แคะคดีเจาะเซฟโยง3ศพร้านทอง

แขวงจักรวรรดิ เขตสัมพันธวงศ์ กทม. ใช้ของแข็งทุบศีรษะนางจินดา ศิระพัฒนกุล อายุ 50 ปีคนดูแลร้าน น.ส.ภาวนา เลิศสัมพันธ์กุล อายุ 24 ปี ลูกสาวนางจินดา และนางศุนภา ไหมทอง อายุ 41 ปี ลูกจ้าง ที่นอนเฝ้าร้าน รวม 3 ศพ ตายอนาถ จากนั้นใช้หัวตัดเหล็กเจาะเซฟกวาดทองรูปพรรณ น้ำหนัก 500 บาท และเงินสดจำนวนหนึ่งก่อนหลบหนี เปิดวาล์วถังแก๊ส ราดน้ำมันจุดไฟเผาหวังทำลายหลักฐาน และอำพรางคดี หลังเกิดเหตุตำรวจคว้าตัวคนงานมาเค้นสอบ ยังมืดมนสนิท พบเพียงหลักฐานฟันปลอมตกในที่เกิดเหตุ ใช้เป็นกุญแจไขปมปล้นฆ่า เหตุเกิดกลางดึกคืนวันที่ 9 ก.ย. ที่ผ่านมา

พ.ต.อ.ขจรศักดิ์ ปานสาคร รอง ผบก.น.6 พ.ต.อ.นิยม คำสวัสดิ์ ผกก. สน.จักรวรรดิ พ.ต.ท.ชัยยุทธ เจียรศิริกุล รอง ผกก.สส. พ.ต.ท.ทรงศักดิ์ สู่พานิช สว.สส. พ.ต.ท.สมพงษ์ ธุลารัตน์ พนักงานสอบสวน (สบ.2) เจ้าของคดี และฝ่ายสืบสวน กก.สส.บก.น.6 ร่วมประชุมกันอย่างเคร่งเครียด เพื่อวางแนวทางสืบสวนสอบสวน


รวมทั้งตั้งประเด็นการปล้นฆ่าหาประจักษ์พยานแวดล้อม ตรวจสอบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด มีการนำฟันปลอมที่พบในที่เกิดเหตุ เทปบันทึกกล้องโทรทัศน์วงจรปิด เข้าพิจารณาหารือด้วย โดยก่อนหน้าได้เชิญ น.ส.นาฏวดี คงเกียรติคุณ อายุ 26 ปี ลูกสาวนางเพิ่มศิริ วงปรากรม อายุ 55 ปี เจ้าของร้านทอง มาสอบปากคำเพื่อสอบถามเกี่ยวกับกิจการของร้าน ใช้เวลาประชุมนานหลายชั่วโมง


จากนั้นพนักงานสอบสวนและเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ชุดหนึ่งออกเดินทางไปที่ร้านทองกิมเจี้ยฮั้วอีกครั้ง เพื่อเก็บหลักฐานบางอย่าง มีถังแก๊สขนาด 15 ปอนด์ 3 ถังออกซิเจน 1 ถัง ถูกส่งไปตรวจสอบที่กองพิสูจน์หลักฐาน สำนักงานนิติวิทยาศาสตร์ตำรวจ

ได้ให้ พล.ต.ท.กฤษฎา พันธุ์คงชื่น ผบช.น. กับเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน เข้าไปตรวจสอบหาหลักฐานอย่างละเอียด ในที่เกิดเหตุ พบหลักฐานต่างๆที่เกี่ยวข้องกับคดีเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ได้นำกล้องโทรทัศน์วงจรปิดในร้านและบริเวณใกล้เคียงมาตรวจสอบ มีความคืบหน้าไปมาก ทำให้ เจ้าหน้าที่ตัดประเด็นต่างๆออกไปได้หลายประเด็น คงต้องขอเวลาอีก 1-2 วันคงมีข่าวดี นับเป็นคดีสะเทือนขวัญและอุกอาจมาก อยู่ในความสนใจของประชาชน ตำรวจต้องเร่งจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีให้เร็วที่สุด

เข้าพบ พ.ต.ท.สมพงษ์ ธุลารัตน์ พนักงานสอบสวน(สบ.2) สน.จักรวรรดิ ขอออกเอกสารรับศพนางจินดา ศิระพัฒนกุล ภรรยา กับ น.ส.ภาวนา ลูกสาว เพื่อไปบำเพ็ญกุศล นายสุรศักดิ์กล่าวว่า แต่งงานกับนางจินดามา 20 กว่าปี ช่วงหลังแยกกันอยู่เพราะต้องไปทำงานที่ จ.เชียงราย ให้ ภรรยากับลูกสาวทำงานอยู่ที่ กทม. ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องร้ายแรงแบบนี้ขึ้น

พนักงานสอบสวนได้ติดตามตัวลูกจ้างสาวลาว มาสอบปากคำให้การปฏิเสธไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด มีรายงานว่าตำรวจได้รื้อคดีคนร้ายก่อเหตุเข้าไปเจาะตู้เซฟร้านค้าย่านเยาวราชและจักรวรรดิ มาปัดฝุ่นใหม่หลายคดี หลังจากมีเบาะแสเจ้าของร้านร้องเรียนว่าถูกคนร้ายย่องเงียบเจาะเซฟมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน แต่คดีไม่คืบหน้าจนมีเหตุการณ์สลดใจเกิดขึ้น

แหล่งที่มา: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ