เค้นสอบมูลเหตุจงใจสังหารโหดแม่-ลูกหลังให้การขัดน้องมินท์

เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 14 ต.ค. พล.ต.ต.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบช.น.กล่าวถึงกรณีนายศิริพงษ์ กาญจนนิวิฐ อายุ 40 ปี

ผู้ต้องหาฆ่านางสาวสุนันท์ ศรีสุวรรณ หรือ มาคิโน อายุ 38 ปี เสียชีวิตก่อนนำศพไปทิ้งในพื้นที่ลาดหลุมแก้ว และนำศพ "น้องโช" มาคิโน บุตรชาย อายุ 5 ขวบ ที่เกิดจากสามีชาวญี่ปุ่น ไปชำแหละและนำศพไปทิ้งย่านตลิ่งชัน ติดต่อเข้ามอบตัวเมื่อวันที่ 13 ตุลาคมที่ผ่านมา ว่า จากการสอบสวนเชื่อว่าผู้ต้องหาเป็นผู้ก่อเหตุ 1,000 เปอร์เซ็นต์ ส่วนประเด็นน่าจะเป็นเรื่องการฆ่าชิงทรัพย์มากกว่า ส่วนประเด็นที่ว่าถูกผู้ตายด่าทอต่อว่านั้น ไม่น่าจะใช้เพราะน้องมินท์ ลูกสาวผู้ตายที่เกิดกับสามีคนแรกก็เล่าไปอีกอย่าง โดยบอกว่าชิงทรัพย์แม่หนู ซึ่งลักษณะที่พูดบางช่วงก็คล้ายกัน บางช่วงใกล้กันแต่นายศิริพงษ์อาจมีการพูดเสริมต่อเติมไปบ้างในบางจุด สำหรับการยิงผู้ต้องหายิงโดยที่หันหลังให้และมือหนึ่งก็ขับรถ ซึ่งผู้ต้องหามีความรู้เรื่องการใช้ปืน เคยเป็นนักยิงปืนของกองปราบอาสา ส่วนการใส่ลูกโม่ที่มีการโหลดลูกโม่ได้เร็วมากนั้น เนื่องจากใช้สปีดโหลดเดอร์ทำให้ใส่ได้ครั้งละ 6-7 ลูกได้เลย

เมื่อถามว่าทำไมถึงไม่ไปมอบตัวกับตำรวจเอง รอง ผบช.น.กล่าวว่า สอบถามแล้วเชื่อว่ากลัวว่าจะไม่ปลอดภัยจึงมอบตัวผ่านสื่อ

ซึ่งทางคุณแม่ของนายศิริพงษ์ก็บอกให้เข้าไปมอบตัว อย่างไรก็ตาม ผู้ตายไม่ได้ยอมรับ 100 เปอร์เซ็นต์แต่แรก พยายามเล่าเรื่องเท็จผสมกับเรื่องจริง โดยบางส่วนก็ตรวจสอบแล้วเป็นจริงทั้งเรื่องการไปรับผู้ตายที่สนามบิน มีดที่อยู่บ้านพัก รถที่บ้านพักก็พูดตรง ในส่วนของศพเด็กนั้นหลังจากมีการชำแหละแล้วผู้ต้องหาอ้างว่านำถุงใส่แยกในถุงดำ 4 ถุง ส่วนข้อมือเด็กที่ยังหาไม่พบอยู่ในถุงสีขาวของร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่น ซึ่งก็บอกว่านำไปทิ้งริมถนน แต่ที่พบศพห่างจากจุดน่าจะมีคนนำไปทิ้งรวมกับกองขยะด้านใน

พล.ต.ต.จักรทิพย์กล่าวอีกว่า ในส่วนของผู้บาดเจ็บอีกคนคือ น้องมินท์ เบื้องต้นอาการปลอดภัย

แต่เป็นห่วงในเรื่องสุขภาพจิตมากกว่า เพราะเด็กอายุ 13 ปีเจอแบบนี้ก็รับไม่ไหว เมื่อวานนี้ก็นำรูปน้องชายให้ดู ซึ่งก็จำเป็นเพราะจะได้ยืนยันว่าเป็นน้องชายหรือไม่ น้องมินท์เมื่อเห็นก็ร้องไห้และยืนยันว่าเป็นคนเดียวกัน ส่วนที่รอดมาได้เนื่องจากร้องขอชีวิต


ด้านพล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น.กล่าวว่า ตำรวจได้ลงพื้นที่ลงคดีนี้อย่างเต็มที่ โดยการเข้ามอบตัวในครั้งนี้ที่สอบปากคำเมื่อคืนนี้

ก็ได้รับทราบสาเหตุที่ติดต่อมอบตัวว่า ตำรวจมีการพยายามโยงเรื่องศพผู้หญิงที่พบในพื้นที่ จ.ปทุมธานี และคดีหั่นศพเด็กพื้นที่ สน.ตลิ่งชัน เข้าด้วยกัน ก็เลยตกใจว่าตำรวจมาถูกทางเลยเล่าเรื่องให้มารดาฟัง ซึ่งมารดาก็เกลี้ยกล่อมให้เข้ามอบตัว โดยก่อนเข้ามอบตัวก็ไปเล่าให้พี่สาวอดีตภรรยาฟังเหตุผลที่เล่าให้ฟังจะได้ฝากฝังลูกตนเองไม่ใช่ลูกผู้ตาย ซึ่งการเข้ามอบตัวผู้ต้องหานำปืนกระบอกที่ใช้ก่อเหตุมาด้วย โดยตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าเป็นปืนที่มาจากกระบอกเดียวกัน ซึ่งจะเอาไปตรวจพิสูจน์เพื่อให้ชัดเจนมากขึ้น ซึ่งเมื่อคืนก็มีการซักถามในหลายเรื่องเช่น ถ้าไม่ประสงค์ต่อทรัพย์แล้วทรัพย์ไปไหน เพราะผู้ตายมาจากต่างประเทศเงินติดตัวก็ต้องมีมากแน่นอน ของใช้ส่วนตัวมีราคามีแน่นอน

แต่ประเด็นที่ชัดเจนอีกประเด็นคือ การไปรับที่สนามบินสุวรรณภูมิที่ ผู้ตายทั้งสองคนและผู้บาดเจ็บ ผู้ต้องหาไปรับมาเวลาประมาณ 22.00 น.

จากนั้น ขับรถออกมาและยิงกราดไปข้างหลัง ซึ่งแม้จะอ้างว่าต้องการยิงผู้หญิงคนเดียว แต่การยิงโดยไม่มองโอกาสเสียชีวิตก็มีทุกคน เมื่อยิงไป 2 โม่ และเป็นปืนพิเศษโม่ละ 7 นัด รวม 14 นัด นอกจากนี้พบหลักฐานอื่นคือ กระเป๋าเดินทางที่เปื้อนเลือด ปลอกกระสุน หัวกระสุนที่ยิงแล้ว อย่างไรก็ต้องพิสูจน์ความชัดเจน ซึ่งวันนี้บ่ายๆก็ต้องไปดูสถานที่ต่างๆ ที่สารภาพรวมถึงสอบปากคำมารดาผู้ต้องหาด้วย

เมื่อถามว่ามองว่าง่ายไปหรือไม่ที่วางแผนฆาตกรรมทำเพื่อหนี แต่สุดท้ายกลับมามอบตัวมันง่ายไปหรือเปล่า

พล.ต.ต.อำนวยกล่าวว่า บางเรื่องเป็นเส้นผมบังภูเขา อาจจะมีจิตใจผิดปกติในขณะนั้น แต่เมื่อทำแล้วจิตใจปกติ ก็เป็นตามหลักวิทยาศาสตร์เหมือนในยามโกรธเมื่อหายก็กลับมาสู่สภาพปกติ ซึ่งต้องพิสูจน์ โดยถามว่าทำไมศพผู้หญิงถึงทิ้งข้างทาง แต่เด็กกลับต้องอำพราง ผู้ต้องหาอ้างว่า ตอนนั้นไม่คิดว่าเด็กเสียชีวิตพอไปถึงบ้านทราบว่าเสียชีวิต เมื่อพบจึงอุ้มเข้าบ้าน บ้านเป็นบ้านเอื้ออาทรมีคนเยอะ จึงตัดสินใจหั่นศพเพื่อแยกเป็นชิ้นๆก่อนนำไปทิ้ง ซึ่งได้สอบสวนอย่างละเอียดแม้กระทั่งเรื่องห้องน้ำ ก็ถามว่าร้องด้วยน้ำเปล่า หรือน้ำยาล้างห้องน้ำ ส่วนชิ้นส่วนก็ยืนยันว่าทิ้งไปหมด แต่ข้อมือแยกไปในอีกถุงเท่านั้นแต่หาไม่เจอเอง

ถามต่อว่าก่อเหตุขนาดนี้แม้จะเข้ามอบตัวแต่โทษสูงสุดคืออะไร รอง ผบช.น.กล่าวว่า ข้อหาที่ตั้งไว้คือ ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน

อีกเรื่องคือ พยายามฆ่าน้องผู้หญิงด้วย ซึ่งได้นำออกจากโรงพยาบาลพระรามเก้าไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลตำรวจแล้ว ซึ่งต้องมีการผ่าตัดด้วย ซึ่งน้องก็พอพูดได้แต่ยังไม่อยากรบกวนขณะนี้ จะรอให้รักษาตัวให้เรียบร้อยก่อน
ก่อนหน้านี้ เมื่อเวลา 06.30 น. พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.น. ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการข่าวเช้า โมเดิร์นไนน์ทีวี ว่า สิ่งที่ตำรวจติดใจสงสัยอยู่คือมูลเหตุจูงใจที่กระทำ วันนี้จะให้พนักงานสอบสวนพาผู้ต้องหาไปชี้จุดที่เกิดเหตุเพิ่มเติม เราจะต้องพิสูจน์ทราบรวมทั้งมูลเหตุจูงใจว่าทำไมถึงยิง และยิงเพื่ออะไร ส่วนตัวตนมองไปที่เรื่องทรัพย์สิน โดยฟังผ่านน้องมินท์บอกว่าไม่มีเรื่องทะเลาะอะไรกันในรถเลย จู่ๆ ก็ยิงเลย การที่นายศิริพงษ์มารับครอบครัวนี้มีการเตรียมอาวุธปืนมาด้วย ก็เป็นประเด็นที่เราจะต้องพิสูจน์ทราบต่อไป ส่วนประวัติติดตัวของนายศิริพงษ์เบื้องต้นยังตรวจสอบไม่พบ มีอาชีพขับรถแท็กซี่เป็นหลัก


เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์