ตร.พบลายนิ้วมือ พ.ท.มนัส บนแดวูคาร์บอมบ์

"เร่งรวบรวมพยานหลักฐาน"


พนักงานสอบสวนคดีคาร์บอมบ์ ยังคงเร่งรวบรวมพยานหลักฐานขยายผลถึงผู้เกี่ยวข้องกับการลอบวางระเบิดหมายสังหาร พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี อย่างต่อเนื่อง

ผบช.ก.ยันต้องฝากขังต่อ

ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 09.30 น. วานนี้ (15 ก.ย.) พล.ต.ท.มนตรี จำรูญ ผบช.ก. กล่าวก่อนประชุมพนักงานสอบสวนในคดีพยายามลอบวางระเบิด หมายสังหาร พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีว่า ในวันนี้ ร.ท.ธวัชชัย กลิ่นชะนะ ผู้ต้องหาในคดี จะครบกำหนดฝากขังผลัดที่ 2 ส่วน พ.ท.มนัส สุขประเสริฐ ผู้ต้องหาอีกราย ครบกำหนดฝากขังครั้งแรก พนักงานสอบสวนจะยื่นคำร้องขออำนาจศาลทหารฝากขังผู้ต้องหาทั้ง 2 ต่อไป โดยไม่ขอรับตัวกลับมาที่กองปราบปราม เนื่องจากการสอบสวนเสร็จสิ้นแล้ว สำหรับ พ.อ.สุรพล สุประดิษฐ์ และ จ.ส.อ.ชาคริต จันทระ หรือจ่ายักษ์ จะครบกำหนดฝากขังครั้งแรกในวันที่ 18 ก.ย.นี้ ซึ่งพนักงานสอบสวนจะขออำนาจศาลทหารฝากขังต่อไปเช่นกัน

ค้นหาจุดกดรีโมตระเบิด

ผบช.ก.กล่าวต่อว่า สำหรับความคืบหน้าในเรื่องของสำนวนคดี เท่าที่ได้รับฟังรายงานผลจาก พ.ต.อ.ปรีชา ธิมามนตรี รอง ผบก.หัวหน้าศูนย์สืบสวนสอบสวน บช.น. พร้อมผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิด ทราบว่าได้เดินทางไปทดสอบหาตำแหน่งการรับส่งสัญญาณแผงควบคุมวงจรระเบิด บริเวณจุดใต้สะพานข้ามแยกบางพลัดที่พบรถบรรทุกระเบิดแล้ว พร้อมทั้งจำลองแผงวงจรระเบิดประกอบเข้ากับตัวรถเช่นเดียวกับที่พบภายในรถแดวู เพื่อค้นหา ทิศทางความเป็นไปได้ของจุดผู้กดรีโมตวงจรระเบิด แต่รายละเอียดในเรื่องดังกล่าวยังไม่สามารถเปิดเผยได้ ส่วนการตรวจพิสูจน์รถยนต์ส่วนตัวของ ร.ท.ธวัชชัย กลิ่นชะนะ เพิ่มเติมด้วยว่า เป็นการตรวจสอบหาหลักฐานเพิ่มเติม เพื่อเปรียบเทียบว่าตรงกับคำให้การของ จ.ส.อ.ชาคริตหรือไม่ เนื่องจากพนักงานสอบสวนไม่ได้ให้น้ำหนักกับคำให้การของ จ.ส.อ.ชาคริต เพียงฝ่ายเดียว


ไม่มีหลักฐานสาวถึงใครเพิ่ม


ด้าน พล.ต.ต.เจตน์ มงคลหัตถี รอง ผบช.น. ในฐานะหัวหน้าชุดสอบสวนคดีคาร์บอมบ์ กล่าวว่า ขณะนี้ ได้รวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดที่เกี่ยวข้องและเชื่อมโยงกับผู้ต้องหาเพียง 5 รายเท่านั้น ยังไม่มีการออกหมายเรียก หรือหมายจับผู้ใดเพิ่มเติม นอกจากนี้ยังไม่มีการลงพื้นที่ไปตรวจสอบจุดต้องสงสัยอื่นๆ เพื่อค้นหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม หากมีหลักฐานเชื่อมโยง พาดพิงไปถึงใคร ก็จะเข้าตรวจค้นทันที ส่วนการทดสอบแผงวงจรระเบิด เพื่อหาจุดกดรีโมตวงจรระเบิด บริเวณสะพานข้ามแยกบางพลัดนั้น เป็นการทดสอบว่าระเบิดสามารถทำงานได้จริงหรือไม่ รวมทั้งมีอานุภาพในการทำลายล้างมากน้อยเพียงใด

ยึดรถบีเอ็มต้องสงสัยจอดทิ้ง

ต่อมาเวลา 11.00 น. วันเดียวกัน พ.ต.อ.รุจิรัตน์ หลุ่มบุญเรือง รอง ผบก.ป. พ.ต.ท.ปัญญา ปิ่นสุข รอง ผกก. 4 บก.ป. ได้ประสานเจ้าหน้าที่กองวิทยาการกองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) และสุนัขตำรวจ ไปตรวจสอบรถยนต์ ยี่ห้อบีเอ็มดับบลิว รุ่น 318 ไอ สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน ภต 1860 กรุงเทพมหานคร รถต้องสงสัยติดสติกเกอร์บัตรผ่านเข้าออกของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) จอดทิ้งไว้ที่วัดคงคา ต.บางม่วง อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี ว่า เกี่ยวข้องกับคดีนี้หรือไม่ โดยใช้สุนัขตำรวจชนิดดมกลิ่นระเบิด ตรวจสอบภายในรถและท้ายรถ แต่ไม่พบสิ่งผิดปรกติใดๆ จึงให้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน จะเก็บลายนิ้วมือแฝงแล้วยึดไว้ ตรวจสอบต่อไป


ติดสติกเกอร์เข้า-ออก กอ.รมน.


สำหรับรถเก๋งบีเอ็มดับบลิวคันดังกล่าว มีผู้ขับจอดทิ้งไว้ภายในวัดคงคา ต.บางม่วง อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี เป็นเวลานานกว่า 3 สัปดาห์แล้ว และลมยางล้อหน้าข้างซ้ายแฟบ เจ้าอาวาสวัดได้สอบถามพระและชาวบ้านในละแวกนั้น แต่ไม่มีใครทราบว่าเป็นรถยนต์ของใคร จึงแจ้งตำรวจ สภ.อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี ไปตรวจสอบ กระทั่งพบว่าติดบัตรผ่านเข้า-ออกหน่วยงานราชการหลายแห่ง อาทิ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) สำนักปลัดกระทรวงกลาโหม กองทัพบก และสวนจิตรลดา จึงรายงานให้กับ ผบก.ภ.จ.นนทบุรีทราบ ก่อนจะประสานกองปราบปรามไปตรวจสอบว่าเกี่ยวข้องกับคดีคาร์บอมบ์หรือไม่

พ.อ.สุรพลเป็นผู้ขอสติกเกอร์

ส่วนสติกเกอร์ของ กอ.รมน. เลขที่ 916 ประจำปี 49-50 ซึ่งติดอยู่ที่กระจกหน้ารถบีเอ็มดับบลิวต้องสงสัย เจ้าหน้าที่ตรวจสอบแล้ว พบว่า พ.อ.สุรพล สุประดิษฐ์ หรือ เสธ.ตี๋ เป็นผู้ขอแผ่นป้ายสติกเกอร์ผ่านเข้า-ออกดังกล่าว ส่วนหมายเลขทะเบียนรถ ภต 1860 กรุงเทพมหานคร นั้น ไม่พบข้อมูลจากกรมการขนส่งทางบกว่าเป็นรถยี่ห้ออะไร สีอะไร และใครเป็นเจ้าของ ซึ่งเป็นเรื่องที่แปลกมาก อย่างไรก็ตาม ชุดสืบสวนได้เบาะแสว่าเป็นรถที่ขอยืมมาจาก ป.ป.ส. เพื่อใช้ในงานราชการ กอ.รมน. แต่รถยนต์คันนี้ไม่มีผู้ต้องหาหรือพยานรายใดให้การพาดพิงถึง หรือพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีลอบวางระเบิดมาก่อน นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังให้สุนัขตำรวจ พิสูจน์กลิ่น ภายในรถกระบะนิสสัน บิ๊กเอ็ม สีฟ้า หมายเลขทะเบียน บก 9162 สระแก้ว ของ จ.ส.อ.ชาคริต รวมทั้งรถยนต์นิสสัน สีบรอนซ์ ทะเบียน 1 อ-0226 กรุงเทพมหานคร ของ ร.ท.ธวัชชัยอีกครั้งหนึ่ง เพื่อยืนยันให้แน่ชัดว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีด้วยหรือไม่


พฐ.นำสุนัขดมกลิ่นหาหลักฐาน


ต่อมา พล.ต.ต.วินัย ทองสอง ผบก.ป. เปิดเผยถึงรถยนต์ต้องสงสัยบีเอ็มดับบลิว สีบรอนซ์เงิน ว่า รถคันดังกล่าวจอดทิ้งไว้ในพื้นที่ จ.นนทบุรี และทางตำรวจรับแจ้งจากพลเมืองดีว่าอาจเกี่ยวข้องกับคดี จึงไปอายัดมาตรวจสอบ ในเบื้องต้นพบว่าติดสติกเกอร์ผ่านเข้า-ออก กอ.รมน. ที่กระจกหน้ารถด้วย และเมื่อตรวจสอบหมายเลขสติกเกอร์ดังกล่าว พบว่า พ.อ.สุรพล สุประดิษฐ์ หรือ เสธ.ตี๋ เป็นผู้ขออนุญาตใช้ จึงประสานเจ้าหน้าที่หน่วยเก็บกู้และตรวจสอบวัตถุระเบิด กองบัญชาการตำรวจ นครบาล นำสุนัขตำรวจไปพิสูจน์กลิ่น เพื่อหาว่ามีวัตถุระเบิดต้องสงสัยซุกซ่อนอยู่ด้วยหรือไม่ ขณะเดียวกัน ได้ประสานเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน เก็บลายนิ้วมือแฝงภายในรถไปเปรียบเทียบด้วย

จอดทิ้งวันเดียวที่พบคาร์บอมบ์

ผบก.ป.กล่าวต่อว่า หากพิจารณาตามคำให้การของผู้ที่พบรถแล้ว คาดว่ารถบีเอ็มดับบลิวคันดังกล่าวน่าจะจอดทิ้งไว้ในช่วงวันที่ 24 ส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่ตำรวจจับกุมรถยนต์แดวูซุกซ่อนระเบิด บริเวณใต้สะพานบางพลัดพอดี ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบว่ารถยนต์คันนี้เกี่ยวข้องกับคดีคาร์บอมบ์หรือไม่ อย่างไรก็ตาม รถยนต์คันนี้น่าจะเป็นคนละคันกับที่ จ.ส.อ.ชาคริต จันทระ หรือจ่ายักษ์ เคยซัดทอดไว้ว่าเป็นรถยนต์ที่ พล.ต.ไพโรจน์ ธีระภาพ ขับไปวนเวียนภายในท่าอากาศยานทหาร กองบิน 6 (บน.6) เนื่องจากคันนั้น จ่ายักษ์ให้การว่าเป็นรถบีเอ็มดับบลิวสีเลือดหมู


หลักฐานมัดตัวแค่ 5 คนเท่านั้น


ผู้สื่อข่าวถามว่า จะเรียกตัว พล.ต.สุรศักดิ์ เอี่ยมรักษา หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัย กอ.รมน. เพื่อนร่วมรุ่น ตท.10 กับนายกรัฐมนตรี มาสอบปากคำหรือไม่ผบก.ป.ตอบว่า พนักงานสอบสวนจะไม่เรียกใครมาสอบสวนเพิ่ม เนื่องจากยังไม่มีหลักฐานอื่นเพิ่มเติม ส่วนหลักฐานที่จะขยายผลไป เท่าที่มีอยู่ในขณะนี้ก็เบาบางมาก หลักฐานที่เพียงพอมัดตัวผู้ต้องหาได้มีแค่ 5 คนเท่านั้น แต่หากต่อไปพนักงานสอบสวนได้หลักฐานอื่นเพิ่มขึ้น ก็ต้องมาพิจารณากันอีกครั้งว่าจะเรียกใครมาสอบสวน หรือแจ้งข้อหาเพิ่มเติมหรือไม่

หวั่นโดนฆ่า-ขอสืบพยานล่วงหน้า

พล.ต.ต.วินัย ทองสอง ผบก.ป. กล่าวด้วยว่า ตำรวจมีความเป็นห่วงในเรื่องความปลอดภัยของพยานในคดีนี้มาก จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบฯทั้งในและนอกเครื่องแบบ ไปดูแลรักษาความปลอดภัยกับพยานในคดีนี้ทั้งหมดตลอด 24 ชั่วโมง ขณะเดียวกัน พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างการประสานกับอัยการศาลทหาร เพื่อให้อัยการร้องขอต่อศาลให้มีคำสั่งอนุญาตสืบพยานโจทก์ ในคดีนี้ล่วงหน้า ซึ่งคาดว่าจะไม่มีปัญหา โดยในเบื้องต้น พนักงานสอบสวนได้เตรียมพยานที่จะให้ปากคำไว้แล้ว 3 คน ทั้งนี้ สาเหตุที่ต้องขอสืบพยานล่วงหน้า เนื่องจากกลัวว่าพยานจะไม่ได้รับความปลอดภัย และอาจจะกลับคำให้การในอนาคต เนื่องจากเป็นคดีสำคัญ และมุ่งหมายสังหารผู้นำประเทศ


แจ้งจับ พล.ต.ไพโรจน์ขัดคำสั่ง


ต่อมาเวลา 15.00 น. พ.ต.อ.ฉลองชัย บุรีรัตน์ รอง ผบก.ป. ได้เข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.พีระวุฒิ สนใจ พงส. (สบ.3) สน.พหลโยธิน เพื่อให้ดำเนินคดีกับ พล.ต.ไพโรจน์ ธีระภาพ ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ผู้ต้องหาในคดีเดียวกันนี้ ที่ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว ข้อหาขัดคำสั่งเจ้าพนักงาน ไม่ยอมทำตาม โดยไม่มีเหตุผลหรือข้อแก้ตัว ตามความในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 368 มีอัตราโทษปรับไม่เกิน 500 บาท สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 7 ก.ย.ที่ผ่านมา พล.ต.ไพโรจน์เข้าพบพนักงานสอบสวนกองปราบปรามตามหนังสือเรียกตัว เพื่อรับทราบข้อกล่าวหารวม 6 ข้อหา ในคดีลอบวางระเบิดหมายสังหาร พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แต่ปรากฏว่า พล.ต.ไพโรจน์ไม่ยอมให้ พนักงานสอบสวนพิมพ์ลายนิ้วมือเพื่อทำประวัติผู้ต้องหา โดยไม่ชี้แจงเหตุผล ซึ่งหลังจากพนักงานสอบสวน สน.พหลโยธินรับเรื่องไว้แล้ว จะเรียกตัว พล.ต.ไพโรจน์ มาสอบสวนดำเนินคดีต่อไป

ยึดโฟร์วีล เสธ.ตี๋มาอีก 1 คัน

ต่อมาเวลา 16.00 น. พ.ต.ท.ปัญญา ปิ่นสุข รอง ผกก.2 บก.ป. พ.ต.ท.ธราดล เหมพัฒน์ พงส. (สบ.2)กลุ่มงานสอบสวน บก.ป. พร้อมกำลัง ได้เข้าตรวจยึดรถยนต์ โตโยต้า สปอร์ตไรเดอร์ โฟร์วีล สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน วภ 401 กรุงเทพมหานคร จากลานจอดรถชั้น 2 อาคารซันมูนเลคทาวเวอร์ เลขที่ 222 ซอยบรอนซ์สตรีท ต.บางพูด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ซึ่งเป็นอาคารที่พักข้าราชการสำนักปลัดกระทรวงกลาโหม และเป็นที่พักของ พ.อ.สุรพล สุประดิษฐ์ หรือเสธ.ตี๋ 1 ในผู้ต้องหาคดีลอบวางระเบิดหมายสังหารนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้ สืบเนื่องจากในช่วงเช้าวันเดียวกัน พนักงานสอบสวนได้เข้าตรวจค้นห้องพักของ พ.อ.สุรพล และยึดเอกสารมาตรวจสอบ จนทราบข้อมูลว่า พ.อ.สุรพลมีรถยนต์โฟร์วีล อีก 1 คัน จอดอยู่ในบริเวณลานจอดรถของอาคารดังกล่าว ซึ่งอาจมีส่วนพัวพันกับการกระทำความผิด จึงยึดมาตรวจสอบอย่างละเอียดที่กองปราบปราม


เจอเครื่องแบบ-ถังน้ำมันในรถ


จากการตรวจสอบภายในรถยนต์โตโยต้า สปอร์ตไรเดอร์ โฟร์วีล สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน วภ 401 กรุงเทพมหานคร มีเครื่องแบบนายทหารบกยศ พ.อ. สังกัด กอ.รมน. ติดป้ายชื่อ พ.อ.สุรพล สุประดิษฐ์ ที่หน้าอกแขวนอยู่ แกลลอนน้ำมันขนาด 40 ลิตร ห่อด้วยถุงพลาสติกสีดำ 1 ถัง ขวดสุราต่างประเทศ 2 ขวด สมุดโน้ต และเอกสารจำนวนหนึ่ง ส่วนที่กระจกหน้ารถติดสติกเกอร์ กอ.รมน. กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ กองพลทหารม้าที่ 1 รักษาพระองค์ กองบัญชาการกองทัพบกและกองทัพอากาศ เจ้าหน้าที่จึงนำสุนัขตำรวจและอุปกรณ์ตรวจวัตถุระเบิด ตรวจพิสูจน์ กลิ่นภายในรถคันดังกล่าว รวมทั้งให้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานเก็บลายนิ้วมือแฝง รวมทั้งหลักฐานต่างๆภายในรถอย่างละเอียด พร้อมกันนี้ ได้นำหมายเลขตัวถังรถและหมายเลขเครื่องยนต์ไปตรวจสอบกับกรมการขนส่งทางบกว่าถูกต้องตรงกันหรือไม่

ตรวจลายนิ้วมือรอบรถละเอียดยิบ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการนำเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานมาเก็บลายนิ้วมือแฝงนั้น เนื่องจากการตรวจสอบภาพวงจรปิดของ กอ.รมน. พบว่าจ่ายักษ์เคยขับรถสปอร์ตไรเดอร์คันนี้ออกจาก กอ.รมน. โดยมี พล.ต.ไพโรจน์ พ.อ.สุรพล และ พ.ท.มนัส นั่งไปในรถด้วย ประกอบกับคำให้การของจ่ายักษ์ก็ตรงกัน พนักงานสอบสวนจึงต้องการเก็บลายนิ้วมือของกลุ่มผู้ต้องหาที่นั่งไปในรถ เพื่อเพิ่มน้ำหนักและความน่าเชื่อถือในคำให้การของจ่ายักษ์ที่โดนกระแสโจมตีอย่างหนักว่าไม่น่าเชื่อถือ


ด่วน รถแดวูพบลายมือ มนัส


ล่าสุดมีรายงานว่า ขณะนี้หลักฐานผลการตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์หลายรายการ ได้เริ่มทยอยส่งกลับมาให้ชุดพนักงานสอบสวนบ้างแล้ว โดยเฉพาะในส่วนของลายนิ้วมือแฝงของกลุ่มผู้ต้องหา ปรากฏว่า ทางกองพิสูจน์หลักฐานได้ส่งการตรวจสอบลายนิ้วมือ ของ พ.ท. มนัส สุขประเสริฐ กลับมาให้แล้ว โดยกองพิสูจน์หลักฐานรายงานว่า จากการนำลายนิ้วมือของ พ.ท.มนัสไปตรวจเปรียบเทียบกับลายมือแฝงบนรถยนต์แดวูบรรทุกระเบิด ปรากฏว่า ตรวจพบลายนิ้วมือของ พ.ท.มนัสบริเวณประตู รถแดวูคันดังกล่าวด้านหลังซ้าย ดังนั้นถือเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญและเพิ่มความมั่นใจในข้อสันนิษฐานของชุดสืบสวนสอบสวนในคดีนี้ว่า พ.ท.มนัสเป็นตัวการในการนำรถแดวูไปประกอบระเบิดที่ร้านคาร์แคร์ ใน จ.สุพรรณบุรี รวมทั้งยังเพิ่มหลักฐานที่จะมัดตัว พ.ท.มนัสให้หนาแน่นยิ่งขึ้นอีกด้วย

ผัดฟ้องฝากขัง 2 ผู้ต้องหา

อีกด้านหนึ่ง วันเดียวกัน เมื่อเวลา 10.00 น. เจ้าหน้าที่กองเรือนจำมณฑลทหารบกที่ 11 จ.นครปฐม พร้อมกำลังสารวัตรทหาร 10 นาย อาวุธครบมือ ได้ควบคุมตัว ร.ท.ธวัชชัย กลิ่นชะนะ และ พ.ท.มนัส สุขประเสริฐ ผู้ต้องหาในคดีพยายามลอบสังหาร พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ขึ้นรถยนต์โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ สีดำ ทะเบียน ศย 5600 กรุงเทพมหานคร เดินทางไปศาลทหารกรุงเทพ แขวงบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กทม. เพื่อให้พนักงานสอบสวนกองปราบปราม ผัดฟ้องฝากขังต่อ โดยมี จ.ส.อ.อภิพล กลิ่นชะนะ พี่ชาย และญาติพี่น้องของ ร.ท.ธวัชชัย พร้อมทนายความ เข้าร่วมรับฟังการพิจารณาฝากขังครั้งนี้ด้วย ภายหลังศาลทหารใช้เวลาพิจารณาคำร้องประมาณชั่วโมงครึ่ง เจ้าหน้าที่กองเรือนจำมณฑลทหารบกที่ 11 จ.นครปฐม ได้ควบคุมผู้ต้องหาทั้งสองกลับไปควบคุมต่อยังเรือนจำทหาร จ.นครปฐม ทันที ท่ามกลางการคุ้มกันอย่างแน่นหนา


ตำรวจคัดค้านประกัน


พนักงานสอบสวนกองปราบปรามคนหนึ่ง เปิดเผยว่า ได้ยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อฝากขังผู้ต้องหาต่อไปอีก 1 นัด เป็นเวลา 12 วัน นับตั้งแต่วันที่ 15-26 ก.ย.นี้ สำหรับ ร.ท.ธวัชชัย เป็นการฝากขังครั้งที่ 3 แล้ว ส่วน พ.ท.มนัส เป็นการฝากขังครั้งที่ 2 ทั้งนี้พนักงานสอบสวนได้คัดค้านการประกันตัวเหมือนเช่นเดิม ให้เหตุผลว่าการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น และผู้ต้องหากระทำความผิดเกี่ยวกับมีวัตถุระเบิดไว้ในความครอบครองเป็นจำนวนมาก โดยมีพฤติการณ์จะลอบสังหารผู้นำประเทศ ถ้าให้ประกันตัวออกไปอาจจะหลบหนี หรือไปยุ่งเกี่ยวกับพยานได้

ศาลกำชับตำรวจเร่งสอบพยาน

ด้านนายประภาส คงเมือง ทนายความของ ร.ท.ธวัชชัย กลิ่นชะนะ เปิดเผยว่าการฝากขังครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 3 แล้ว และพนักงานสอบสวนก็ยังคัดค้านการประกันตัวเหมือนเช่นเคย โดยอ้างเหตุผลเดิม หลังจากศาลพิเคราะห์แล้วไม่อนุญาตให้ประกัน และถูกส่งตัวไปฝากขังเรือนจำทหารตามเดิม อย่างไรก็ตาม ศาลได้กำชับให้พนักงานสอบสวนเร่งรัดการสอบคดีโดยเร็ว เพราะเห็นว่าการสอบสวนชักช้าเกินไป เนื่องจากในการฝากขังครั้งที่สอง พนักงานสอบสวนได้คัดค้านการประกันตัว โดยอ้างเหตุผลว่าการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น

ต้องสอบพยานอีก 10 ปาก ในขณะที่การฝากขังครั้งที่ 3 ให้เหตุผลว่าต้องสอบพยานอีก 9 ปาก ทั้งที่ระยะเวลาการฝากขังผ่านมาแล้วถึง 12 วัน แต่กลับสอบพยานไปได้แค่เพียงปากเดียว ผิดหลักกฎหมายที่จะต้องสอบพยานอย่างรวดเร็วต่อเนื่องและเป็นธรรม ส่วนที่วันนี้ไม่ได้ยื่นประกันตัว ร.ท.ธวัชชัย ก็เพราะว่าต้องการพิจารณาเรื่องการประกันตัวให้ละเอียดถี่ถ้วนก่อน

เพื่อเป็นช่องทางในการยื่นประกันตัวครั้งต่อไป สำหรับ ร.ท.ธวัชชัย มีท่าทางแจ่มใส ไม่เครียด สบายดี พร้อมกันนี้อยากขอร้องให้พนักงานสอบสวน คืนใบนัดแพทย์ที่ยึดไว้ เมื่อครั้งที่ญาติทำเรื่องขอนำตัว ร.ท.ธวัชชัยไปตรวจร่างกายที่ รพ. เพราะจำเป็นต้องใช้เป็นหลักฐานสำคัญในการขอประกันตัว ร.ท.ธวัชชัย ส่วน พ.ท.มนัสเท่าที่ทราบ ได้ยื่นอุทธรณ์ขอประกันตัวเช่นกัน แต่ศาลไม่อนุญาตให้ประกัน

ญาติรู้ดีศาลไม่ให้ประกัน

ด้านญาติของ ร.ท.ธวัชชัยคนหนึ่ง เปิดเผยว่า มาร่วมรับฟังการพิจารณาคดีฝากขังเท่านั้น ไม่ได้ยื่นขอประกันตัวแต่อย่างใด เพราะรู้อยู่แล้วว่าศาลไม่ให้ประกันตัว แต่ก็รู้สึกดี ที่ ร.ท.ธวัชชัยถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำทหารเพราะปลอดภัย ส่วนเรื่องคดีความ อยากให้สอบถามกับทนายความเอง


แหล่งขัอมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์