คู่หูโจรจอมแสบปัดร่วมชิงทองห้องน้ำห้างดัง

จากเหตุการณ์ระทึกขวัญ คนร้ายก่อเหตุจี้ชิงทรัพย์ จับตัวประกัน


แล้วเชิดรถปิกอัพบึ่งหนีการติดตามไล่ล่าสกัดจับของเจ้าหน้าที่ตำรวจจ้าละหวั่น ท่ามกลางความแตกตื่นโกลาหลจนป่วนกรุง สุดท้ายไปจนมุมตำรวจจราจรและสายตรวจ สน.บางเขน ทราบชื่อคนร้ายคือ นายวรภพ หรือจักรี บัวเพ็ชร อายุ 35 ปี รับสารภาพร่วมกับเพื่อนคู่หู ควงปืนและมีดจี้ทุบหัวนายไชยวิทย์ นารีมนต์ อายุ 45 ปี ทนายความ ในห้องน้ำห้างคาร์ฟูร์รัชดาฯ บาดเจ็บต้องเย็บแผล 20 เข็ม ชิงสร้อยคอทองคำ น้ำหนัก 10 บาท จากนั้นวิ่งไปขึ้นแท็กซี่และเปลี่ยนไปต่อรถไฟฟ้าใต้ดินที่สถานีรัชดาภิเษกหลบหนี แต่ถูกตำรวจไล่กวดตามไปทัน


เมื่อจวนตัวเลยตัดสินใจชักปืนจ่อหัวล็อกคอจับตัว น.ส.เสาวนิต แก้วแดง อายุ 31 ปี รปภ.สาว ประจำจุดสถานีรัชดาภิเษก เป็นตัวประกัน เพื่อใช้เป็นเกราะแหวกวงล้อมตำรวจเปิดทางหนี ไปใช้ปืนจี้บังคับไล่ น.ส.พิมพ์พร แซ่ตั้ง อายุ 48 ปี ให้ลงจากรถปิกอัพ แล้วลากตัว รปภ.สาวขึ้นรถไปเป็นตัวประกัน แต่หนีไม่รอดถูกรวบตัวได้ ส่วนเพื่อนชื่อนายอิศรา ปานโต อาศัยช่วงชุลมุนหลบหนีไปได้พร้อมกับของกลางสร้อยคอทองคำ 10 บาท และก่อคดีชิงทรัพย์ในห้องน้ำตามห้างดังมาแล้วหลายราย ทางตำรวจอยู่ระหว่างการติดตามไล่ล่าตัวโจรแสบที่เหลือมาดำเนินคดี

ล่าสุด เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 6 ก.ย.


นายอิศรา ปานโต อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 61 ซอยองค์รักษ์ แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต ผู้ร่วมก่อคดี ได้เดินทางไปติดต่อเข้ามอบตัวกับ พล.ต.ต.วินัย ทองสอง ผบก.ป. ที่กองปราบปราม พร้อมนำสร้อยคอทองคำ 3 เส้น พระเลี่ยมทอง 3 องค์ น้ำหนักรวม 10 บาท ของกลาง ไปคืนด้วย นายอิศราให้การอ้างว่า รู้จักกับนายวรภพ หรือชื่อเล่นจักร มาหลายปีแต่ติดต่อกันนานๆครั้ง ไม่ถึงกับสนิทสนมกันมาก ก่อนเกิดเหตุนายวรภพโทรศัพท์มาชวนไปห้างคาร์ฟูร์รัชดาฯ จึงขับรถจักรยานยนต์ไปรับนายวรภพที่ร้านก๋วยเตี๋ยวย่านห้วยขวางถึงห้างคาร์ฟูร์ได้แวะกินอาหารที่ฟาสต์ฟู้ด


ขณะนั้นเห็นผู้เสียหายใส่สร้อยคอทองคำหลายเส้นเดินไปเข้าห้องน้ำ จึงเดินตามเข้าไปกับนายวรภพ ช่วงนั้นไม่ได้คิดอะไรเพราะแค่จะเข้าไปทำธุระส่วนตัว จังหวะนั้นเห็นนายวรภพใช้ปืนทุบศีรษะผู้เสียหาย และบอกให้ตนหยิบสร้อยทองจากผู้เสียหายที่มาให้เก็บไว้ ช่วงนั้นรู้สึกตกใจมาก ไม่คิดว่านายวรภพจะก่อเหตุ จากนั้นได้ออกจากห้างไปขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดินหลบหนี เมื่อเห็นข่าวทางโทรทัศน์ จึงเล่าเรื่องให้แม่ฟังและตัดสินใจเข้ามอบตัวกับตำรวจกองปราบปราม ก่อนส่งตัวไปมอบให้พนักงานสอบสวน สน.บางเขน

ที่ สน.บางเขน พ.ต.ท.สุชัย พุ่มไพศาลชัย รอง ผกก.สส.สน.บางเขน เปิดเผยว่า


ขณะนี้สอบปากคำผู้เสียหาย และให้ผู้เสียหายชี้ตัวยืนยันเพื่อดำเนินคดี พนักงานสอบสวนแจ้งข้อหากับนายวรภพไว้ 6 ข้อหา คือ

1. ร่วมกันชิงทรัพย์โดยมีและใช้อาวุธมีด และปืนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กาย โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิด และเพื่อให้พ้นการจับกุม

2. มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต

3. พกพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไปในเมือง ทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต และไม่มีเหตุอันควร

4. พกพาอาวุธมีดไปในเมืองโดยเปิดเผยหรือไม่มีเหตุอันควร

5. หน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่นให้ปราศจากเสรีภาพในร่างกาย

6. ข่มขืนจิตใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ หรือทรัพย์สิน โดยใช้กำลังประทุษร้ายจนต้องกระทำการนั้นหรือไม่กระทำการนั้น


ส่วนนายอิศราได้แจ้ง 3 ข้อหา

1. ร่วมกันชิงทรัพย์โดยมีอาวุธและใช้อาวุธปืนเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กาย

2. ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาต

3. พกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควร และไม่ได้รับอนุญาต

และวันที่ 7 ก.ย. จะนำตัวไปฝากขังที่ศาลอาญารัชดาฯ พนักงานสอบสวนคัดค้านการประตัว เนื่องจากเกรงว่าจะหลบหนี รวมทั้งการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น และน่าเชื่อว่ามีผู้เสียหายอีกหลายราย

สายวันเดียวกัน


พ.ต.ท.ประสิทธิ์ สมใจประสงค์ สว.สส. สน.สุทธิสาร นำหมายค้นตรวจห้องพักของนายวรภพ 1 ใน 2 โจรคู่หู ที่รัชดาซิตี้ คอนโด ตึกอาร์ซี เลขที่ 98/6 ถนนประชาราษฎร์บำเพ็ญ ซอย 7 แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง พบกระเป๋าสะพายสีดำ ใส่ปืน ขนาด .22 จำนวน 1 กระบอก กระสุนปืน .22 จำนวน 57 นัด กระสุนปืน .38 จำนวน 6 นัด ปืนปลอม 1 กระบอก เครื่องช็อตไฟฟ้า 1 เครื่อง เชือกยาวเมตรครึ่งจำนวน 4 เส้น คาดว่าไว้ใช้ก่อคดีมัดเหยื่อ จึงรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน


ต่อมามี นายศิวัชเดช หรือเดช ทรงไทย อายุ 39 ปี เจ้าของร้านตัดต่อผม


ทำรอยสักสี อยู่ย่านห้วยขวาง พักอยู่บ้านเลขที่ 39/39 หมู่ 7 แขวงสามวาตะวันตก เขตคลองสามวา กทม. เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สน.บางเขน เพราะดูข่าวทางโทรทัศน์เห็นหน้านายวรภพ กับนายอิศรา ผู้ต้องหาทั้งคู่ จำได้ว่าเป็นคนร้ายที่ชิงทรัพย์ ตน โดยเล่ารายละเอียดว่า เมื่อเวลา 2 ทุ่มเศษ วันที่ 14 ก.ค. ขณะไปเข้าห้องน้ำ บนชั้น 2 แผนกเสื้อผ้าเด็ก ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ สาขาบางกะปิ กำลังยืนล้างมืออยู่

ถูกนายวรภพจับล็อกคอ ใช้ปืนและมีดจี้กดศีรษะลงพื้นแล้วปลดสร้อยคอทองคำน้ำหนัก 9 บาท 50 สตางค์ พระพิฆเนศ แบบล้อมเพชร งาช้าง และหยกเลี่ยมทองรวม 3 องค์ รวมมูลค่า 1.4 แสนบาท ส่วนนายอิศรายืนคุมเชิงอยู่ทางเข้าออกประตูห้องน้ำ ก่อนทั้งคู่วิ่งหลบหนีไป แจ้งความไว้ที่สน.ลาดพร้าว

ด้าน พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน ผบก.น.2 เปิดเผยว่า


นายวรภพ หรือจักรี บัวเพ็ชร ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ ก่อคดีชิงทรัพย์ในห้องน้ำตามห้างสรรพสินค้าดังมาหลายครั้ง จึงสั่งการให้ทุก สน.ใน บก.น.2 ประสานไปยังทุก บก. ตรวจสอบคดีในลักษณะนี้ ให้ติดตามผู้เสียหายไปดูตัว ผู้ต้องหาที่ สน.บางเขน เพื่อดำเนินคดีเพิ่มเติม พร้อมทั้งเสนอ พล.ต.ท.วิโรจน์ จันทรังษี ผบช.น. ตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน เนื่องจากคนร้ายก่อเหตุหลายพื้นที่ และเป็นคดีอุกฉกรรจ์ สะเทือนขวัญ และเป็นที่สนใจของประชาชน คนร้ายก่อเหตุอุกอาจ ไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายบ้านเมือง เพื่อให้การสอบสวนรอบคอบ และรวดเร็ว

แหล่งที่มา: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์