พท.-รท.รถระเบิดถูกตีตรวนเข้า ´เรือนจําทหาร´

"ฝากขังคัดค้านการประกันตัว"


คดีคาร์บอมบ์แผนสังหาร พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ ร.ท.ธวัชชัย กลิ่นชะนะ นายทหารสังกัดกองบัญชาการกองทัพบก ช่วยราชการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ถูกจับกุมพร้อมรถเก๋งซุกระเบิดทีเอ็นทีและซีโฟร์จำนวนมาก ชุดสืบสวนสอบสวนได้ขยายผลหาความเชื่อมโยงผู้ร่วมขบวนการพัวพันถึงนายทหารระดับพลตรียันจ่าสิบทหารบก มี พ.ท.มนัส สุขประเสริฐ สังกัดศูนย์สงครามพิเศษ ค่ายเอราวัณ จ.ลพบุรี ช่วยราชการ กอ.รมน.ถูกเชิญตัวมา

สอบปากคำคนแรก พร้อมแจ้งข้อหาร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ร่วมกันพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน ร่วมกันมีวัตถุระเบิดไว้ในครอบครอง ร่วมกันมียุทธภัณฑ์ที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดไว้โดยไม่ได้รับอนุญาต ร่วมกันปลอมและใช้เอกสารปลอม และซ่องโจร ขณะที่ผู้ต้องสงสัยที่เหลือ ประกอบด้วย พล.ต.ไพโรจน์ ธีระภาพ พ.อ.สุรพล สุประดิษฐ์ และ จ.ส.อ.ชาคริต จันทระ อยู่ระหว่างขั้นตอนการติดต่อมาพบพนักงานสอบสวน

ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 5 ก.ย. พล.ต.ท.มนตรี จำรูญ ผบช.ก. พล.ต.ต.เจตน์ มงคลหัตถี รอง ผบช.น. พ.ต.อ.รุจิรัตน์ หลุ่มบุญเรือง รอง ผบก.ป. พร้อมพนักงานสอบสวน และคอมมานโดอาวุธครบมือ 6 นาย ควบคุมตัว ร.ท.ธวัชชัย กลิ่นชะนะ และ พ.ท.มนัส สุขประเสริฐ 2 ผู้ต้องหาคดีร่วมกันพยายามลอบสังหาร พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ไปฝากขังต่อศาลทหารกรุงเทพเพื่อผัดฟ้องฝากขังตามกำหนด โดยในส่วน ร.ท.ธวัชชัย พนักงานสอบสวนจะขออำนาจศาลทหารฝากขังเป็นครั้งที่ 2 แต่ พ.ท.มนัส เป็นการยื่นขออำนาจศาลฝากขังผลัดแรกพร้อมขอคัดค้านการประกันตัวทั้งคู่อ้างเหตุผลเป็นคดีอุกฉกรรจ์ กระทำการในรูปแบบขบวนการ หากกลุ่มผู้ต้องหาทำสำเร็จจะก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรง และไม่ขอนำตัวกลับมาควบคุมต่อเพราะผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ


"ปฏิเสธ ขอให้การในชั้นศาล"


เมื่อเจ้าหน้าที่คุมตัว 2 นายทหารคาร์บอมบ์ไปถึงศาลทหารกรุงเทพ ได้มีทนายความ และญาติเดินทางมาขอเยี่ยม แต่ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์แสดงความเห็นใดๆกับผู้สื่อข่าว โดยพนักงานสอบสวนบรรยายในใบคำร้องฝากขัง ร.ท.ธวัชชัย กลิ่นชะนะ ว่า ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาเพื่อสอบปากคำมาแล้ว 1 ผลัด จำนวน 12 วัน ขณะนี้การสอบสวนปากคำเสร็จสิ้นแล้ว ผู้ต้องหาปฏิเสธจึงไม่ขอนำตัวกลับไปสอบสวน แต่ขอคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเกรงว่าจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพยานหลักฐาน ส่วน พ.ท.มนัส สุขประเสริฐ ที่เพิ่งเข้ามอบตัวเมื่อวันที่ 4 ก.ย. ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวนได้สอบปากคำแล้ว ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ และขอให้การชั้นศาล พนักงานสอบสวนจึงขอฝากขังต่อศาลเป็นเวลา 12 วัน และไม่ขอนำตัวกลับไปสอบสวน พร้อมขอค้านประกันตัวด้วยเหตุผลเดียวกัน

นายนิธิกร นนท์สวัสดิ์ ทนายความของ ร.ท.ธวัชชัย กลิ่นชะนะ กล่าวว่า เมื่อพนักงานสอบสวนไม่ขอรับตัวผู้ต้องหากลับ อำนาจการควบคุมจึงขึ้นอยู่กับศาลทหารและคงนำไปควบคุมที่เรือนจำ มทบ.11 จ.นครปฐม เรื่องการประกันตัวในตอนนี้จะยังไม่ยื่นเรื่อง เพราะยังเป็นห่วงในเรื่องความปลอดภัยของ ร.ท.ธวัชชัย อย่างไรก็ตามจะปรึกษากับครอบครัวของลูกความก่อนอีกครั้ง

ต่อมา พล.ต.จิระเดช โมกขะสมิต ผบ.มทบ.11 ในฐานะผู้ดูแลเรือนจำ มทบ.11 ได้ส่งเจ้าหน้าที่จากเรือนจำ และเจ้าหน้าที่ สห.ทบ. พร้อมชุดคุ้มกันรับตัว 2 นายทหารคนดังออกจากศาลนำตัวเข้าไปควบคุมตัวที่เรือนจำ มทบ.11 จ.นครปฐม โดยจับทั้งคู่แยกห้องขังเดี่ยวตีตรวนที่ขาตามระเบียบนักโทษคดีอุกฉกรรจ์ร้ายแรง มีเจ้าหน้าที่ทหารประจำเรือนจำเฝ้าดูแลความเรียบร้อยตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งนี้ ได้มีคำสั่งกำชับให้เจ้าหน้าที่ตรวจเข้มงวดเรื่องอาหารของผู้ต้องหาก่อนที่จะให้กินเพื่อป้องกันการถูกปองร้ายเช่นเดียวกับช่วงที่ยังอยู่ในความควบคุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ


"ขอมอบตัวแล้ว"


มีรายงานว่า พล.ต.ไพโรจน์ ธีระภาพ นายพลทหารช่วยราชการ กอ.รมน.ที่ถูกเรียกตัวเข้าพบพนักงานสอบสวนได้ติดต่อมายัง พล.ต.ต.วินัย ทองสอง ผบก.ป.ขอเข้าพบเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาแล้วในเวลา 10.00 น. วันนี้ (6 ก.ย.) ก่อนกำหนดที่พนักงานสอบสวนทำหนังสือเรียกให้มาพบเพียงวันเดียว ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจเตรียมแจ้งข้อหา พล.ต. ไพโรจน์ จำนวน 6 ข้อหาเหมือนกับ พ.ท.มนัส สุขประเสริฐ และ ร.ท.ธวัชชัย กลิ่นชะนะ และคาดว่านายพลทหารรายนี้ คงปฏิเสธขอให้การชั้นศาลเช่นเดียวกัน

ขณะเดียวกัน พ.อ.สุรพล สุประดิษฐ์ หรือ เสธ.ตี๋ ที่แนวทางการสืบสวนสอบสวนระบุเป็นผู้ติดต่อซื้อรถเก๋งยี่ห้อแดวู บรรทุกระเบิดมาจากเต็นท์รถมือสองย่านอินทามระในราคา 30,000 บาท ได้ติดต่อขอมอบตัวแล้วเช่นกัน แต่ไม่ยอมระบุวันเวลาที่ชัดเจน และได้แจ้งกับนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ยินดีจะให้การทั้งหมด เพื่อซัดทอดถึงผู้บงการที่อยู่เบื้องหลัง ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงตามอ้าง จะกลายเป็นผู้ต้องหาคนแรกที่ยอมเปิดปาก และอาจทำให้ชุดสืบสวนสอบสวนคลี่คลายปม ได้ข้อมูลเชื่อมโยงไปถึงผู้สั่งการตัวจริง ที่เป็นอดีตนายทหารระดับสูงตามแนวทางการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยข่าวกรองแห่งชาติ ตั้งแต่เริ่มต้นพบคาร์บอมบ์เมื่อเช้าวันที่ 24 ส.ค.ที่ผ่านมา เพียงแต่ยังขาดหลักฐานมัดเท่านั้น

สำหรับการรวบรวมสำนวนการสอบสวนของคณะทำงานสืบสวนสอบสวนที่มี พล.ต.ท.มนตรี จำรูญ ผบช.ก. เป็นหัวหน้าทีม ขณะนี้ได้สอบปากคำพยานทั้งหมดที่เกี่ยวข้องเกือบเสร็จสิ้นแล้ว เหลือแต่รอผลการตรวจสอบหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ โดยล่าสุดได้ผลการตรวจสอบวัตถุสีขาวขุ่น ที่ยึดได้จากศูนย์ขัดเคลือบสีรถยนต์คาร์แล็ค 68 ของ พ.ท.มนัส สุขประเสริฐ ใน อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรีแล้ว พบมีส่วนผสมของสารชนิดเดียวกันกับในแกลลอนน้ำมันเครื่องที่บรรจุระเบิดชนิดแอนโฟท้ายรถแดวูคาร์ บอมบ์ด้วย ส่วนถุงปุ๋ยที่บรรจุทรายอัดอยู่เบาะหลังรถเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบที่มาของถุงแล้ว ยืนยันว่ามีแหล่งผลิตอยู่ที่ จ.สุพรรณบุรี เพียงแห่งเดียว


"4ทหาร แค่เรียกสอบ ยังไม่มีความผิด"


พล.อ.สิริชัย ธัญญสิริ ปลัดกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า ทหารทั้ง 4 นาย ขณะนี้เป็นเพียงผู้ต้องสงสัยของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และได้ตกลงขั้นต้นว่าจะทำหนังสือมาเชิญตัวให้ไปพบในวันที่ 7 ก.ย.นี้ แต่ พ.ท.มนัส สุขประเสริฐ บอกว่าพร้อม เลยขอพบพนักงานสอบสวนก่อน เป็นการเชิญตัวไปให้ปากคำ ส่วนเรื่องตั้งข้อหาเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เมื่อเชิญไปก็ต้องแจ้งข้อหาให้รับทราบว่ามีข้อหาอะไรบ้าง ทั้งนี้ เรื่องที่เกิดขึ้นไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อส่วนรวม เพราะเรื่องของทหาร หากทำผิดต้องว่ากันไปตามกฎหมาย แต่ในฐานะของผู้บังคับบัญชาตนก็ต้องไปดูแลว่าให้ได้รับความยุติธรรม ได้รับสิทธิต่างๆ เช่นเดียวกับประชาชนทั่วไป ไม่ได้มีสิทธิพิเศษอะไร

ด้าน พล.อ.บัญชร ชวาลศิลป์ อดีตที่ปรึกษาพิเศษกองบัญชาการทหารสูงสุด กล่าวว่า รู้สึกตกใจที่ตำรวจออกหมายเรียก พล.ต.ไพโรจน์ ธีระภาพ ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบกไปรับทราบข้อกล่าวหา ในความผิดฐานร่วมกันพยายามฆ่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพราะเท่าที่เคยทำงานร่วมกันมากับ พล.ต.ไพโรจน์ถือว่าเป็นเพชรน้ำหนึ่งในกองทัพบก โดยส่วนตัวเชื่อว่า พล.ต. ไพโรจน์ เป็นผู้บริสุทธิ์ และมีความเป็นทหารอาชีพเป็นทหารน้ำดีคนหนึ่ง เป็นน้องคนหนึ่งที่ไม่เคยทำเรื่องเหลวไหล เคยร่วมรบที่ภาคใต้ช่วงปี 23-26 พล.ต.ไพโรจน์ยังเป็นผู้นำกำลังบุกยึดพื้นที่กลุ่มก่อการร้ายคอมมิวนิสต์จนได้รับพระราชทานเหรียญรามมาลาด้วย


"ชี้แจงประชาชนอย่าตื่นตระหนก"


ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อเวลา 18.15 น. วันเดียวกัน วิทยุเครือข่ายของกองทัพบกในรายการบ้านเมืองของเรา ผลิตโดยฝ่ายกิจการพิเศษ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) มี พล.ต.ธีรพงษ์ มานะกิจ เป็นผู้ควบคุมการผลิตที่ออกอากาศทั่วประเทศ ได้รายงานข่าวชี้แจงกรณีที่พบระเบิดในรถยนต์ที่สะพานซังฮี้ต่อประชาชนว่า ไม่ต้องตกใจ ขอให้สบายใจได้ และให้ศึกษาข้อมูลให้รอบด้านจากทางเว็บไซต์ และประวัติการลอบวางระเบิดที่สำคัญๆที่ผ่านมา ยกตัวอย่างการวางระเบิดตึกโอกลาโฮมาในประเทศสหรัฐอเมริกาว่า จะระเบิดตึกหรือสะพานได้ต้องใช้แอมโมเนียมไนเตรตถึง 4,000 ปอนด์ หรือทีเอ็นที 5,000 ปอนด์ แต่ที่พบในรถมีแอมโมเนียมไนเตรตเพียงแค่ 8 ปอนด์ และทีเอ็นทีประมาณ 1 ปอนด์จึงขอให้ประชาชนตั้งสติ อย่าคิดไปไกลว่าจะทำให้ตึกหายไป เพราะถ้าเกิดสะพานจะโดนสะเก็ดเพียงเล็กน้อยเท่านั้น กรุณาอย่าพิพากษาอะไรไปก่อน ทั้งนี้ ผู้ดำเนินรายการยังย้ำด้วยว่า ขอให้กรองข้อมูล อย่าเชื่อในสิ่งที่ได้เห็น ได้ฟังหรือแค่อ่านเท่านั้น ก่อนสรุปอะไรควรหาข้อมูลให้ครบถ้วนและมีหลักฐานยืนยัน

น.พ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุม ครม.กรณีที่พนักงานสอบสวนออกหมายเรียก 4 นายทหารที่เกี่ยวข้องกับคดีลอบสังหารว่า เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม รัฐบาลมีนโยบายที่ตรงไปตรงมา หากเกิดอะไรขึ้นกับประชาชนทุกคนก็ทำเหมือนกันหมด แต่ในฐานะที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ก็ถือเป็นคดีที่ใหญ่ ต้องให้ความสำคัญและดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรม รายละเอียดต่างๆ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเป็นผู้ดำเนินการ เมื่อถามว่า การจับกุมผู้ต้องหาได้แสดงให้เห็นว่าไม่ได้เป็นการจัดฉากใช่หรือไม่ น.พ.พรหมินทร์ กล่าวว่า ความจริงเรื่องนี้ไม่ใช่เป็นเรื่องที่จะโต้แย้งกัน เพราะพิสูจน์ได้ ขณะนี้ข้อเท็จจริงต่างๆก็ปรากฏออกมาแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานกันอย่างเต็มที่ เหตุการณ์นี้เป็นอาชญากรรม เป็นการกระทำผิดกฎหมายและผิดต่อหลายประเด็น ไม่แค่ความผิดต่อประชาชนคนธรรมดา แต่ผิดต่อสถาบันรัฐ เพราะเป้าหมายเป็นผู้นำประเทศด้วย


แหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์