คือ คำกล่าวปิดคดีของพล.ต.ต.ราเชนทร์ รื่นกมล รอง ผบช.ภาค 1 ภายหลังตำรวจสามารถจับกุมนายอัตถสิทธิ์ หรือ "เอส" ดวงเกิด อายุ 19 ปี กับนายต้อม (นามสมมติ) อายุ 16 ปี สองคนร้ายที่ลงมือยิงด.ต.ธีระ เขียวอำพล อายุ 51 ปี ผบ.หมู่ป.สภ.เมืองลพบุรี จนถึงแก่ความตาย
2โจ๋ฆ่าตำรวจอย่างท้าทายกฎหมาย!!
เบื้องหลังคดีนี้ไม่ได้สลับซับซ้อนอะไร เกิดจากการที่นายดาบธีระ ซึ่งเป็นตำรวจที่เคร่งครัดกับการตรวจจับแก๊งซิ่งมอเตอร์ไซค์ เลยทำให้หนุ่มนักบิดเหล่านี้เกิดความไม่พอใจ เมื่อสบโอกาสไปเจอดาบธีระ จึงลงมือสังหารก่อนที่จะหลบหนีไป
แต่สุดท้ายก็หนีไม่พ้นเงื้อมมือกฎหมาย
ย้อนไปดูนาทีสังหารนายดาบธีระ เกิดขึ้นตอนตี 1 วันที่ 9 ต.ค. มีคนร้ายลอบยิงด.ต.ธีระ ตำรวจประจำป้อมยามต.โคกลำพาน อ.เมือง ลพบุรี จนตายคาที่ หลังสิ้นเสียงปืน พ.ต.อ.ธวัฒชัย เกิดโภคทรัพย์ ผกก.สภ.เมืองลพบุรี พร้อมพ.ต.ท.ศักดิ์ชัย เกษโกมล รอง ผกก.ป. พ.ต.ท.วชิระ พยาน้อย รอง ผกก.สส. พ.ต.ท.พรชัย ไข่สนอง รอง ผกก.กลุ่มงานสืบสวนภ.จว.ลพบุรี พ.ต.ท.ชาติชาย ภักดิ์บุตร สว.สส. พ.ต.ต.ต่อศักดิ์ วงศ์การค้า สวป. ร.ต.ท.ภูริชญ์ หงส์โต ร้อยเวรฯ และร.ต.ต.สำรวย วิถาทานัง รอง สวป. เดินทางมาตรวจสอบที่เกิดเหตุทันที
เกิดเหตุร้ายขึ้นแล้วที่ป้อมตำรวจแห่งนี้..
ที่นั่นตำรวจพบร่างนายดาบธีระ นอนคว่ำหน้าจมกองเลือดอยู่ใกล้ๆ ป้อมยาม ตายในชุดตำรวจครึ่งท่อน ในมือยังกำวิทยุสื่อสารกับพวงกุญแจเอาไว้แน่น ส่วนปืนพกประจำกาย เจ้าตัวเอาเก็บไว้ในช่องข้างประตูคนขับในรถกระบะมิตซูบิชิ ทะเบียน บ-6054 ลพบุรี ที่จอดอยู่ใกล้ๆ กัน
ดาบธีระไม่มีโอกาสชักปืนออกมายิงสู้กับคนร้าย!!?
น.พ.ธิติชน การเร็ว แพทย์เวรจากร.พ.อานันทมหิดล ชันสูตรพลิกศพผู้ตาย พบว่าถูกจ่อยิงในระยะเผาขนด้วยปืนขนาด .32 กระสุนพุ่งเจาะเข้าที่ท้ายทอย 3 นัด แก้มขวา 1 นัด กลางหลัง 1 นัด และไหล่ซ้ายอีก 1 นัด กระสุนฝังใน คาดเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 3-4 ชั่วโมงก่อนพบศพ การลงมือครั้งนี้เจ้าหน้าที่มั่นใจว่าคนร้ายไม่ใช่มืออาชีพ เพราะใช้ปืนขนาดเบาอีกทั้งไม่พบว่าคนร้ายต้องการประสงค์ต่อทรัพย์แต่อย่างใด เนื่องจากทรัพย์สินของผู้ตายไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือ อาวุธปืน รวมทั้งรถยนต์ คนร้ายไม่ได้แตะต้องอะไร
ยิงเหยื่อด้วยความแค้น 6 นัดก่อนที่จะหลบหนีไป
คนร้ายฉวยโอกาสทีเผลอสังหารเหยื่อ!?!
การตายของตำรวจขณะปฏิบัติหน้าที่นับเป็นเรื่องใหญ่ พล.ต.ต.ราเชนทร์ รื่นกมล รอง ผบช.ภาค 1 ลงมาไล่ล่าคนร้ายด้วยตัวอง มอบหมายให้พล.ต.ต.กิตติ รุ่งเรืองวงษ์ ผบก.ภ.จว.ลพบุรี พ.ต.อ.สมิทธิ มุกดาสนิท พ.ต.อ.มนธน ทิพย์จันทร์ รอง ผบก.ฯ จัดทีมตามล่าคนร้ายทันที โดยแบ่งทีมทำงานเป็น 2 ชุด ชุดสืบสวนคือ ชุดของพ.ต.อ.สมิทธิ พ.ต.อ.ชยานนท์ มีสติ ผกก.สส.ภ.1 และพ.ต.ท.พรชัย ส่วนชุดสอบสวนเป็นชุดของพ.ต.ท.ประวิทย์ ยงยุทธ พ.ต.ท.สำราญ ดำคำ พงส.สบ.3
การคลี่คลายเริ่มจากคลำหามูลเหตุแห่งความตาย พบว่าเรื่องส่วนตัวของดาบธีระไม่มีปัญหาอะไร เรื่องหน้าที่การงานก็ไม่มีปัญหา นายดาบธีระเป็นตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา ก่อนหน้านี้ทำหน้าที่ควบคุมดูแลผู้ต้องหาอยู่ที่ศาลจังหวัดลพบุรี ต่อมาผู้บังคับบัญชามีคำสั่งให้ย้ายมาทำหน้าที่สายตรวจอยู่ที่ป้อมยามโคกลำพาน เป็นคนพูดจาโผงผางไม่กลัวใคร และมักจะเป็นไม้เบื่อไม้เมากับพวกแก๊งมอเตอร์ไซค์ซิ่งในย่านตำบลโคกลำพาน ซึ่งโจ๋นักบิดเหล่านั้นถูกดาบธีระดักจับเป็นประจำจนจำหน้ากันได้
พวกนี้เป็นพวกลูกคนมีสตางค์โดนจับก็ไม่กลัว
แถมยังเคยขู่ตำรวจอีกต่างหาก!!?
เมื่อเรื่องอื่นไม่มีปัญหา ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องขัดแย้งกับแก๊งซิ่ง ตำรวจรีบหาสิ่งผิดสังเกตจากบรรดาสิงห์นักบิดกลุ่มนี้ทันที พบว่าหลังเกิดเหตุนายเอสกับนายต้อม 2 โจ๋แห่ง "โคกลำพาน" หายตัวไปจากพื้นที่อย่างมีพิรุธ
เป้าจึงพุ่งไปที่สองคนนี้!!?
เจ้าหน้าที่พลิกดูประวัติพบว่าทั้งคู่ไม่ได้ทำมาหากินอะไร วันๆ เอาแต่กินเหล้าซิ่งมอเตอร์ไซค์กวนประสาทชาวบ้าน นายเอสเป็นลูกชายอดีตนายกอบต.โคกลำพาน ส่วนนายต้อม เป็นเพื่อนรุ่นน้อง อยู่ในแก๊งเดียวกัน และที่สำคัญ ทั้งคู่เคยถูกดาบธีระจับกุมมาแล้วก่อนหน้านั้นจนเกิดมีปากเสียงกัน
พอดาบธีระถูกฆ่าทั้งคู่ก็หายตัวไปอย่างลึกลับ!!?
ทีมสืบรีบออกติดตามความเคลื่อนไหว พบว่าทั้งคู่ย้ายที่อยู่ไปเรื่อย จนกระทั่งวันที่ 14 ต.ค. นายเอสได้ติดต่อคนในบ้านให้พาเข้าพบตำรวจเพื่อขอเคลียร์ตัวเอง โดยนายเอสอ้างว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ แต่เมื่อถูกตำรวจไล่ซักถาม ในที่สุดนายเอสก็ยอมเปิดปากรับสารภาพออกมาว่าเป็นคนใช้อาวุธปืนยิงดาบธีระจนสิ้นใจตาย
ล้างแค้นที่โดนดาบธีระจับรถมอเตอร์ไซค์!!?
นายเอสให้การว่า วันเกิดเหตุนั่งดื่มเหล้าอยู่แถววงเวียนหน้าค่ายวชิราลงกรณ์ เห็นดาบธีระขับรถกระบะไปเข้าเวรที่ป้อมตามลำพัง จึงให้นายต้อมขับมอเตอร์ไซค์ไล่ตาม ขณะที่ดาบธีระลงจากรถเพื่อจะเข้าป้อมยาม ตนจึงเดินเข้าประชิดชักอาวุธปืนลูกโม่ขนาด .32 ออกมาจ่อในระยะเผาขน ก่อนที่จะเข้าไปยิงซ้ำจนตาย หลังจากนั้นก็ขับมอเตอร์ไซค์หลบหนีไปตามถนนบายพาส พอถึงสะพานข้ามคลองอนุศาสนันท์ จึงโยนปืนของกลางทิ้งแล้วหลบหนีไป ที่ตัดสินใจเข้ามอบตัวเพราะกลัวถูกจับตาย และก็ไม่คิดว่าจะถูกตำรวจไล่ซักจนมุม จนต้องยอมรับสารภาพ
หลังจากนั้นตำรวจตามตะครุบตัวนายต้อมเอาไว้ได้ ก่อนที่จะพาสองคนร้ายไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ และกราบขอขมาผู้ตาย ท่ามกลางเสียงตะโกนสาปแช่งขอให้ตายตกไปตามกัน
ใครทำอะไรไว้ต้องได้รับกรรรมนั้น
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าวคุณภาพดี โดย : หนังสือพิมพ์ข่าวสด