จำคุกวัยโจ๋หื่น 13 ปี 4 เดือน
โดย ทีมข่าวอาชญากรรม ผู้จัดการออนไลน์ 6 มีนาคม 2549 18:06 น.
ศาลพิพากษาจำคุก วัยโจ๋ 13 ปี 4 เดือน หลังลวงสาว ม.2 จากโรงเรียนไปข่มขืนยับ หลักฐานมัดแน่นแต่ยังปฏิเสธ
วันนี้ (6 มี.ค.) ที่ศาลอาญา กรุงเทพใต้ ศาลได้มีคำพิพากษาในคดีที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายศุภวัฒน์ ขำตรี อายุ 19 ปี อาชีพรับจ้างทั่วไป เป็นจำเลยในความผิดฐานพรากผู้เยาว์อายุไม่เกิน 15 ปี เพื่อการอนาจาร และข่มขืน ด.ญ.อายุไม่เกิน 15 ปี
ตามฟ้องโจทก์บรรยายสรุปว่า เมื่อวันที่ 14 ธ.ค.2547 เวลา 15.30 น. จำเลยได้ไปดักรอ ด.ญ.แอน นามสมมติ อายุ 14 ปี น.ร.มัธยมชั้นปีที่ 2 แห่งหนึ่ง ย่าน ถ.วชิรธรรม เพื่อชักชวนให้ไปเที่ยวขี่รถจักรยานยนต์ด้วยกัน เมื่อผู้เสียหายตกลงไปด้วยกันแล้ว จำเลยจึงพามายังบ้านพักในไม่มีเลขที่ ใน ซ.วชิรธรรม 62 ใช้อุบายอ้างว่าลืมโทรศัพท์มือถือ ให้ผู้เสียหายซึ่งรออยู่ด้านนอกเข้าไปช่วยหาด้วยกัน เมื่อผู้เสียหายเข้ามาในบ้าน จึงใช้กำลังกอดปล้ำและข่มขืนจนสำเร็จความใคร่ 1 ครั้ง แล้วจึงพาผู้เสียหายกลับมาส่งที่โรงเรียน
จากนั้น เวลาประมาณ 18.00 น.ของวันเดียวกัน จำเลยยังย้อนกลับมาหาผู้เสียหาย แล้วได้ใช้กำลังพาไปยังบ้านพักหลังเดิมเพื่อข่มขืนผู้เสียหายอีก 1 ครั้ง ก่อนจะพามาส่งที่บ้านพักของผู้เสียหายใน ซ.อ่อนนุช 44 แต่ปรากฏว่า นายวิชัย (นามสมมติ) บิดาของผู้เสียหายวัย 40 ปี ออกตามหาผู้เสียหาย เนื่องจากกลับบ้านผิดเวลา ขี่รถจักยานยนต์สวนทางกันพอดี จำเลยจึงขับพาผู้เสียหายหลบหนี เมื่อบิดาของผู้เสียหายขี่รถตาม จำเลยจึงไล่ให้ผู้เสียหายลงจากรถจักรยานยนต์ บิดาของผู้เสียหายจึงรับตัวผู้เสียหายกลับบ้าน พร้อมกับสอบถามทราบความว่า จำเลยเป็นคนลงมือข่มขืน โดยจำเลยยังให้ยาคุมกำเนิดมากิน 1 แผงอีกด้วย บิดาของผู้เสียหายจึงเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สน.พระโขนง ให้จับกุมดำเนินคดีทันที ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมจำเลยได้วันที่ 18 ธ.ค.2547 โดยจำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานที่ทั้งสองฝ่ายนำสืบแล้ว เห็นว่า หลังจากเกิดเหตุ บิดาผู้เสียหายได้พาผู้เสียหายไปตรวจร่างกายทันที โดย พ.ต.ต.เอกลักษณ์ ดีรุ่งโรจน์ นายแพทย์ รพ.ตำรวจ ตรวจร่างกาย พบว่า ที่ปากช่องคลอดฉีกขาด เชื่อว่า มีการรวมประเวณีกันจริง ขณะเดียวกันตามรายงานการจับกุม ทราบว่า ส.ต.ต.บุญทราบ ทองโรจน์ ฝ่ายสืบสวน สน.พระโขนง ได้จับกุมจำเลยได้บริเวณใกล้เคียงที่เกิดเหตุ เชื่อว่า จำเลยเป็นผู้ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายจริง
ส่วนที่จำเลยนำสืบต่อสู้ โดยนำพยานซึ่งเป็นเพื่อนที่พักอาศัยในบ้านเดียวกัน มาเบิกความช่วยว่าไม่มีเหตุข่มขืนจริงนั้น เห็นว่า พยานจำเลยเป็นเพื่อนกันน่าจะเบิกความช่วยเหลือกัน พยานหลักฐานของจำเลยจึงไม่มีน้ำหนักหักล้างพยานโจทก์ได้ จำเลยจึงความผิดตามฟ้อง พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 13 ปี 4 เดือน และให้นับโทษต่อในคดี พ.ร.บ.อาวุธปืน จากคำพิพากษาของศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง