ด่าจ่ายักษ์-เด็กแร็พ พัลลภโต้!นายใหญ่ก็คือแม้ว

ย้อนเกล็ดคำซัดทอดจสอ.ตร.ทดลองทำคาร์บอมบ์ ต่อวงจรเหมือนกับเปี๊ยบพอกดรีโมต-ระเบิดแหลก


"พัลลภ"โต้ไม่เคยคิดปฏิวัติ จะเอากำลังทหารที่ไหนไปปฏิวัติ มีแต่ทหารลูกน้องหน้าห้อง โวยลั่นจ่ายักษ์เป็นแค่จ่าเป็นแค่พลขับ เขารู้กันทั้งกอ.รมน.ว่าจ่ายักษ์ติงต๊อง ชอบทำตัวเป็นผู้ร้ายในหนังฝรั่ง โกนหัวทำท่าทางและแต่งตัวเป็นแร็พ ใครให้มันร่วมงานคาร์บอมบ์ก็บ้าแล้ว ขณะที่ตำรวจบุกเรือนจำทหารที่นครปฐมสอบเพิ่มทั้ง"ร.ท.ธวัชชัย-เสธ.ตี๋-พ.ท.มนัส" ทีมตร.ทดลองระเบิดคาร์บอมบ์ ใช้เก๋งซุกระเบิดแบบคาร์บอมบ์ที่บางพลัดแต่ลดขนาดลง 1 ต่อ 4 ใช้รีโมตรถบังคับกดระยะห่าง 150 เมตรตูมสนั่นหวั่นไหว รัศมีทำลายล้าง 100 เมตรทีเดียว

จากกรณีคดีคาร์บอมบ์ลอบสังหารพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งนอกจากร.ท.ธวัชชัย กลิ่นชะนะ ช่วยราชการกอ.รมน. ที่ถูกจับในวันเกิดเหตุคารถเก๋งแดวูบรรทุกระเบิดแล้ว กองปราบฯ ได้ออกหมายเรียกแจ้งข้อหาไปยังทหารอีก 4 นาย โดยมีพ.ท.มนัส สุขประเสริฐ เข้ามอบตัวเป็นคนแรก จากนั้นพล.ต.ไพโรจน์ ธีระภาพ พ.อ.สุรพล สุประดิษฐ์ หรือเสธ.ตี๋ และจ.ส.อ.ชาคริต จันทระ หรือจ่ายักษ์ ก็เข้ามอบตัวตามนัดหมาย อย่างไรก็ตาม พล.ต.ไพโรจน์นั้นศาลทหารอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว ส่วนพ.อ.สุรพลนั้นถูกส่งเข้าเรือนจำทหาร จ.นครปฐม เช่นเดียวกับพ.ท.มนัส และร.ท.ธวัชชัย

ส่วนจ่ายักษ์ 1 ในกลุ่มผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ โดยเปิดปากซัดถึงพล.อ."พ" นายใหญ่เป็นคนบงการสั่งระเบิดสังหารนายกฯ มีนายทหารร่วมอีกหลายนาย อาทิ พล.ต."ส" พล.ต."ต" และพ.อ."บ" ระบุพ.อ.สุรพลเป็นคนติดต่อให้ร่วมขบวนการ ให้ค่าจ้าง 1 แสนบาท นัดประชุมวางแผนกันที่สนามกอล์ฟทบ.วันที่ 8 ส.ค. มีพล.อ."พ" มานั่งสั่งการเอง กำชับต้องฆ่านายกฯ เพื่อทำลายระบอบทักษิณให้ได้ หลังแผนคาร์บอมบ์ล่มก็เตรียมแผน 2 ใช้อาร์พีจีถล่มแต่ก็ไม่ทันได้ลงมือ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น


ผบช.ก.ชี้มีข่าวคลาดเคลื่อน


เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 11 ก.ย. ที่กองปราบปราม พล.ต.ท.มนตรี จำรูญ ผบช.ก. พล.ต.ต.วินัย ทองสอง ผบก.ป. ร่วมแถลงผลความคืบหน้าคดีลอบวางระเบิดสังหารพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี ว่า ตลอดเวลาที่คณะพนักงานสอบสวนได้ร่วมกันทำคดีนี้มา จะไม่ให้ข่าวที่เกินกว่าที่ได้รวบรวมพยานหลักฐานได้มา เราไม่เคยให้ข่าวล่วงหน้า แต่ขณะนี้ข่าวที่ออกมา อยากให้เข้าใจว่าทำให้เกิดความสับสนอย่างมากจึงต้องชี้แจง และพนักงานสอบสวนไม่ได้เอาความลับไปเปิดเผยหรือทำให้กระทบกับผู้อื่นที่อาจไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง

ข่าวที่มีการนำเสนอทางสื่อบางส่วนไม่ใช่สิ่งที่พนักงานสอบสวนดำเนินการ เช่น กรณีที่ระบุว่ามีทหารยศนายพลเข้ามาเกี่ยวข้องเพิ่มเติม มีผู้ที่เกี่ยวข้องในคดี 7-8 คน รวมทั้งมีรถตรากงจักร สิ่งต่างๆ เหล่านี้ทำให้เกิดความสับสน โดยพนักงานสอบสวนตกลงกันในที่ประชุมว่า จะมีผู้ให้ข่าวกับสื่อมวลชนเพียง 4 คน ประกอบด้วย ตน, พล.ต.ต.เจตน์ มงคลหัตถี รองผบช.น., พล.ต.ต.อัศวิน ขวัญเมือง รองผบช.ก. และ พล.ต.ต.วินัย ทองสอง ผบก.ป.

พล.ต.ท.มนตรี กล่าวต่อว่า สำหรับข่าวที่สื่อมวลชนได้รับ ขอให้อย่าเชื่อว่าเป็นจริงทั้งหมด โดยไม่กลั่นกรองก่อนนำเสนอ หรือไปเชื่อแหล่งข่าวทันที เพราะจะทำให้เกิดความสับสน คดีนี้มีสื่อทุกแขนงเฝ้าติดตามความคืบหน้าทุกวัน จึงเป็นไปไม่ได้ที่มีการแถลงข่าวได้ทุกวันต้องขอเวลาให้พนักงานสอบสวนได้ทำงานบ้าง และตนไม่คิดที่จะปฏิเสธไม่ให้ข่าว แต่จะให้ข่าวเท่าที่จำเป็น และเป็นระยะๆ เมื่อคดีมีความคืบหน้าแล้วเท่านั้น จนถึงขณะนี้ยังคงมีผู้ต้องหาในคดีเพียง 5 ราย ส่วนพยาน หลักฐานที่ได้มาเพิ่มเติม ต้องขอเวลาตรวจสอบและวิเคราะห์ความเกี่ยวข้องว่าเชื่อมโยงกับคดีได้หรือไม่ สำหรับกรณีที่จะมีผู้เกี่ยวข้องเพิ่มเติมนอกจากนี้ยังไม่สามารถคาดการณ์ได้


บุกคุก-สอบเพิ่ม"ร.ท.-พ.ท.-พ.อ."


ด้านพล.ต.ต.เจตน์ มงคลหัตถี กล่าวถึงข่าวที่ว่าจะมีการออกหมายเรียกทหารยศจ่า สังกัดหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ จ.ลพบุรี จำนวน 2 นาย ที่ถูกระบุว่าเป็นผู้ประกอบระเบิดนั้น ว่า เป็นเพียงข่าวโคมลอย ตนขอยืนยันว่ายังไม่มีการพิจารณาออกหมายเรียกหรือหมายจับบุคคลใดเพิ่มเติม ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ที่ได้เพิ่มเติม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับข่าวที่ได้หลุดไปยังสื่อมวลชนนั้น ได้สร้างความไม่พอใจให้กับผู้บังคับบัญชาระดับสูงเป็นอย่างยิ่ง ถึงกับออกมาคาดคั้นกับสื่อมวลประจำกองปราบปรามว่า มีใครเป็นผู้ให้ข่าว หรือข่าวดังกล่าวเล็ดลอดไปจากใคร ทั้งๆ ที่ข่าวที่เกิดขึ้นต่างไม่มีใครออกมาปฏิเสธว่าทั้งหมดไม่เป็นความจริง

วันเดียวกัน พ.ต.อ.ประพนธ์ แกลโกศล รอง ผบก.น.9 พร้อมด้วยพนักงานสอบสวนจำนวนหนึ่งได้เดินทางไปที่เรือนจำทหารมณฑลทหารบกที่ 11 ที่จังหวัดนครปฐม เพื่อเข้าทำการสอบปากคำ ร.ท.ธวัชชัย กลิ่นชะนะ พ.ท.มนัส สุขประเสริฐ และพ.อ.สุรพล สุประดิษฐ์ ผู้ต้องหาทั้ง 3 นาย ที่ยังคงถูกควบคุมตัวไว้ในเรือนจำดังกล่าว เพื่อทำการสอบปากคำยืนยันคำให้การเป็นครั้งสุดท้าย แม้นที่ผ่านมาผู้ต้องหาทั้งสามคนจะให้การปฏิเสธมาโดยตลอด ภายหลังจ.ส.อ.ชาคริต จันทระ หรือจ่ายักษ์ ให้การรับสารภาพ พร้อมกับมีการซัดทอดไปยังผู้ร่วมขบวนการรายอื่น ทางพนักงานสอบจึงต้องเดินทางไปทำการสอบปากคำผู้ต้องหาทั้งสาม ในประเด็นต่างๆ จากคำให้การของจ.ส.อ.ชาคริต โดยผลการสอบปากคำนั้นไม่เป็นที่เปิดเผย


ตร.ยังไม่เจอปิคอัพขนอาวุธ


ส่วนผลการสืบสวนติดตามหารถยนต์กระบะ ยี่ห้อนิสสัน รุ่นฟรอนเทียร์ สีบรอนซ์ ทะเบียนตรากงจักร ตามที่จ.ส.อ.ชาคริตได้ให้การไว้ว่าเป็นรถยนต์อีกคันหนึ่งที่ถูกนำมาใช้ร่วมขบวนการแผนลอบสังหารนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้ด้วยนั้น เป็นรถปิคอัพคันที่ขนอาวุธสงครามนั้น มีรายงานจากกำลังที่ส่งออกไปติดตามรถยนต์คันดังกล่าวว่ากำลังชุดแรกได้ไปตรวจสอบที่บ้านพักหลังหนึ่งในเขตท้องที่อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ในเบื้องต้นพบว่าเป็นบ้านเดี่ยวตั้งอยู่กลางทุ่ง กำลังส่งไปเฝ้าจุดได้รายงานเข้ามาว่าไม่พบคนอยู่ในบ้าน และไม่พบความเคลื่อนไหวใดๆ ทั้งสิ้น โดยได้มีการสอบถามจากชาวบ้านในละแวกใกล้เคียงทราบว่า มีคนเคยเห็นรถยนต์คันดังกล่าวจริง แต่ไม่เห็นมาหลายวันแล้วตั้งแต่เกิดคดีนี้ขึ้น ส่วนกำลังอีกชุดหนึ่งที่ส่งไปตรวจสอบที่บ้านพักในค่ายทหารแห่งหนึ่งในเขตกทม. แต่ก็ยังไม่พบความคืบหน้า จึงเชื่อว่าน่าจะเป็นรถยนต์ที่ถูกนำมาใช้สวมทะเบียนของราชการ เนื่องจากตรวจสอบแล้วทราบว่าในกองทัพไม่มีการนำรถยนต์ รุ่น และสีดังกล่าวเข้ามาใช้ในราชการแต่อย่างใด คาดว่าน่าจะเป็นในลักษณะเดียวกันกับรถยนต์ของจ.ส.อ.ชาคริตที่มีการยืมรถของกลางในคดีของสำนักงานป.ป.ส. เข้ามาใช้ในงานราชการลับก็เป็นได้ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่คาดว่าน่าจะมีการทำลายหลักฐานรถปิคอัพคันนี้ไปแล้ว หลังจากที่มีการยึดรถของจ่ายักษ์มาตรวจสอบ

ส่วนข่าวเรื่องมือประกอบระเบิด เบื้องต้นมีรายงานว่าเป็นเจ้าหน้าที่ทหารระดับ "จ่า"ของหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ จ.ลพบุรี ซึ่งในเรื่องดังกล่าวได้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว ทราบว่าทั้งสองนาย คือ จ่า "อ." และ จ่า "ร." แต่เนื่องจากรายละเอียดทั้งหมดเป็นแต่เพียงคำให้การซัดทอด จึงเป็นเรื่องยากที่ผู้ถูกกล่าวหาจะยอมรับสารภาพได้โดยง่าย ทางพนักงานสอบสวนจึงอยู่ในระหว่างการเสาะหาพยานหลักฐานมาเพิ่มเติม เพื่อยืนยันคำให้การดังกล่าว


ตร.ทดลองประกอบคาร์บอมบ์


รายงานเปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 9 ก.ย. ที่ผ่านมา คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนนำโดยพ.ต.อ.ปรีชา ธิมามนตรี รองผบก.หัวหน้าศูนย์สืบสวน บช.น. ที่เข้ามารับผิดชอบวิเคราะห์ข้อมูลในคดีนี้ พ.ต.ท.กำธร อุ่ยเจริญ สว.กลุ่มงานเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด บก.ตปพ. พร้อมกำลังชุดพนักงานสอบสวน และศูนย์ข้อมูลกองปราบปราม ได้ประสานไปยังหัวหน้าหน่วยทหารแห่งหนึ่งในจ.นครสวรรค์ เพื่อขอทำการทดสอบระเบิด ที่ได้จำลองมาจากระเบิดของกลางที่ถูกย่อส่วนลงมาขนาด 1 ต่อ 4 โดยเป็นระเบิดชนิดเดียวกันกับที่คนร้ายใช้ในรถแดวูคันใช้ก่อเหตุ

รายงานเปิดเผยต่อว่า การทดสอบในครั้งนี้ได้มีการนำรถยนต์เก่ามาเป็นตัวทดสอบ โดยมีการใช้อุปกรณ์ระเบิดประกอบด้วยระเบิดซีโฟร์ 0.8 ปอนด์ ระเบิดทีเอ็นที 2 ปอนด์ สารเอ็นโฟที่มีส่วนประกอบของสารยูเรียผสมกับน้ำมันดีเซล 16.8 ก.ก. ฝักแคชนิดเอ็ม 7 เชื้อประทุไฟฟ้าทางทหารชนิดเอ็ม 6 และกระสอบทราย โดยชุดทดสอบได้มีการไปใช้พื้นที่บริเวณที่โล่งภายในค่าย โดยมีการจัดหารถเก๋งเก่าคันหนึ่งเตรียมไว้แล้ว จากนั้นพ.ต.ท.กำธรได้นำส่วนประกอบระเบิดย่อส่วนที่เตรียมไว้เข้าประกอบใส่ไว้ภายในรถ โดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ในการประกอบระเบิด และวงจรต่างๆ จึงแล้วเสร็จ

จากการทดสอบดังกล่าวได้ใช้วงจรจุดระเบิด เป็นแบบคลื่นสั้นของรถบังคับวิทยุ นำมาติดไว้บริเวณใต้ที่นั่งคนขับเช่นเดียวกันกับที่พบในรถยนต์แดวูของกลาง หลังจากเตรียมการแล้วร้อยแล้วยังได้กันเจ้าหน้าที่ที่มาร่วมตรวจสอบให้ห่างออกไปจากจุดทดลองประมาณ 300 เมตร ส่วนผู้ที่รับหน้าที่จุดระเบิดด้วยการใช้รีโมตคอนโทรล คือ พ.ต.ท.กำธรที่ต้องมายืนอยู่ห่างจากรถที่ใช้ทดสอบประมาณ 150 เมตร


กดรีโมต-ตูมสนั่นหวั่นไหว


รายงานข่าวแจ้งอีกว่า เมื่อการทดสอบพร้อมเรียบร้อยแล้วทุกคนประจำที่ พ.ต.ท.กำธรซึ่งยืนอยู่ห่างจากคาร์บอมบ์ประมาณ 150 เมตร ได้กดรีโมตคอนโทรล ทำให้วงจรระเบิดทำงานจนเกิดเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว ทำให้สภาพตัวถังรถเก่าที่ถูกนำมาทดสอบ โดนแรงระเบิดฉีกกระจายออกเป็นชิ้นๆ เหลือเพียงแต่เพียงแชสซีกับเครื่องยนต์เท่านั้น ส่วนผลของการตรวจสอบแรงระเบิดในครั้งนี้ พบว่ามีระยะทำลายประมาณ 100 เมตร เมื่อนำมาคำนวณเข้ากับขนาดระเบิดที่คนร้ายนำมาใช้ จะมีรัศมีการทำลายล้างถึง 500 เมตร

นอกจากนี้ยังทราบอีกว่า แรงระเบิดดังกล่าวจะมีอานุภาพทำลายทั้งจากแรงอัด เนื่องจากประกอบด้วยสารเอ็นโฟ ซีโฟร์ และทีเอ็นที เป็นระเบิดความดันสูง มีอำนาจการฉีกทำลายรุนแรง ทำให้วัตถุต่างๆ ที่อยู่ในรัศมีฉีกขาด และเป็นสะเก็ดระเบิดจำนวนมหาศาล เมื่ออยู่ในที่ชุมชนหรือที่สาธารณะเช่นในจุดเกิดเหตุ


ยันไม่มีบิ๊กทหารโทร.ด่าตร.


ที่สภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือสมช. พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ ถึงกรณีที่มีการระบุว่า มีนายทหารระดับสูงโทรศัพท์เข้าไปต่อว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจในเรื่องการนำผู้ต้องหาคดีคาร์บอมบ์ไปทำแผนจนต้องยกเลิกการทำแผนว่า ไม่มีการรายงานเรื่องความไม่พอใจของทหาร เพราะเป็นการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

ผู้สื่อข่าวถามว่า เกรงหรือไม่ว่าเรื่องนี้อาจจะบานปลาย กลายเป็นความขัดแย้งระหว่างสถาบัน พล.อ.ธรรมรักษ์กล่าวว่า คนที่มีความผิดก็ต้องมี คนที่ควรจะได้รับความยุติธรรมก็ต้องให้เขา

เมื่อถามว่า มีคนเป็นห่วงว่าจะเป็นการสร้างภาพลบในสถาบันทหาร รมว.กลาโหมกล่าวว่า ทุกสถาบันต้องมีคนทำความผิดได้ เป็นเรื่องปกติเราต้องมีหน้าที่ให้ความยุติธรรมเขา จึงให้นายทหารพระธรรมนูญเข้าไปดูแลทุกขั้นตอน ในส่วนของกอ.รมน.ก็มีรองนายกฯ เข้าไปดูแลแล้ว เพราะกอ.รมน.ไม่เกี่ยวกับรมว.กลาโหม เมื่อถามว่า มีการวิเคราะห์หรือไม่ว่าทำไมถึงมีการพาดพิงนายทหารระดับสูงหลายคน รมว.กลาโหม กล่าวว่า เป็นเรื่องของการสืบสวนสอบสวน ยังไม่มีการสรุป


"พัลลภ"โวยจ่ายักษ์ติงต๊อง


วันเดียวกัน พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีตรอง ผอ.รมน. ให้สัมภาษณ์หลังถูกจ.ส.อ.ชาคริต จันทระ หรือจ่ายักษ์ผู้ต้องหาในคดีคาร์บอร์มแฉ"นายใหญ่" วางแผนลอบสังหารนายกฯ ว่า ขณะนี้คนทั้งประเทศกำลังดูหนังที่แสนสนุก และยิ่งกว่าหนังจีนหนังอินเดียเสียอีก เพราะตำรวจและจ่ายักษ์ร่วมมือกันสร้างเรื่องขึ้นมา จ่ายักษ์เป็นแค่จ่าเป็นแค่พลขับ ถ้าจะทำงานใหญ่ระดับชาติจริง จะเอาพลขับมานั่งร่วมประชุมวางแผนด้วยหรือ บ้าเท่านั้นที่จะทำ เพราะเขารู้กันทั้งสำนักงานว่าจ่ายักษ์ติงต๊อง ชอบทำตัวเป็นผู้ร้ายในหนังฝรั่ง โกนหัวทำท่าทางและแต่งตัวเป็นแร็พ ถ้าใครไปให้มันร่วมงานด้วยก็บ้าแล้ว

อดีตรองผอ.รมน. กล่าวว่า ขณะนี้หนังกำลังสนุกให้รอดูกันต่อไป มันยิ่งกว่าหนังจีนหนังอินเดียเสียอีก เอาคำพูดจ่ายักษ์มาเป็นหลัก แล้วเอามันไปทำแผนรับสารภาพเหมือนถ่ายหนัง มันยิ่งชอบมันอยากเป็นผู้ร้ายอยู่แล้ว ถ้าตามหลักการข่าวลับและจะก่อการใหญ่ระดับนี้จะไม่เอาคนที่มีลักษณะเด่น อย่างจ่ายักษ์มาใช้งานแน่ เพราะไปไหนก็เด่นคนเห็นจำได้ตัวใหญ่หน้าตาอย่างนี้

ผู้สื่อข่าวถามว่าจ่ายักษ์อ้างว่างานนี้มีนายใหญ่เป็นผู้วางแผนทั้งหมด พล.อ.พัลลภกล่าวว่า ไม่รู้เรื่องการลอบสังหารอะไรทั้งสิ้นไม่รู้จริงๆ ตนไม่ใช่นายใหญ่ เพราะนายใหญ่ตัวจริงของกอ.รมน.คือพ.ต.ท.ทักษิณ ตนแค่รองผอ.รมน.เท่านั้น ฉะนั้นมีอะไรให้ไปถามพ.ต.ท.ทักษิณ เพราะเป็นนายใหญ่ของกอ.รมน. เขาต้องรับผิดชอบต่อกอ.รมน.ด้วย


ปฏิเสธลั่นไม่เคยคิดปฏิวัติ


เมื่อถามถึงข่าวการปฏิวัติ เมื่อแผนลอบสังหารไม่สำเร็จ ถึงขั้นมีการร่างคำแถลงการณ์ไว้ในคอมพิวเตอร์ที่กอ.รมน. พล.อ.พัลลภกล่าวว่า ใครจะบ้าไปเขียนคำแถลงการณ์อะไรไว้ เรื่องปฏิวัติก็ไม่เคยคิด ตนจะเอากำลังทหารที่ไหนไปปฏิวัติ มีแต่ทหารลูกน้องหน้าห้อง ฝ่ายอำนวยการเท่านั้น ไม่มีกองกำลังอะไรเป็นกองทัพเลย ขณะนี้อายุ 71 ปีแล้ว อยากใช้ชีวิตสบายๆ พักผ่อนตอนแก่ จะปฏิวัติไปทำไม จะต้องเอาตัวเข้าเสี่ยง ไปแลกขนาดนั้นเลยหรือ แค่คิดก็ไม่รู้จะทำยังไงแล้ว

ที่ท่าอากาศยานทหาร บน.6 พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ. กล่าวถึงกรณีตำรวจกองปราบปรามได้เตรียมทำหนังสือขอตัว 2 ทหารที่สังกัดหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ(นสศ.) มาสอบสวนเพิ่มเติมกรณีที่เกี่ยวพันกับคดีขนระเบิดลอบสังหารนายกรัฐมนตรี ว่า เรื่องนี้ตนยังไม่ทราบรายละเอียด ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจมีสิทธิที่จะเชิญตัวไปสอบสวนได้


แหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ข่าวสด

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์