สอบจ่ายักษ์อีกรอบ เค้น5ชม. ป.ออกอาการเครียด

"รอผลสอบขยายผล"


การคลี่คลายคดีคาร์บอมบ์หมายสังหาร พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ตำรวจกองปราบปรามสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้แล้ว 5 คน ทั้งหมดเป็นทหารช่วยราชการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ขณะที่การสอบสวนขยายผลในเวลาต่อมาพบว่า ขบวนการดังกล่าวยังมีผู้บงการอยู่เบื้องหลังเป็นนายทหารยศระดับนายพลอีกหลายคน พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดี ทำให้หวั่นเกรงกันว่าประเด็นนี้จะกลายเป็นความขัดแย้งระหว่างสถาบันทหารกับตำรวจ เนื่องจากหลายฝ่ายยังมองว่าเหตุลอบสังหารเป็นการจัดฉากขึ้นมา เพื่อหวังผลทางการเมือง


ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 10.00 น. วานนี้ (13 ก.ย.) ชุดพนักงานสอบสวนคดีลอบสังหาร ประกอบด้วย พล.ต.ท. มนตรี จำรูญ ผบช.ก.พล.ต.ต.เจตน์ มงคลหัตถี รอง ผบช.น. พล.ต.ต.วินัย ทองสอง ผบก.ป. พ.ต.อ.อนุชัย เล็กบำรุง รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.รุจิรัตน์ หลุ่มบุญเรือง รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.ปรีชา ธิมามนตรี รอง ผบก. ทำหน้าที่ หน.ศูนย์ สืบสวน บช.น. พร้อมคณะพนักงานสอบสวนของกองบัญชาการสอบสวนกลาง กองบัญชาการตำรวจนครบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เข้าประชุมเพื่อวางแนวทางการสอบสวน

หลังการประชุม พล.ต.ต.วินัย ทองสอง ผบก.ป. กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้ พนักงานสอบสวนมีเจ้าหน้าที่จากกองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) อาจารย์จากสถาบันเทคโนโลยี พระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง หน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด กองบัญชาการตำรวจนครบาล มาช่วยกันวิเคราะห์ว่าผลของระเบิดมีอานุภาพมากน้อยเพียงไร และวงจรของระเบิดทำงานอย่างไร

"คำให้การเป็นจิ๊กซอว์ตัวหนึ่งที่มีประโยชน์"


พล.ต.ต.วินัยกล่าวด้วยว่า การรวบรวมหลักฐานของพนักงานสอบสวนมาจากพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ ซึ่งมีการจับกุมได้ทั้งคนและของ รวมทั้งพยานหลักฐานวัตถุพยานและอะไรต่างๆนานาก็เชื่อมโยงไปยังตัวบุคคล ส่วนคำให้การของ จ.ส.อ.ชาคริตเป็นเพียงส่วนหนึ่งที่มาต่อจิ๊กซอว์ให้สมบูรณ์เท่านั้น จะเห็นได้จากการที่พนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียกบุคคลต่างๆที่เกี่ยวข้องไปก่อนหน้าที่ จ.ส.อ.ชาคริตจะเข้ามอบตัวแล้ว คำซัดทอดจ่ายักษ์ก็มีประโยชน์ แต่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของพยานหลักฐานแต่ไม่ใช่ทั้งหมด พนักงานสอบสวนไม่ได้อาศัยคำให้การซัดทอดของจ่ายักษ์เพียงอย่างเดียว ผบก.ป. กล่าว

ด้าน พล.ต.ต.เจตน์ มงคลหัตถี รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) ในฐานะหัวหน้าชุดสอบสวน กล่าวว่า พนักงานสอบสวนต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าอะไรจริงไม่จริง ไม่ได้เชื่อคนใดคนหนึ่ง ส่วนการหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมคงเปิดเผยไม่ได้ว่าไปหาอะไรบ้าง แต่ที่ส่งตรวจไปแล้วนั้นก็สามารถยืนยันข้อเท็จจริงได้บางอย่าง แต่ยังมีอีกหลายอย่างที่พนักงานสอบสวนยังรอผลการตรวจพิสูจน์อยู่ ซึ่งทั้งหมดเป็นความลับในสำนวนเปิดเผยไม่ได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมชุดพนักงานสอบสวนชุดใหญ่พร้อมผู้เชี่ยวชาญด้านระเบิด นำวีดิโอบันทึกภาพการทดลองระเบิดแบบย่อส่วนอัตราส่วน 1 ต่อ 4 พ.ต.อ.ปรีชา ธิมามนตรี เดินทางไปทดสอบจริงที่ค่ายทหารแห่งหนึ่งใน จ.นครสวรรค์ มาเปิดดู เพื่อประมาณการเสียหายที่จะเกิดขึ้น กรณีหากเกิดระเบิดขึ้นจริง น่าจะทำให้สะพานข้ามแยกบางพลัดถล่มลงมา พร้อมกับตึกแถวในย่านใกล้เคียงคงราบเป็นหน้ากลอง แต่ระยะการทำลายล้างไม่น่าจะมีรัศมีถึง 1 กิโลเมตร ส่วนการตรวจสอบแผงวงจรระเบิดของผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ยังไม่แล้วเสร็จ เนื่องจากต้องมีการทดสอบการกดระเบิดในระยะต่างๆ โดยเฉพาะในภาวะที่มีสิ่งกีดขวาง คือ ภายในรถยนต์ ผู้เชี่ยวชาญจึงขอเวลาตรวจสอบให้รอบคอบเสียก่อน

"หาลายนิ้วมือ"


ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า นอกจากนี้ ประเด็นที่ถกกันอย่างหนักในที่ประชุม คือผลการตรวจทางวิทยาศาสตร์ เพราะถึงขณะนี้ยังไม่มีการส่งผลมาให้ชุดพนักงานสอบสวนเลยแม้แต่ชิ้นเดียว โดยเฉพาะการตรวจสอบลายนิ้วมือแฝงจากรถแดวูคันบรรทุกระเบิดและตัววัตถุระเบิดว่ามีลายนิ้วมือแฝงของใครอยู่บ้าง โดยเฉพาะลายนิ้วมือของ พ.ท.มนัส สุขประเสริฐ ที่ชุดพนักงานสอบสวนเชื่อว่าน่าจะมีอยู่ทั้งในตัวรถหรือไม่ก็ที่ตัววัตถุระเบิดอย่างแน่นอน เพื่อเป็นหลักฐานสำคัญในการยืนยันการกระทำความผิด เนื่องจาก พ.ท.มนัสให้การปฏิเสธ

บ่ายวันเดียวกัน พ.ต.ท.มนตรี เทศขัน สว.กก.5 บก.ป. เบิกตัว จ.ส.อ.ชาคริต จันทระ หรือจ่ายักษ์ มาสอบปากคำ พร้อมเชิญทหารพระธรรมนูญมาร่วมฟังการสอบสวนด้วย โดยใช้เวลาการสอบสวนอย่างเคร่งเครียดถึง 5 ชม. ส่วนเหตุที่ชุดพนักงานสอบสวนนำตัวจ่ายักษ์มาสอบปากคำอีกครั้ง เนื่องจากคำให้สัมภาษณ์ของ พ.ท.ประสาท จันทระ บิดาจ่ายักษ์ ระบุว่า จากการรับฟังจากทนายความของจ่ายักษ์ที่มีศักดิ์เป็นอา จ่ายักษ์ยอมรับเพียงว่าเป็นผู้ขับรถไปที่ บน.6 จริง แต่ไม่ได้พูดถึงการร่วมในขบวนการสังหารแต่อย่างใด

ขณะเดียวกัน คณะพนักงานสอบสวนกำลังอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานในคดีขั้นสุดท้าย ส่วนใหญ่เป็นการรอผลการตรวจพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ และลายนิ้วมือที่ติดอยู่กับที่วัตถุระเบิดของกลางภายในรถยนต์แดวู โดยชะลอการสืบสวนขยายผลถึงตัวผู้บงการระดับสูงเอาไว้ก่อน เช่นเดียวกับการตรวจหารถกระบะนิสสัน ฟรอนเทียร์ ที่จ่ายักษ์อ้างว่าเป็นรถยนต์ที่บรรทุกอาวุธสงครามจำนวนมาก เพื่อเตรียมถล่มขบวนนายกรัฐมนตรีซ้ำเป็นดาบสองนั้น ชุดสืบสวนได้หยุดการค้นหาไว้ชั่วคราว หลังจากเข้าค้นจุดต้องสงสัยหลายจุดทั้งในกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัดแต่ยังไร้วี่แวว

"คำให้การซัดทอด"


ด้านการทำงานของชุดสอบสวน จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้ออกหนังสือเรียกตัวให้นายทหารที่เกี่ยวข้องมาสอบสวนหรือรับทราบข้อกล่าวหาเพิ่มเติม แม้ว่าก่อนหน้านี้มีข่าวว่าในขบวนการลอบสังหาร มีนายทหารระดับสูงเข้ามาเกี่ยวข้องหลายนาย รวมถึงการเข้าค้นบ้านพัก พล.ต.สุรศักดิ์ เอี่ยมรักษา หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยประจำ กอ.รมน. ในซอยเฉลิมพระเกียรติ 7 (ซอยประดู่ลาย) แขวงหนองบอน เขตประเวศ กทม. ก็ยังไม่ได้เรียกตัวไปสอบปากคำแต่อย่างใด

สำหรับ พล.ต.สุรศักดิ์ ถูก จ.ส.อ.ชาคริตซัดทอดไว้ในคำให้การหน้าที่ 2 ของสำนวนการสอบสวนในส่วนของคำให้การรับสารภาพระบุว่า มีส่วนเกี่ยวพันกับแผนการในครั้งนี้ พล.ต.สุรศักดิ์เป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่น 10 รุ่นเดียวกันกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และมีความสนิทสนมกับ พล.ท.ปรีชา สุวรรณรัตน์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และ พล.ต.พฤณฑ์ สุวรรณทัต ผู้บัญชาการกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ (ตท.10) ที่เคยนำทหารและประชาชนออกมาเคลื่อนไหวสนับสนุนนายกรัฐมนตรี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากมีการนำเสนอข่าวคำให้การซัดทอดของ จ.ส.อ.ชาคริต ซึ่งพาดพิงนายทหารสังกัด กอ.รมน.หลายนาย ทำให้บรรยากาศการทำงานของพนักงานสอบสวนชุดคลี่คลายคดีเคร่งเครียดมากยิ่งขึ้น นอกจากจะต้องรวบรวมหลักฐานอย่างรอบคอบแล้ว ยังต้องคำนึงถึงผลกระทบต่างๆที่จะตามมาด้วย โดยเฉพาะความสัมพันธ์ระหว่างทหารกับตำรวจ เนื่องจากเกิดข่าวลือสะพัดเกี่ยวกับความไม่พอใจระหว่างสองหน่วยงาน

"เรื่องไปกันใหญ่"


อย่างไรก็ตาม ในประเด็นที่มีนายทหาร กอ.รมน. ถูกพาดพิงถึงนั้น พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก มีความเห็นว่า น่าจะเป็นเรื่องของการเข้าใจผิด เนื่องจากที่ผ่านมา ใน กอ.รมน. มีการรับประทานอาหารกันระหว่างนายทหารประมาณ 2-3 ครั้ง โดยมีนายทหารหลายนาย อาทิ พล.ต.ไพโรจน์ ธีระภาพ เตรียมทหารรุ่น 11 พล.ต.พฤณ สุวรรณทัต เตรียมทหารรุ่น 10 พล.ต.ไพบูลย์ ไผ่นาค เตรียมทหารรุ่น 8 พล.ต.สุรศักดิ์ เอี่ยมรักษา เตรียมทหารรุ่น 10 พล.ต.กิตติศักดิ์ สุวรรณเตมี เตรียมทหารรุ่น 8 พล.ต. ตระหง่าน สุจริต เตรียมทหารรุ่น 10 พ.อ.บุญธรรม ศรีฉ่ำ เตรียมทหารรุ่น 12 พล.ต.ปรเมศ ป้อมนาค และมี พ.อ.สุรพล สุประดิษฐ์ ร่วมอยู่ด้วย ซึ่งเป็นปกติที่กลุ่มบุคคลเหล่านี้จะมีการพูดคุยกันเรื่องความเป็นไปของบ้านเมืองเท่านั้น ไม่คิดว่ากลุ่มคนเหล่านี้มีการรวมตัวกันเพื่อก่อเหตุดังกล่าว

พล.ต.ขัตติยะกล่าวต่อว่า ในการรับประทานอาหารกันนั้น พล.อ.พัลลภไม่พอใจที่มีรุ่นน้องทหารบางคนเข้าไปร่วมโต๊ะด้วย สิ่งนี้อาจจะทำให้รุ่นน้องบางคนไม่พอใจ พล.อ.พัลลภ จึงนำเรื่องไปบอกเพื่อน คือ พ.ต.ท.ทักษิณ หลังจากนั้นก็มีข่าวว่า บ้าน พล.อ.เปรม ถูกดักฟัง มีข่าวการลงขันฆ่า พ.ต.ท.ทักษิณ และอีกหลายข่าวลือออกมา ทำให้เรื่องยิ่งไปกันใหญ่ เรื่องทั้งหมดก็เลยไปเข้าทางลิ่วล้อ พ.ต.ท.ทักษิณบางคน

พล.ต.ขัตติยะกล่าวด้วยว่า กรณีของ พล.ต.ไพโรจน์ นั้นถือว่าเป็นเคราะห์หามยามร้าย ในฐานะเป็นนายกลางก่อนจะถึงนายใหญ่ โดยในส่วนของ พล.ต.ไพโรจน์นั้นตำรวจบอกว่ามีภาพวีดิโอวงจรปิดจับภาพว่าเข้าไปใน บน.6 วันที่ 9 และ 10 แต่อยากร้องขอให้ย้อนกลับไปตรวจสอบวันอื่นๆด้วย เพราะเขาต้องเข้าไปรับลูกเมียที่ทำงานอยู่ใน บน.6 ส่วนผู้ต้องหาที่เหลือก็คงต้องให้ไปต่อสู้ในชั้นศาล สุดท้ายจะลงเอยอย่างไรยังไม่ทราบ เพราะเกมนี้เล่นกันแรง สำคัญที่ จ.ส.อ.ชาคริตไปพูดถึงคนโน้นคนนี้ให้ตำรวจฟังเรื่องเลยไปกันใหญ่ ทำให้ตำรวจทหารคลางแคลงใจกันเล็กน้อย แต่เชื่อว่าทุกอย่างจะทำความเข้าใจกันได้ เพราะเป็นเพื่อนร่วมสถาบันกันมาทั้งนั้น

"ถูกมองจัดฉาก"


เที่ยงวันเดียวกัน ที่โรงแรมปาร์คนายเลิศ แรฟเฟิลส์ อินเตอร์เนชั่นแนล พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ กรณีการจับกุมผู้ต้องหาวางแผนลอบสังหาร พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ถูกมองเป็นการจัดฉากว่า ไม่อยากวิจารณ์แล้ว ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพนักงานสืบสวนสอบสวน และให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจเองตามข้อมูลข่าวสารที่สื่อมวลชนนำเสนอ ขอให้เชื่อมั่นในการทำงานของพนักงานสอบสวน ตำรวจทำหน้าที่ตรงไปตรงมา ไม่กลั่นแกล้งกัน อย่าไปวิจารณ์ต่อ จะทะเลาะกันไม่สิ้นสุด

ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะทำให้กลายเป็นปัญหาความขัดแย้งระหว่างสถาบันตำรวจกับทหารหรือไม่ เพราะมีนายทหารหลายคนเข้าไปเกี่ยวข้อง พล.ต.อ.ชิดชัยตอบว่า เชื่อว่าทุกคนแยกแยะได้ เพราะคนทำผิดเป็นเรื่องตัวบุคคล ไม่ใช่สถาบัน อย่าเอาสถาบันเข้ามาเกี่ยวข้อง

พล.ต.อ.ชิดชัยกล่าวถึงการปรับโครงสร้างของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ว่า ยังไม่ทราบรายละเอียด แต่ฝ่ายทหารกำลังดำเนินการอยู่ ผู้สื่อข่าวถามว่า มีกระแสข่าวว่าจะมีการเปลี่ยนตัวทีมงานใกล้ชิดของ พล.อ.พัลลภ ปินมณี ออกจาก กอ.รมน. พล.ต.อ.ชิดชัยตอบว่า ไม่เป็นความจริง เป็นแค่กระแสข่าว ยืนยันว่ายังไม่มีการเซ็นคำสั่งย้ายอะไรเลย ขอให้เอาคำสั่งที่ลงนามมาให้ดูหน่อย รวมถึงคำสั่งแต่งตั้ง รอง ผอ.กอ.รมน.แทน พล.อ.พัลลภ ก็ยังไม่มีการเซ็นลงนามเช่นกัน ทุกอย่างขอให้เป็นไปตามการดำเนินการของฝ่ายทหาร

"กล่องปริศนา"


ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า เมื่อเวลา 11.50 น. วันเดียวกัน เจ้าหน้าที่หน้าห้องของนายประชา มาลีนนท์ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ได้รับกล่องพัสดุขนาด 1 ฟุต ระบุชื่อผู้รับนายประชา มาลีนนท์ แต่เนื่องจากกล่องดังกล่าวมีน้ำหนักผิดปกติ เจ้าหน้าที่คนดังกล่าว จึงประสานกับเจ้าหน้าที่ทหารที่ถูกส่งไปดูแลความปลอดภัยภายในกระทรวงทำการตรวจสอบ

ในเบื้องต้นพบว่าภายในกล่องมีถุงพลาสติกบรรจุเกล็ดสีขาวคล้ายปุ๋ย จึงประสานไปยังฝ่ายเก็บกู้วัตถุระเบิด กองพลาธิการและสรรพาวุธ สำนัก งานตำรวจแห่งชาติ ไปตรวจสอบและเก็บกู้กล่องต้องสงสัย หลังจากเจ้าหน้าที่ใช้เครื่องสแกนตรวจดูแล้ว พบสิ่งที่จะทำให้เกิดระเบิดขึ้นได้ จึงฉีกกล่องออกตรวจดูโดยละเอียด พบเพียงแต่ถุงพลาสติกบรรจุปุ๋ยแอมโมเนียซึ่งสามารถนำไปประกอบเป็นระเบิดได้ กับจดหมายข่มขู่นายประชา มาลีนนท์ จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน เบื้องต้นพบว่ากล่องพัสดุดังกล่าวส่งมาจากที่ทำการไปรษณีย์สีลม พร้อมระบุชื่อผู้ส่งเป็นชาย แต่เมื่อตรวจสอบจากกองทะเบียนราษฎร

แล้วไม่มีชื่อบุคคลดังกล่าว หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ประจำกระทรวงแจ้งเรื่องให้นายประชา ซึ่งอยู่ระหว่างการเดินทางไปร่วมงานส่งเสริมการขายและการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ทราบ ซึ่งนายประชามีคำสั่งให้เพิ่มความเข้มงวดตรวจสอบกล่องพัสดุ หรือสิ่งของที่ส่งไปยังกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาอย่างละเอียด


แหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์