ตั้งค่าหัว2หมื่นระเบิดแบงก์ใต้

ระทึกกู้บึ้มยะลาตร.-ทหารเจ็บอีก7


กอ.สสส.จชต.ตั้งรางวัลชี้เบาะแสคนร้ายบึ้มแบงก์ใต้ 2 หมื่นบาท พร้อมแจกหนังสือปกแดงรูปพรรณคนร้ายที่ได้จากโทรทัศน์วงจรปิดล่าตัว ในขณะที่มทภ.4 ลั่นไม่เห็นด้วยกับการจัดงานโครงการสันติจังหวัดชายแดนภาคใต้ของศรภ. หวั่นควบคุมสถานการณ์ไม่ได้ ส่วนที่ยะลาตร.-ทหารร่วมกันกู้ระเบิด ตูมสนั่นบาดเจ็บ 7 นาย

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 11 ก.ย. ที่กองอำนวยการเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้(กอ.สสส.จชต.) ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี พล.ท.องค์กร ทองประสม แม่ทัพภาคที่ 4 พล.ต.ท.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ศปก.ตร.สน. ในฐานะผบช.ภาค 9 ร่วมกันแถลงข่าวกรณีคนร้ายลอบวางระเบิดธนาคารพร้อมกัน 22 แห่ง เมื่อวันที่ 31 ส.ค. ในพื้นที่ 5 อำเภอของจ.ยะลา ทำให้มีผู้เสีชีวิต 1 ราย บาดเจ็บ 39 คนนั้น

ในการร่วมแถลงข่าวครั้งนี้ทางกอ.สสส.จชต. เชิญตัวแทนผู้ว่าฯ 3 จังหวัด ผบก.ยะลาผู้นำศาสนา ผู้นำท้องถิ่น ผู้บริหารโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม ตัวแทนจากธนาคาร นายกอบต. ตัวแทนนักศึกษาและตำรวจ ทหาร กว่า 200 คน เข้าร่วม พร้อมแจกหนังสือปกแดงที่มีรูปพรรณของคนร้ายที่ได้จากโทรทัศน์วงจรปิด เพื่อขอความร่วมมือชี้เบาะแสคนร้ายพร้อมตั้งรางวัล 2 หมื่นบาท แก่ผู้ที่สามารถชี้เบาะแสบุคคลในภาพจนพิสูจน์ทราบตัวบุคคลได้แจ้ง 0-7322-0238 ตลอด 24 ชั่วโมง


"ขอความร่วมมือประชาชน ร่วมหาเบาะแส คนร้ายแต่งกายคล้าย นศ."


พล.ต.ท.อดุลย์กล่าวว่า วันเกิดเหตุสามารถจับรูปพรรณคนร้ายจากโทรทัศน์วงจรปิดได้จำนวนหลายคนอายุ 22-25 ปี แต่งกายคล้ายนักศึกษา แต่จากการซักถามผู้ที่ถูกจับกุมไม่ใช่นักศึกษา ทำให้สถาบันการศึกษาได้รับความเสียหาย สามารถจับกุมตัวคนร้ายตัวจริงได้ รับสารภาพแล้ว 1 คน จึงรู้ขั้นตอนการทำงานในครั้งนี้ มีการนัดหมายกันศึกษารูปแบบการเข้า-ออก

ธนาคารโดยเฉพาะการทำธุรกรรมทางการเงินประกอบกับทีวีวงจรปิดสามารถยืนยันถึงตัวคนร้ายแล้วจึงขอความร่วมมือประชาชนชี้เบาะแสของคนร้าย ขอให้ประชาชนมีความตื่นตัวสังเกตคนร้ายที่นำสิ่งของเข้าไปตามสถานที่ ขอความร่วมมือติดตั้งทีวีวงจรปิดที่มีคุณภาพ เพราะที่มีอยู่ไม่สามารถระบุรูปพรรณคนร้ายได้จากการซักถามผู้ที่ถูกจับกุมกลุ่มคนร้ายได้เข้ามาสืบสภาพบริเวณในธนาคารก่อนระเบิดเพียง 2 วัน ส่วนมาตรการการป้องกันขอให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการสร้างระบบความเข้มแข็งของชุมชน

ผู้สื่อข่าวรายงานมาว่า ขณะนี้มีการแจ้งเตือนให้หน่วยราชการทุกหน่วย ทุกองค์กรรวมทั้งภาคธุรกิจของเอกชน ให้เพิ่มความระมัดระวัง เนื่องจากหน่วยข่าวกรองของหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ จ.ยะลา รับรายงานว่าในห้วงระยะเวลา ตั้งแต่ 1620 ก.ย. เป็นต้นไป ฝ่ายตรงข้ามมีแผนการที่จะก่อเหตุความไม่สงบในหลายพื้นที่ของจ.ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส โดยพุ่งเป้าไปที่วัดวาอารามบ้านพักอาศัยของคนไทยพุทธส่วนพื้นที่จ.ยะลา จากการติดตามข่าวสารของหน่วยข่าวพบว่าฝ่ายตรงข้ามวางแผนที่จะเข้ามาก่อเหตุในเขตเทศบาลนครยะลา โดยมีเป้าหมายที่สถานบันเทิงในเขตเทศบาลนครยะลา


"โจรเปลี่ยนแผน"


เพื่อทำลายเศรษฐกิจในภาพรวมโดยมีการวางแผนกันในบ้านหลังหนึ่งในพื้นที่บ้านตือเบาะ ต.สะเตงนอก อ.เมือง จ.ยะลา โดยมีการวางตัวผู้ลงมือ ซึ่งเป็นกลุ่มเปอร์มูดอ และเปอร์มูดี โดยใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ ทำทีเป็นขับขี่เข้ามาเที่ยวตามจุดเป้าหมาย หากเจ้าหน้าที่หรือรปภ.เผลอก็จะฉวยโอกาสนำระเบิดแสวงเครื่องจุดชนวนด้วยมือถือขว้างเข้าใส่ตัวอาคารแล้วกลุ่มที่เหลือก็จะจุดระเบิดแบบเดียวกับที่เคยก่อเหตุอย่างที่ผ่านมา นอกจากคำเตือนหรือข่าวบอกเหตุให้ระมัดระวังแล้ว

ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานเพิ่มเติมด้วยว่า ขณะนี้กลุ่มก่อความไม่สงบเปลี่ยนแผนเดิมจากการที่เคยส่งสมาชิกแนวร่วมไปขโมยถังดับเพลิงมาประกอบเป็นภาชนะสำหรับบรรจุดินระเบิดแสวงเครื่องนั้น ขณะนี้ได้มีการปรับเปลี่ยนโดยคนร้ายหันมาใช้อุปกรณ์ขนาดเล็กลงแทน เนื่องจากถังดับเพลิงนั้น เจ้าหน้าที่รู้ทันแล้วและสั่งเก็บไว้ในที่ปลอดภัยหมดแล้วใน 3 จังหวัดชายแดนภาดใต้ และในขณะนี้หน่วยข่าวลับในต่างประเทศแจ้งว่า แกนนำของขบวนการหลายคนหายตัวไปจากบ้านพักประมาณ 1 อาทิตย์อย่างไร้ร่องรอย

นอกจากนี้ยังมีข่าวแจ้งเตือนทุกหน่วยงานในพื้นที่ภาคใต้ ว่า ให้ระวังการก่อเหตุร้ายรุนแรง จากบรรดาวัยรุ่นที่ผ่านการฝึกอบรมทางยุทธวิธี ซึ่งเป็นวัยรุ่นที่ถูกชักชวนเข้าร่วมอุดมการณ์มาก่อนหน้านี้ ซี่งการฝึกอบรมของวัยรุ่นดังกล่าวเป็นเป้าหมายของขบวนการเบอร์ซาตูที่ต้องการฝึกวัยรุ่นที่เข้าร่วมอุดมการณ์ให้ได้จำนวน 3,000 คน เป็นหน่วยคอมมานโดหรือเยาวชนปฏิวัติ และจะมีการแบ่งกำลังออกเป็น 3 พื้นที่ พื้นที่ละ 1,000 คน ซึ่งจะเข้าปฏิบัติการทางทหารในจ.ยะลา ปัตตานีและนราธิวาส ส่วนในจ.ยะลาอาจรวมไปถึงอ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา ด้วย และในจำนวนกองกำลัง 1,000 คน จะมีการแยกออกเป็นกลุ่มละ 10 คน รวม 100 กลุ่ม ซึ่งจะสอดคล้องกับจำนวนกลุ่ม


"คนร้ายซุ่มยิงผู้บริสุทธิ์"


ส่วนอีก 200 กลุ่ม อาจจะเป็นกลุ่มย่อยกลุ่มละ 5 คน ซึ่งมีหัวหน้า 200 กลุ่ม สำหรับกลุ่มย่อย 5 คน เมื่อรวมเป็นกลุ่มใหญ่จะได้ 10 คน จะมีหัวหน้ากลุ่ม 1 คน โดยจะมีการประสานกับผู้ว่าเขตในแต่ละจังหวัดใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมไปถึงหัวหน้าเขตอำเภอ ตำบล หมู่บ้านที่ได้มีการจัดตั้งจากขบวนการมาก่อนหน้านี้ โดยจะมีการรวมตัวแยกย้ายกันก่อเหตุครั้งใหม่ในปลายเดือนก.ย.นี้ ในรูปของการใช้ระเบิดเพลิง ระเบิดแสวงเครื่อง ทำลายทรัพย์สินของทางราชการและของภาคเอกชน รวมไปถึงการลอบทำร้ายข้าราชการท้องถิ่น ประชาชนบริสุทธิ์ อีกด้วย

เวลา 03.30 น. ร.ต.ต.สุนทร อัมโร ร้อยเวร สภ.ต.ลำใหม่ อ.เมือง จ.ยะลา รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ สภ.ต.ลำใหม่ ว่าเกิดเหตุยิงกัน มีผู้ได้รับบาดเจ็บที่บริเวนริมถนนในหมู่บ้าน หมู่ 2 บ.น้ำเย็น ที่เกิดเหตุพบรถจักรยานยนต์ล้มอยู่จำนวน 1 คัน ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บพลเมืองดีช่วยกันนำส่งโรงพยาบาลศูนย์ยะลาไปก่อนหน้าแล้ว ทราบชื่อคือนายตูวันลี กูบูละ อายุ 54 ปี อยู่บ้านเลขที่ 27 หมู่ 2 ต.ลำใหม่ อ.เมือง จ.ยะลา โดยถูกยิงเข้าที่บริเวณใต้หัวเข่าซ้าย 1 นัด และรอยกระสุนถากที่บริเวณหน้าแข้งซ้าย ได้รับบาดเจ็บ โดยในที่เกิดเหตุไม่พบปลอกกระสุน

สอบสวนทราบว่าขณะที่นายตูวันลี ขี่จักรยานยนต์ไปกรีดยางเป็นประจำตามปกติ เมื่อขี่รถจยย.มาถึงจุดที่เกิดเหตุ มีคนร้ายไม่ทราบจำนวนซุ่มอยู่ในกอหญ้าริมข้างทางถนน แล้วใช้อาวุธปืนไม่ทราบขนาดยิงใส่จำนวน 2 นัด จนนายตูวันลีได้รับบาดเจ็บดังกล่าว เบื้องต้นเจ้าหน้าที่เชื่อว่า น่าจะเป็นฝีมือของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่ที่ต้องการสร้างสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง


"เจอระเบิดอีกแล้ว"


เวลา 11.00 น. พ.ต.อ.วิโรจน์ พานิชผล ผกก.สภ.อ.จะแนะ จ.นราธิวาส แจ้งว่า พบวัตถุต้องสงสัยสันนิษฐานเป็นวัตถุระเบิด ตั้งแขวนไว้ที่บริเวณกิ่งต้นปาล์ม บริเวณบ้านยะหอ หมู่ 10 ต.บองอ จึงประสานไปยัง พ.ต.ท.สุกิจ ขำมาก สารวัตรหน่วยปฏิบัติการพิเศษ จ.นราธิวาส ซึ่งเป็นหัวหน้าชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด จัดกำลังชุดเก็บกู้ ตำรวจและทหารจำนวนหนึ่งไปตรวจสอบยังจุดเกิดเหตุ

ที่เกิดเหตุ เป็นแปลงสาธิตการเกษตรตัวอย่าง หน้าบ้านเลขที่ 54 หมู่ 10 ต.บองอ ซึ่งมีนายอาลียะ นิยีบีดี ไม่ทราบอายุ ตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านยะหอ โดยวัตถุดังกล่าวห่อด้วยพลาสติกสีดำ แขวนไว้บนกิ่งไม้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ตัดสัญญาณโทรศัพท์มือถือทุกระบบ เพื่อป้องกันคนร้ายจุดชนวนระเบิดในรัศมี 300 เมตร ก่อนที่จะนำเครื่องยิงแรงดันน้ำ ยิงทำลายใช้เวลาประมาณ 20 นาที จึงเก็บกู้ไว้ได้เป็นผลสำเร็จ

ตรวจสอบพบเป็นวัตถุระเบิดแสวงเครื่อง บรรจุในหม้อหูช้างทรงกลม สีเหลือง ซึ่งมีส่วนประกอบวัตถุระเบิด ปุ๋ยแอมโมเนียไนเตรด เหล็กหุนตัด เศษตะปู สายเชื้อปะทุ ฝักแค เศษเหล็กแผ่น โทรศัพท์มือถือสภาพดี ยี่ห้อรุ่นโนเกีย 3310 ซิมโทรศัพท์มือถือ ที่คนร้ายได้กดชนวนใช้งาน แต่ระเบิดไม่สมบูรณ์ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้เก็บรวบไว้เป็นหลักฐาน


"ตั้งไว้สองระบบ โชคดีวงจรระเบิดขัดข้อง"


สอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ ร.ท.ดำรง พลเด่น ผบ.หมวด ร้อยร.1312 ฉก.34 นำกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร 1 ชุด ขึ้นรถยนต์ฮัมวี่ เพื่อจะไปช่วยชาวบ้านในการสาธิตการเกษตรในพื้นที่ และเมื่อเจ้าหน้าที่ทหารได้ลงไปในบริเวณแปลงสาธิต สังเกตเห็นวัตถุระเบิดที่แขวนไว้บนกิ่งต้นปาล์ม ขณะเดียวกันได้มีเสียงระเบิดขึ้น 1 ครั้ง แต่ไม่แตกกระจาย จึงไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ

พ.ต.ท.สุกิจเผยว่า คนร้ายตั้งจุดชนวนระเบิดใน 2 รูปแบบ คือในลักษณะตั้งเวลาดิจิตอลในมือถือเป็นตัวกดชนวน และใช้สัญญาณผ่านโทรศัพท์มือถือในการกดชนวนระเบิด ซึ่งพบว่า เสียงระเบิดครั้งแรกที่เกิดขึ้น มาจากการทำงานของนาฬิกาดิจิตอลในมือถือ แต่โชคดีที่การต่อวงจรระเบิดไม่สมบูรณ์ จึงเกิดระเบิดในวงแคบในรัศมีไม่เกิน 1 เมตร น้ำหนักวัตถุระเบิดประมาณ 10 ก.ก. ทำให้เจ้าหน้าที่รอดชีวิตอย่างหวุดหวิด เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สันนิษฐาน คนร้ายพยายามก่อเหตุร้ายเพื่อแสดงศักยภาพต่อกรอำนาจรัฐอีกครั้ง หลังจากหยุดก่อเหตุป่วนใต้ระยะสั้นในช่วงที่ผ่านมา

นายประชา เตรัตน์ ผวจ.นราธิวาส เปิดเผยว่า มีกลุ่มผู้ไม่หวังดีโปรยใบปลิวข่มขู่ในพื้นที่ อ.เจาะไอร้อง ระแงะ ยี่งอ บาเจาะ และอ.รือเสาะ โดยพิมม์ด้วยอักษรคอมพิวเตอร์ เป็นภาษาไทย ปรินต์ด้วยเครื่องเลเซอร์ ข้อความลักษณะข่มขู่เอาชีวิตเจ้าหน้าที่และข้าราชการของรัฐ จากการตรวจสอบพบ ยอมรับว่า มีการโปรยใบปลิวในพื้นที่จริง ซึ่งมีข้อมูลบางส่วนพบมีข้าราชการและเจ้าหน้าที่บางคนไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับคนร้ายในการอำนวยความช่วยเหลือ ซึ่งตนมีรายชื่อข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐ ที่ไปมีส่วนเกี่ยวข้องแล้ว และขอฝากเตือนให้กลับใจเสีย ซึ่งหากพบว่ายังไม่กลับใจในเร็ววันนี้ จะสั่งการเอาผิดตามวินัยอย่างแน่นอน


"อีกแล้ว ยิงเจ้าของร้านขายของ ลวง จนท. โดนระเบิดที่ซุกไว้"


เวลา 11.25 น. ร.ต.ท.ไชยยศ พฤฒิพงศ์พาณิชย์ ร้อยเวร สภ.อ.เมืองยะลา รับแจ้งจากศูนย์รวมข่าว 191 สภ.อ.เมืองยะลา ว่ามีผู้ถูกยิงได้รับบาดเจ็บ พลเมืองดีนำส่งโรงพยาบาลศูนย์ยะลา เหตุเกิดที่ร้านขายของชำตรงสามแยกบ้านเนียง ต.เปาะเส้ง ที่เกิดเหตุเป็นบ้านเลขที่ 37 หมู่ 4 ต.เปาะเส้ง อ.เมืองยะลา ซึ่งเปิดเป็นร้านขายของชำตั้งอยู่ตรงสามแยกบ้านเนียง เจ้าหน้าที่พบเพียงกองเลือดที่บริเวณหน้าบ้าน ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลศูนย์ยะลา

ทราบชื่อคือ นางกฤตกา บุญรักษ์ อายุ 43 ปี เจ้าของร้าน ถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบขนาดเข้าที่ศีรษะ 2 นัด ลำตัวด้านขวา 2 นัด และต้นแขนขวา 1 นัด อาการสาหัส และเสียชีวิตลงเมื่อเวลา 12.45 น. จากนั้นเจ้าหน้าที่ต้องกันชาวบ้านให้ออกห่างจากจุดเกิดเหตุ เนื่องจากเกรงว่าอาจจะเกิดเหตุระเบิดขึ้น โดยชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดตัดสัญญาณโทรศัพท์มือถือ เจ้าหน้าที่จากกองวิทยาการเขต 45 เข้าหาหลักฐาน

ต่อมาเวลา 12.55 น. ขณะที่เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดและเจ้าหน้าที่จากกองวิทยาการเขต 45 ยะลา รวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจ กำลังหาหลักฐานในที่เกิดเหตุได้เกิดระเบิดขึ้นในร้านดังกล่าว ห่างจากจุดกองเลือดของนางกฤตกาเพียง 2 ฟุต เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ที่กำลังเก็บวัตถุพยานบาดเจ็บทันที 7 นาย ถูกนำส่งโรงพยาบาลศูนย์ยะลา ประกอบด้วย ด.ต.พิณ จันทร์งาม อายุ 45 ปี ตร.ชุดสืบสวนสอบสวน สภ.อ.เมือง ถูกสะเก็ดระเบิดที่แขนซ้าย ด.ต.นิรันต์ ขุนปราบ อายุ 49 ปี จนท.วท.45 ถูกสะเก็ดระเบิดที่แขนซ้าย พ.ต.ต.วิรัตน์ ดำคง สวป.สภ.อ.เมืองยะลา จ.ส.ต.พงศ์ชา สูติถิพันธุ์ ตร.สภ.อ.เมือง จ.ส.ต.ทองเล็ก จุลเทพ ตร.วท.45 บาดเจ็บมีอาการหูอื้อทั้งสองข้าง และร.ต.ท.ไชยยศ พฤฒิพงศ์พาณิชย์ ร้อยเวร สภ.อ.เมืองได้รับบาดเจ็บที่ข้อเท้าซ้าย ทั้งหมดแพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้


"คาดต้องการลวง จนท. ให้โดนระเบิด"


จากการตรวจสอบในที่เกิดเหตุพบเศษกล่องเหล็กที่คาดว่าใช้บรรจุระเบิด เศษโทรศัพท์โนเกีย รุ่น 3310 พ่วงต่อกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เศษเหล็กตัดเป็นท่อนขนาด 1 ซ.ม. กระจายเป็นวงกว้าง และถ่านไฟขนาด 9 โวลต์ จึงเก็บทั้งหมดไว้เป็นหลักฐาน เบื้องต้นเชื่อว่าคนร้ายมุ่งหวังจะสังหารเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ แต่ด้วยแรงระเบิด ซึ่งไม่รุนแรงจึงทำให้เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ส่วนระเบิดคาดว่าน่าจะเป็นชนิดแสวงเครื่องจุดชนวนด้วยเครื่องโทรศัพท์มือถือ แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่า เป็นการตั้งเวลาจากเครื่องโทรศัพท์หรือจุดชนวนด้วยการโทร.

ที่กระทรวงมหาดไทย พล.อ.อ.คงศักดิ์ วันทนา รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์กรณีกระแสข่าวรัฐบาลจะตั้งโต๊ะเจรจาลับกับกลุ่มต่างๆ ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า ในส่วนของความมั่นคงไม่มีการพูดถึงเรื่องนี้ มีนโยบายที่แน่นอนว่า จะไม่มีการดำเนินการในเรื่องนี้ ไม่มีการพูดถึงความเป็นไปได้ ส่วนข่าวนี้เกิดขึ้นอย่างไรไม่ทราบ ยังงงอยู่ว่ามาได้อย่างไร ต้องไปศึกษาก่อน

ผู้สื่อข่าวถามว่า ช่วงใกล้เดือนรอมฎอน มีรายงานว่าจะมีการก่อเหตุหรือไม่ พล.อ.อ.คงศักดิ์กล่าวว่า ขณะนี้มอบหมายให้ผบ.ทบ.รับผิดชอบโดยตรง เพราะฉะนั้น แนวทางในการรักษาความสงบ การเช็กข่าวต่างๆ ผบ.ทบ.จะเป็นผู้ดำเนินการ กระทรวงมหาดไทยจะให้ความร่วมมือทุกครั้งที่มีการร้องขอมา


แหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ข่าวสด

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์