส่งตัวไปตรวจสุขภาพจิตว่ามีอาการป่วยจริงหรือไม่.