ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 13 ต.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจ ชุดจับกุมได้นำตัวนายศิริพงศ์ กาญจนนิวิฐ อายุ 40 ปี ผู้ต้องหาคดีฆ่าหั่นศพ
มาทำแผนรับสารภาพภายในรถแท็กซี่ ซึ่งนำมาจอดอยู่บริเวณหน้าสน. โดยนายศิริพงษ์ มีอาการนิ่งเฉย ไม่ได้มีอาการเคร่งเครียดแต่อย่างใด จากนั้นทางเจ้าหน้าที่นำปืนที่ใช้ก่อเหตุคือปืนขนาด .357 โดยมีตำรวจหญิงนั่งเบาะหลังทางด้านขวาซึ่งอยู่ข้างหลังคนขับ และนำตุ๊กตา 2 ตัว มาเป็นตัวแทนเด็ก โดยเด็กผู้ชายนั่งกลาง และเด็กผู้หญิงนั่งซ้าย จากนั้นผู้ต้องหาซึ่งนั่งอยู่บริเวณคนขับได้นำอาวุธปืนที่ซ่อนไว้ที่ใต้เบาะนั่ง โดยใช้มือขวาจับปืน สอดปืนเข้าใต้แขนซ้าย เอี้ยวไปทางด้านหลังที่ผู้ตายนั่งอยู่ โดยไม่ให้ผู้ตายรู้ตัว ก่อนจะเหนี่ยวไก ไปจำนวน 7 นัด หลังจากนั้นนายศิริพงษ์ ก็เปลี่ยนลูกโม่อีกชุดก่อนจะเหนี่ยวไกอีก 7 นัด แต่กระสุนออกเพียง 4 นัด หลังจากนั้นก็ขับรถไปที่บ้านย่านบางบัวทอง ก่อนจะจัดการศพและนำไปทิ้ง
หลังจากทำแผนเสร็จทางเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาไปที่ทางด้านบนของสน. โดยพล.ต.ต.อำนวย กล่าวว่า ได้สอบปากคำผุ้ต้องหาเพิ่มเติมในประเด็นที่น่าสงสัย
ขณะเดียวกันได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ไปทำการสอบปากคำแม่ของผู้ต้องหาที่ปฏิบัติธรรมอยู่ที่วัด ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญว่าจะให้การสอดคล้องกับผู้ต้องหาหรือไม่ และประเด็นทรัพย์สินของผู้ตายซึ่งยังหาไม่เจอและยืนยันว่าเป็นการจับคนร้ายได้จริง ซึ่งมีนักข่าวช่อง 9 ซึ่งเป็นคนกลางได้ให้การเป็นพยานยืนยัน ส่วนเรื่องข่าวเรื่องผู้ต้องหาเป็นแก๊งยากูซ่านั้น ซึ่งไม่ทราบว่ามาจากไหนให้ไปถามคนที่ให้ข่าวเอง ทั้งนี้จากการสอบปากคำผู้ต้องหาได้ให้การให้การตรงกับน้องมินต์ถึง 90เปอร์เซ็น และขณะเดียวกันจะตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่สนามบินสุวรรณภูมิที่ผู้ตายลงจากเครื่องบินจนกระทั่งขึ้นรถแท๊กซี่ เพื่อเป็นหลักฐานในคดี ให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น และจะพยายามสรุปสำนวนคดีโดยเร็วที่สุด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการสืบสวนในทางลับของเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบว่า จากรอยสักของผู้ต้องหาและการสืบสวนที่ผ่านมานั้นคาดว่าผู้ต้องหาเคยเป็นหนึ่งในอดีตแก็งยามามูจิ ซึ่งเป็นแก๊งยากูซ่าชื่อดังที่ประเทศญี่ปุ่น โดยมีการแพร่ขยายเข้ามาหากินในประเทศไทย มีพฤติกรรมเหี้ยมเกรียมคอยเรียกค่าคุ้มครองรีดไถ่ หรือ ค่าผ่านทาง กับบุคคลที่เข้ามาทำธุรกิจในประเทศไทย โดยกลุ่มแก๊งยามามูจิ จะมีสัญลักษณ์ของกลุ่มแก๊งซึ่งเป็นการสักด้วยลวดลายที่ซับซ้อน ที่บริเวณลำตัวท่อนแขน