ยิง ´อุสตาซ´ต้านโจร 3นัด-สาหัส

เมื่อเวลา 07.45 น. วันที่ 7 ก.ย.


ร.ต.ท.จรินทร์ ฉ่ำทอง ร้อยเวร สภ.อ.เมืองยะลา รับแจ้งมีเหตุคนถูกยิงได้รับบาดเจ็บหน้าโรงเรียนบ้านธารน้ำผึ้ง หมู่ 13 ต.สะเตงนอก จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบ จากนั้นรุดไปที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พ.ต.อ.สมศักดิ์ วรรณวรรค ผกก. พ.ต.ต.วิรัตน์ ดำคง สวป. และกำลังตำรวจจำนวนหนึ่ง พบกองเลือดตรงพื้นริมถนนหลายกอง โดยมีรถจักรยานยนต์ฮอนด้าดรีม สีเทาเงิน ทะเบียน กธล 278 ยะลา ล้มควํ่าอยู่ นอกจากนี้ ยังพบหัวกระสุนปืน 9 มม. 1 หัว จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน ส่วนผู้บาดเจ็บถูกนำส่ง รพ.ศูนย์ยะลา ก่อนหน้าแล้ว จึงตามไปสอบสวนทราบชื่อนายมาหะมะ วาแม อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 32/4 หมู่ 2 บ้านจารังตาดง ต.ท่าธง อ.รามัน จ.ยะลา มีบาดแผลถูกยิงด้วยปืนขนาดเดียวกันเข้าบริเวณไหปลาร้าขวารวม 3 นัด อาการสาหัส แพทย์ต้องรีบนำตัวเข้าห้องผ่าตัดช่วยเหลือชีวิตเป็นการด่วน

จากการสอบสวนได้ความว่า


นายมาหะมะ เป็นครูสอนศาสนาหรือ อุสตาซ ที่โรงเรียนธรรมวิทยามูลนิธิ ต.สะเตง อ.เมืองยะลา ก่อนเกิดเหตุขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้านไปทำงาน ถึงที่เกิดเหตุมีคนร้าย 2 คน ขี่รถจักรยานยนต์ไล่ตามประกบสบโอกาสมือปืนที่นั่งซ้อนท้ายชักปืนพกออกมากระหน่ำยิงนายมาหะมะ แต่นายมาหะมะยังแข็งใจพยายามประคองรถหลบหนีไปล้มหมดสติอยู่หน้าโรงเรียนบ้านธารน้ำผึ้ง ซึ่งมีกำลังทหารคอยคุ้มกันครูอยู่ ทำให้คนร้ายไม่กล้าตามไปยิงซ้ำ ขณะเดียวกันตำรวจตรวจสอบประวัติของนายมาหะมะทราบก่อนหน้านี้เคยถูกตำรวจควบคุมตัวพร้อมกับพวกรวม 19 คน ขณะเดินทางไปสัมมนาที่ จ.สตูล เนื่องจากสงสัยว่าไปร่วมประชุมวางแผนก่อเหตุร้าย แต่หลังสอบปากคำแล้วไม่พบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องจึงปล่อยตัวไป นอกจากนี้ในช่วงที่ผ่านมานายมาหะมะยังสอนลูกศิษย์ไม่ให้หลงผิดเข้าร่วมกับกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ เป็นที่รักใคร่ของชาวบ้าน อาจทำให้คนร้ายไม่พอใจติดตามไล่ยิงได้รับบาดเจ็บ

ช่วงสายวันเดียวกัน


ร.ต.ต.จิรายุ ภู่ระหงษ์ ร้อยเวร สภ.อ.รามัน จ.ยะลา นำกำลังพร้อมหมาย พ.ร.ก. เข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 104 หมู่ 1 บ้านกาบู ต.กายูบอเกาะ หลังสืบทราบว่าบ้านหลังดังกล่าวเป็นบ้านของนายฮูเซ็น มะยีเต๊ะ อายุ 29 ปี ผู้ต้องสงสัยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการลอบวางระเบิดธนาคารกรุงไทย สาขารามัน เมื่อวันที่ 31 ส.ค. ที่ผ่านมา พบนายฮูเซ็นพักผ่อนอยู่ในบ้านตำรวจจึงควบคุมตัวเอาไว้ จากนั้นนำตัวไปตรวจค้นบ้านน้องชายนายฮูเซ็นใน ต.อาซ่อง และบ้านภรรยานายฮูเซ็นใน ต.ยะต๊ะ พบเสื้อแขนยาวสีครีมและสีฟ้าอย่างละตัว กางเกงขายาวสีดำ 1 ตัว จึงยึดไว้ การเข้าตรวจค้นและจับกุมนายฮูเซ็นในครั้งนี้เนื่องจากโทรทัศน์วงจรปิดจับภาพนายฮูเซ็นเอาไว้ได้ในวันเกิดเหตุ โดยนายฮูเซ็นเดินลุกลี้ลุกลนถือแฟ้มเข้าไปภายในธนาคาร ตรงไปที่เคาน์เตอร์ทำทีเขียนใบฝากถอนเงินแล้ววางแฟ้มที่ดัดแปลงบรรจุระเบิดไว้ ก่อนจะรีบเดินออกไปโดยไม่ได้ฝากหรือถอนเงินแต่อย่างใด ต่อมาเมื่อตรวจสอบจนแน่ชัดแล้วว่าบุคคลในภาพคือนายฮูเซ็นจึงได้ขอหมาย พ.ร.ก. แล้วติดตามไปจับกุม พร้อมรีบนำตัวไปมอบ ศปก.ตร.สน. ดำเนินการสอบสวนต่อไปแล้ว

ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา


รมว.กระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีที่สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ร่างหนังสือเพิ่มอำนาจการแก้ปัญหาภาคใต้ให้ ผบ.ทบ.มีอำนาจเต็มที่ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างหารือกันว่าจะร่างหนังสือออกมาแบบใด แต่ในหนังสือต้องมีคำสั่งที่ชัดเจนในเรื่องอำนาจหน้าที่ จึงจะทำให้การทำงานมีเอกภาพได้ โดยมี สมช. เป็นหลักและให้กองทัพบกกับกระทรวงกลาโหมไปหารือกันว่าจะร่างหนังสือออกมาแบบใด การร่างหนังสือคำสั่งฉบับนี้ทางกระทรวงกลาโหมให้ พล.อ.โชคชัย หงษ์ทอง ที่ปรึกษา รมว.กระทรวงกลาโหม ซึ่งอดีตนั้นเคยเป็นเสนาธิการทหารบก และเจ้ากรมยุทธการทหารบกมาเป็นผู้ให้คำแนะนำ ตนให้อิสระการร่างหนังสือมอบคำสั่งเต็มที่ แต่ยังไม่ได้กำหนดระยะเวลาว่าจะเสร็จวันไหน โดยจะมีรายงานความคืบหน้ามาให้ตนทราบทุกระยะ ซึ่งเราต้องมีการไปพูดคุยกับ พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ รองนายกรัฐมนตรี เพื่อรับหลักการและเมื่อหนังสือเป็นรูปร่างต้องไปปรึกษากับ พล.ต.อ.ชิดชัย อีกครั้ง

เมื่อถามว่ามีการหารือกับ พล.ต.อ.ชิดชัยหรือไม่


พล.อ.ธรรมรักษ์กล่าวว่า ได้คุยกับ พล.ต.อ.ชิดชัยเรื่องนี้แล้ว โดย พล.ต.อ.ชิดชัยยังเป็นประธานคณะกรรมการนโยบายเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กสชต.) อยู่ จะเป็นผู้กำหนดนโยบาย แต่ในทางปฏิบัตินั้นต้องมีเพียงคนเดียวที่มีหน้าที่ในการสั่งการ จึงจะทำให้การทำงานมีเอกภาพและไม่ซ้ำซ้อน เมื่อถามถึงกรณีที่ผู้บัญชาการทหารบกและผู้บัญชาการทหารสูงสุดเข้าพบนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 6 ก.ย.ที่ผ่านมา พล.อ.ธรรมรักษ์กล่าวว่า เป็นการหารือกันเรื่องการแก้ปัญหาภาคใต้เพราะนายกรัฐมนตรีต้องติดภารกิจเดินทางไปต่างประเทศ

ทางด้าน พล.อ.อ.คงศักดิ์ วันทนา รมว.มหาดไทย กล่าวถึง


กรณีที่สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงมีความห่วงใยข้าราชการที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า ในเรื่องของค่าใช้จ่ายเป็นภาพรวมที่กองอำนวยการเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กอ.สสส.จชต.) จะต้องดำเนินการ ในส่วนกระทรวงมหาดไทย มีการดำเนินการให้บัตรชายแดน ซึ่งมีสิทธิพิเศษในหลายๆอย่าง ลดค่าใช้จ่ายให้กับผู้ปฏิบัติการในพื้นที่แนวอันตรายบริเวณแนวชายแดน ซึ่งบัตรชายแดนสามารถให้ได้กับข้าราชการทุกหน่วยงาน หากทำเรื่องเสนอขอขึ้นมาที่กระทรวงมหาดไทยก็จะเร่งดำเนินการ บัตรชายแดนจะคล้ายบัตรพิทักษ์เสรีชน สามารถนำไปลดค่าใช้จ่ายต่างๆ เช่น ค่ารถโดยสาร ค่ารักษาพยาบาล กรณี 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ หากมีการเสนอมาที่กระทรวงมหาดไทย จะรีบดำเนินการทำบัตรให้โดยเร่งด่วน ส่วนกรณีผู้ปฏิบัติใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จะมีการเพิ่มสิทธิพิเศษอะไรนอกเหนือจากที่เคยทำมาหรือไม่นั้น มีระเบียบตามราชการชัดเจนอยู่แล้ว คงต้องขึ้นอยู่กับคนในพื้นที่ โดยทาง กอ.สสส.จชต.จะต้องสรุปเรื่องเสนอขึ้นมาอีกครั้ง

ผู้สื่อข่าวถามว่า


ได้รับรายงานจากหน่วยข่าวกรองหรือไม่ เพราะในวันที่ 16 ก.ย.นี้ ตรงกับวันสถาปนามูจาฮีดีนรัฐปัตตานี อาจมีการก่อเหตุร้ายขึ้นมาอีกเหมือนกับวันสถาปนาเบอร์ซาตูที่ผ่านมา รมว.มหาดไทยตอบว่า เรื่องการแจ้งเตือนมีมาตลอด ทางเราไม่ประมาทมีความเข้มงวดเรื่อยๆ ไม่ว่าจะตรงกับวันสถาปนาหรือไม่ อย่างไรก็ตาม คงไม่ต้องเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่เป็นพิเศษ เพราะมั่นใจว่ากำลังในพื้นที่นั้นเพียงพอ ต้องไปเพิ่มในเรื่องการระมัดระวังในพื้นที่ให้สูงขึ้น เช่น ธนาคาร และต้องติดตามความเคลื่อนไหวให้ทันกับสถานการณ์

แหล่งที่มา: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์