คมชัดลึก : ผู้ต้องหากรณีทุบหุ้นสองคนที่ถูกจับได้ยังเป็นปลาตัวเล็ก ตำรวจ, ก.ล.ต. และรัฐบาล จะต้องสาวไปถึงปลาตัวใหญ่ต้นตอการปล่อยข่าวอัปมงคล ที่มีผลกระทบไม่เพียงแต่ตลาดหุ้นแต่ต่อการเมืองของชาติและขวัญกำลังใจของประชาชนด้วย
โดยเฉพาะคุณธีรนันต์ บอกกับนักข่าวสั้นๆ ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มหลังกลับจากออสเตรีย บอกว่าได้แปลข้อความจากเว็บไซต์สำนักข่าวต่างประเทศ เข้าใจว่าเป็นบลูมเบิร์ก เพราะวันนั้นหุ้นตกอย่างมากประชาชนอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น คุณธีรนันต์บอกว่า ไม่ได้มีเจตนาเผยแพร่ข้อความนี้เพื่อให้หุ้นตก อ้างว่าหุ้นตกมาก่อนหน้านั้นแล้ว
ความจริงย้อนกลับไปจะเห็นว่าการสืบสวนสอบสวนนั้น สามารถจะเท้าความไปถึงต้นตอได้ไม่ยากเย็นเกินไปเลย เพราะว่าเหตุการณ์ที่ดัชนีหุ้นตก 2 วัน คือ 14-15 ตุลานั้น ตกไปถึง 53 จุด มีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 1 แสนล้านบาท
หลังจากเหตุการณ์นั้น นายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ กำชับ คุณกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีคลัง ให้ดำเนินการสืบหาต้นตอของข่าวลือเรื่องนี้ กระทรวงการคลังก็สั่งต่อไปที่ตลาดหลักทรัพย์และ ก.ล.ต.
ตรวจสอบเบื้องต้นนั้น ก.ล.ต.บอกว่าหลังจากได้ข้อมูลการซื้อขายจากตลาดหลักทรัพย์ ทั้ง 3 ตลาด คือข้อมูลการซื้อขายปกติ หรือเรียกว่าตลาดแคช ข้อมูลการซื้อขายช็อตเซล และซื้อขายในตลาดล่วงหน้า พบว่าเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม โบรกเกอร์ที่ซื้อขายหุ้นมากที่สุดอันดับ 1 ได้แก่ เครดิตสวิส ฮ่องกง ขาย 3,000 ล้านบาท, อันดับ 2 ยูบีเอส สิงคโปร์ ขาย 1,300 ล้านบาท ที่เหลือเป็นนักลงทุนต่างประเทศและกองทุนรวม
ในวันที่ว่านี้พบว่ามีบุคคลธรรมดาในประเทศไทยขายหุ้นออกมามากที่สุดเป็นอันดับ 13 จากทั้งหมด ยอดขาย 218 ล้านบาท
คุณกรณ์ บอกว่าประเด็นที่น่าสงสัยคือ วันที่ 14-15 ตุลาคม ที่หุ้นตกอย่างหนักนั้น มีกลุ่มบุคคลกลุ่มเดียวกันเข้ามาช้อนซื้อหุ้นจำนวนมาก หลังจากตรวจสอบย้อนกลับไปก็พบว่ากลุ่มบุคคลเหล่านี้ได้ขายหุ้นออกมาล่วงหน้าจำนวนมากเช่นกัน ก่อนที่หุ้นจะตก เพราะผลพวงจากข่าวลือ 14-15 ตุลา
แปลว่า เบาะแสนั้นมีพอสมควรทีเดียว รู้ด้วยว่ากลุ่มคนที่ซื้อที่ขายผิดปกติในช่วงก่อนหน้า 14 ตุลา และวันที่ 14 กับ 15 ตุลาเป็นใคร
ฉะนั้น การจับเจ้าหน้าที่ของบริษัทหลักทรัพย์ 2 คนนั้น ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่า ตำรวจ, ก.ล.ต., รัฐบาล กระทรวงการคลัง ได้ทำงานอย่างเต็มที่แล้ว ต้องพิสูจน์ฝีมือว่ามีมากกว่าที่เห็นอยู่นี้