วันนี้ (19 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางเครือวัลย์ ศรีสุวรรณ อายุ 39 ปี พี่สาวนางสุนันท์ ศรีสุวรรณ แม่น้องโช
พร้อมด้วยพ่อของน้องมินต์ และญาติ ๆ ได้เดินทางมาติดต่อขอรับศพ นางสุนันท์ ศรีสุวรรณ ที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ เพื่อนำกลับไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณี ทั้งนี้ ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ รพ.ธรรมศาสตร์ ไม่สามารถมอบศพให้ได้ สืบเนื่องมาจากรายชื่อของศพผู้เสียชีวิตนั้น ไม่ตรงกับทะเบียนบ้าน เพราะว่า ในเบื้องต้นนั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ทราบชื่อนามสกุลของผู้ตาย จึงได้แจ้งไว้เพียงว่า หญิงไทยไม่ทราบชื่อ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้แนะนำให้ญาติ ๆ ไปติดต่อกับทางสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ที่สำนักงานใหญ่ถนนแจ้งวัฒนะ เพื่อขอเปลี่ยนชื่อผู้ตาย และได้รับความสะดวกในการเปลี่ยนชื่อ จากนั้นจึงย้อนกลับมารับศพออกไปในเวลาประมาณ 17.30 น.
ด้าง นางเครือวัลย์ กล่าวว่า ในเบื้องต้นนั้น หลังจากรับศพไปแล้วจะนำไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดอ่างศิลา ต.อ่างศิลา จ.ชลบุรี
โดยได้ปรึกษากันแล้วว่า จะสวดพระอภิธรรมศพ จำนวน 3 วัน จากนั้นจะดำเนินการฌาปนกิจในวันพฤหัสบดีที่จะถึงนี้ ส่วนศพของ ด.ช.โช ลูกชายคนเล็กที่ถูกฆ่าหั่นศพนั้น ตอนนี้ศพอยู่ที่ รพ.ศิริราช และเมื่อรับศพของแม่แล้ว จะรีบไปติดต่อขอรับศพของลูกชาย เพื่อนำไปบำเพ็ญกุศลพร้อมกันในวันนี้ แต่ยังไม่ทราบว่า จะสามารถรับกลับไปได้หรือไม่ เพราะเย็นมากแล้ว ซึ่งคงต้องลองไปติดต่อดูก่อน
ต่อมา นายอนันท์ พ่อของน้องมินต์ และสามีคนแรกของผู้ตาย กล่าวว่า ที่มารับศพเนื่องเพราะตอนแรกตั้งใจว่า รอให้น้องมินต์หายดีเสียก่อนแล้วค่อยมารับแม่ และน้องกลับไปพร้อมกัน แต่ว่า เวลามันล่วงเลยมานานแล้ว จึงคิดว่า คงต้องมารับไปก่อน ส่วนศพนั้นจะได้ตั้งบำเพ็ญกุศลไว้ 3 วัน จึงทำการเผาตามประเพณีต่อไป
ที่โรงพยาบาลพระรามเก้า ผู้สื่อข่าวรายงานอาการบาดเจ็บของ ด.ญ.พิชญา หรือน้องมินต์ จงงามวิลัย ลูกสาวของ นางสุนันท์ ที่รอดตายจากเหตุฆาตกรรมดังกล่าว
คณะแพทย์ได้ประชุมหารือกรณีบิดาของน้องมินต์ ติดต่อขอนำตัวน้องมินต์ออกจากโรงพยาบาล เพื่อพาไปร่วมงานศพนางสุนันท์ มารดา ที่ จ.ชลบุรี แต่แพทย์ลงความเห็นว่า ยังไม่สมควร เพราะน้องมินต์เพิ่งผ่านการผ่าตัดข้อศอกซ้าย ขณะนี้อยู่ระหว่างการฟื้นฟู อาจทำให้กระทบกระเทือนบาดแผลได้ ส่วนสภาพจิตใจ ทีมแพทย์ดูแลอย่างใกล้ชิด และมีอาการดีขึ้นตามลำดับ รับประทานอาหาร และนอนหลับได้ปกติ อย่างไรก็ตาม น้องมินต์ กล่าวว่า อยากพบ ”ลุงโจ” ซึ่งสนิทกับมารดาที่อยู่ จ.นครสวรรค์ แต่แพทย์ไม่อนุญาตให้พบเช่นกัน โดยให้พูดคุยกันทางโทรศัพท์เท่านั้น.