เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 5 ต.ค. พ.ต.ท.วิสุทธิ์ คล้ายแสง สารวัตรเวร สภ.เมืองพิษณุโลก
พร้อมตำรวจชุดสืบสวนสอบสวน ตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุขโมยเงินในตู้บริจาค ที่วิหารหลวงพ่อขอม วัดเด่นโบสถ์โพธิ์งาม ม.1 ต.บ้านกร่าง อ.เมือง จ.พิษณุโลก หลังได้รับแจ้งจากพระอธิการการุณ ปริปุณโญ เจ้าอาวาสวัดเด่นโบสถ์โพธิ์งามว่า มีคนร้ายเข้าขโมยเงินในตู้บริจาคภายในวิหารวัด โดยอาศัยช่วงเวลาที่ประชาชนจำนวนมากมาทำบุญในวันเทศกาลออกพรรษา ทางวัดสามารถจับภาพคนร้ายจากกล้องวงจรปิดไว้ได้ จึงรุดไปที่เกิดเหตุ เป็นวิหารหลวงพ่อขอม วิหารหลังเล็ก ภายในวัด ที่ประดิษฐานหลวงพ่อขอม พระเกจิชื่อดังจากจังหวัดสุพรรณบุรี ภายใน มีร่องรอยหลักฐานที่คนร้ายทิ้งไว้ คือพวงมาลัยสดจำนวน 3 พวง ที่คนร้าย ได้นำมาทำทีกราบไหว้หลวงพ่อขอม ก่อนขโมยเงินในตู้บริจาค ที่ตั้งอยู่ด้านซ้ายของหลวงพ่อขอมหายไปหมดจำนวนกว่า 5,000 บาท ที่มีผู้บริจาคใส่ไว้ในตู้
หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจไปตรวจสอบภายในวิหาร
ซึ่งเป็นจุดที่คนร้ายเข้าไปขโมยเงินในตู้บริจาค ทางเจ้าอาวาสได้พาเจ้าหน้าที่ตำรวจไปที่กุฏิ เนื่องมีภาพวิดีโอวงจรปิดจับภาพคนร้าย ขณะมาขโมยเงินในตู้บริจาคได้ชัดเจน ซึ่งคนร้ายเป็นชาย อายุประมาณ 30 ปี สวมเสื้อสีขาว กางเกงยีน เดินเข้ามาทางด้านหน้าวิหารหลวงพ่อขอม โดยถือพวงมาลัยสดมา 3 พวง และทำทีเป็นจะเข้ามากราบไหว้พลวงพ่อขอม วางพวงมาลัยไว้ด้านหน้า และเดินวนไปวนมาด้านหลังตู้บริจาค และมองดูลาดเลากลัวใครจะเข้ามาพบ ก่อนก้มลงมืองัดประตูหลังตู้บริจาค กวาดเงินทั้งแบในตู้ใส่กระเป๋ากางเกง ก่อนที่จะเดินออกไปทางด้านหน้าวิหารเช่นเดิม จากการตรวจสอบพบว่าคนร้ายใช้เวลาประมาณ 2 นาที โดยเวลาที่บันทึกเอาไว้11.30 -11.40 น. ของวันที่ 4 ต.ค.
นายสมจิตร นาคมี อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 62 ม.11 ต.บ้านกร่าง คนขับรถเจ้าอาวาสวัดเด่นโบสถ์โพธิ์งาม ผู้มาพบร่องรอยการถูกขโมยคนแรกกล่าวว่า
วันที่ 4 ตุลาคม 2552 เป็นวันออกพรรษา มีประชาชนมาทำบุญและเข้าไปกราบไหว้หลวงพ่อขอมจำนวนมาก ปกติจะเปิดวิหารเวลา 06.00 และปิดวิหารเวลาประมาณ 18.00 น. กระทั่งเช้าวันที่ 5 ตุลาคม เจ้าอาวาสให้ไปเปิดวิหารเพื่อเก็บเงินในตู้บริจาค พบว่าถูกขโมยไปเรียบร้อยแล้ว จึงได้พากันมาดูกล้องวงจรปิด พบมีคนร้ายเข้าไปจริง
พระอธิการการุณ ปริปุณโญ เจ้าอาวาสวัดเด่นโบสถ์โพธิ์งาม กล่าวว่า
ที่ผ่านมา วัดถูกขโมยตู้บริจาคบ่อยมาก ทั้งในโบสถ์และวิหารหลวงพ่อขอม มาแล้ว 7 ครั้ง ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 8 แต่ที่ผ่านไม่ได้แจ้งความกับตำรวจ เพราะไม่มีหลักฐาน คิดเป็นเงินสูญหายไม่ต่ำกว่า 50,000-60,000 บาท เมื่อสองอาทิตย์ที่ผ่านมา จึงตัดสินใจซื้อกล้องวงจรปิดติดตั้งในโบสถ์และวิหาร ทำให้กล้องวงจรปิดจับภาพคนร้ายไว้ได้อย่างชัดเจน ขณะที่คนร้ายลงมือในช่วงที่ประชาชนกำลังทำบุญกันอยู่ที่ศาลากันหมด ดูจากภาพแล้ว ถือว่าขโมยใจเย็นมาก ถือโอกาสช่วงปลอดคน หลังมีหลักฐานจึงแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เชื่อว่าตำรวจจะตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีได้แน่นอน
เบื้องต้นทางวัดตรวจสอบแล้วไม่ใช่คนในพื้นที่ หรือบุคคลในละแวกวัด ซึ่งทางเจ้าหน้าที่กำลังให้ชุดสืบสวนลงพื้นที่หาข่าว โดยเฉพาะพวงมาลัยลักษณะดังกล่าว คนร้ายซื้อมาจากที่ไหน หากทราบก็จะสามารถติดตามคนร้ายได้ง่ายขึ้น เพื่อนำตัวมาดำเนินคดีต่อไป