ระทึกทุบทนายชิงทอง10บาท

เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 5 ก.ย.


พ.ต.ท.ยิ่งยศ อินทบุหรั่น รอง ผกก.สส. สน.ห้วยขวาง รับแจ้งเหตุชิงทรัพย์ทำร้ายเจ้าทรัพย์ได้รับบาดเจ็บ ภายในห้างสรรพสินค้าคาร์ฟูร์ สาขารัชดาฯ ถนนรัชดาภิเษก แขวงและเขตดินแดง กทม. พร้อมสายตรวจรุดไปสอบสวน พบนายไชยวิทย์ นารีมนต์ อายุ 45 ปี อาชีพทนายความ ผู้เสียหาย พักอยู่สำนักงานไชยวิทย์ทนายความ เลขที่ 129 ถนนสุคันธาราม เขตดุสิต อยู่ในอาการตกใจมึนงง ที่ศีรษะเป็นแผลแตกฉกรรจ์ มีเลือดไหลอาบนองใบหน้า ต้องนำตัวส่งให้แพทย์คลินิกมหานครเย็บบาดแผล จำนวน 20 เข็ม


ก่อนเล่าเหตุการณ์ว่ากลับจากทำธุระ ที่ จ.นนทบุรี แวะเข้าไปกินข้าวเที่ยงในห้างคาร์ฟูร์ เสร็จแล้วเดินเข้าไปล้างมือในห้องน้ำ มีคนร้ายเป็นชาย 2 คนเดินตามเข้ามาล็อกคอ ชักมีดออกมาจี้ คนร้ายอีกคนใช้ด้ามปืนทุบศีรษะหลายครั้งจนร่างทรุดไปกองกับพื้น ก่อนปลดสร้อยคอทองคำที่สวมคออยู่ 3 เส้น น้ำหนักเส้นละ 3 บาท 2 เส้น และน้ำหนัก 4 บาท 1 เส้น รวมน้ำหนัก 10 บาท มูลค่ากว่า 1 แสนบาท จากนั้นคนร้ายทั้ง 2 คน วิ่งหลบหนีออกไปทางหน้าห้างฯ ตนตะโกนร้องให้คนช่วยและวิ่งตามคนร้ายออกไปทางประตูด้านหน้าห้างฯ ท่ามกลางความแตกตื่นของชาวบ้าน แต่ไม่มีใครกล้าจับกุม เพราะเห็นคนร้ายวิ่งถือปืนเรียกรถแท็กซี่นั่งหลบหนีไปทางแยกสุทธิสาร จึงได้วิทยุสกัดจับกุมทันที

ในเวลาไล่เลี่ยกัน เจ้าหน้าที่ศูนย์วิทยุผ่านฟ้า 191 ได้รับแจ้งจาก รปภ.สถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน


พบคนร้ายที่ก่อเหตุชิงทรัพย์ในห้างคาร์ฟูร์รัชดาฯหนีลงไปขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดิน สถานีรัชดาภิเษก แขวงลาดยาว เขตจตุจักร จึงแจ้งวิทยุประสานให้กำลังตำรวจสายตรวจใกล้เคียง นำกำลังไปสกัดจับกุม เมื่อกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.สุทธิสาร กับ รปภ.สถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน ไปถึง คนร้ายเห็นจวนตัว ได้วิ่งเข้าไปใช้ปืนจี้ล็อกคอ น.ส.เสาวนิต แก้วแดง อายุ 31 ปี รปภ.ประจำสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินรัชดาภิเษก ที่คอยอำนวยความสะดวกให้ผู้โดยสารอยู่บริเวณนั้นพอดี เป็นตัวประกันทันที สร้างความแตกตื่นโกลาหล ต่อผู้พบเห็นจำนวนมาก โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจและ รปภ.สถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน คอยเจรจาคุมเชิงต่อรองอยู่ แต่คนร้ายขู่ไม่ให้เจ้าหน้าที่ติดตามหรือเข้าไปใกล้ โดยคนร้าย ลากตัว น.ส.เสาวนิต รปภ.สาว เดินย้อนขึ้นไปบนสถานี และเจรจาขอรถหนึ่งคันเพื่อใช้หลบหนีอยู่บนถนนรัชดาฯใกล้กับโรงแรมเจ้าพระยาปาร์ค


ทำให้ผู้ขับขี่รถที่สัญจรไปมาชะลอตัวกันดูเหตุการณ์ระทึกอย่างกับการแสดงหนัง เปิดโอกาสให้คนร้ายอาศัยจังหวะที่การจราจรเริ่มติดอยู่นั้น รีบเดินไปใช้ปืนจี้บังคับรถปิกอัพ ยี่ห้อฟอร์ดเรนเจอร์ รุ่นโฟร์วีลไดรฟ์ สีดำ เลขทะเบียน วจ 7572 กรุงเทพมหานคร มี น.ส.พิมพ์พร แซ่ตั้ง อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 99/172 ถนนรัชดาภิเษก แขวงลาดยาว เขตจตุจักร เป็นผู้ขับขี่แล้วไล่ลงจากรถ ก่อนคนร้ายจะกระชาก น.ส.เสาวนิตขึ้นรถและทำหน้าที่เป็นผู้ขับขี่ออกรถมุ่งหน้าไปทางสะพานรัชวิภา โดยมีกำลังตำรวจสายตรวจ ปฏิบัติการพิเศษ (191) สายตรวจ สน.สุทธิสาร ไล่ติดตามไป

ต่อมา พ.ต.อ.วุฒิพงศ์ เพ็ชรกำเหนิด ผกก.สน. สุทธิสาร


ที่รุดไปอำนวยการในที่เกิดเหตุ ได้รายงานเหตุคนร้ายก่อเหตุชิงทรัพย์และใช้ปืนจี้ตัวประกัน ให้ผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นทราบ โดย พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน ผบก.น.2 พ.ต.อ.วิชัย สังข์ประไพ ได้สั่งการแจ้งให้ สายตรวจทุก สน.ในเขต บก.น.2 เข้าแผนตั้งด่านสกัดเส้นทางหลบหนีของคนร้ายทุกจุด ขณะเดียวกัน พ.ต.ท. พีระศักดิ์ จิโรจน์สกุล สว.จร. สน.บางเขน พ.ต.ต.ชโลธร วัฒนะโชติ สวป.สน.บางเขน ได้รับแจ้งว่ารถคนร้ายมุ่งไปทางถนนวิภาวดีขาออก แล้วขึ้นสะพานยูเทิร์นกลับบริเวณแยกหลักสี่ ขับย้อนกลับมาทางถนนวิภาวดีขาเข้า แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนนแจ้งวัฒนะมุ่งหน้าไปทางวงเวียนอนุสาวรีย์ บางเขน จึงนำกำลังตั้งด่านสกัดจับบริเวณหน้าร้าน ป.กุ้งเผา ฝั่งตรงข้ามมหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน จนกระทั่งพบรถปิกอัพโฟร์วิลไดรฟ์ ยี่ห้อฟอร์ดเรนเจอร์ สีดำ เลขทะเบียน วจ 7572 กรุงเทพมหานคร ตรงตามที่ได้รับแจ้งขับผ่านมา จึงนำกำลังเข้าชาร์จจับกุมทันที


ทำให้คนร้ายตกใจขับรถพุ่งชนท้ายรถเก๋งยี่ห้อโตโยต้า วีออส สีดำ คันหนึ่งได้รับความเสียหายเล็กน้อย คนร้ายจวนตัวยกมือชูขึ้นยอมจำนนแต่โดยดี ตำรวจจึงเข้าล็อกตัวไว้ ทราบชื่อนายวรภพ หรือจักรี บัวเพ็ชร อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 138/4 หมู่ 4 ต.ทุ่งเตา อ.บ้านนาสาร จ.สุราษฎร์ธานี ค้นในตัวพบปืนพก .38 ยี่ห้อเทารัส 1 กระบอก มีกระสุนในรังเพลิง 6 นัด และกระสุนสำรองอยู่ในกระเป๋าเสื้อ อีก 12 นัด มีดพกปลายโค้ง 1 เล่ม ส่วน น.ส.เสาวนิต แก้วแดง อายุ 31 ปี รปภ.ตัวประกันปลอดภัย มีบาดแผลถูกคมมีดบาดที่แก้มขวาเล็กน้อย

น.ส.เสาวนิตเล่าเหตุการณ์ระทึกขวัญว่า


กำลังเข้าเวรอยู่ชั้นใต้ดินรถไฟฟ้าประจำสถานีรัชดาภิเษก ได้รับแจ้งให้สังเกตคนร้ายก่อเหตุชิงทรัพย์หน้าห้องน้ำในห้างคาร์ฟูร์ สาขารัชดาภิเษก จังหวะนั้นเห็นคนร้ายวิ่งหนีการไล่จับกุมของเจ้าหน้าที่ ตรงเข้ามาล็อกคอใช้มีดและปืนจี้จับเป็นตัวประกัน ก่อนลากตัวพาไปขึ้นรถปิกอัพอีกคัน และคนร้ายเป็นผู้ขับขี่ ซึ่งคนร้ายได้ชวนพูดคุยและยังพูดติดตลกว่ารถคันที่จี้มาขับดีมาก ตนรู้สึกตกใจเล็กน้อย แต่เชื่อว่าคนร้ายต้องถูกตำรวจจับกุมได้แน่ ขณะที่ น.ส.พิมพ์พร แซ่ตั้ง อายุ 48 ปี ผู้เสียหายที่ถูกชิงรถให้การว่า ขับรถออกจากบ้านไปเดินซื้อของที่ห้างเซ็นทรัล ลาดพร้าว เห็นคนร้ายจับ รปภ.ผู้หญิงเป็นตัวประกัน พาเดินมาใช้ปืนบังคับไล่ให้ลงจากรถ

ต่อมา พล.ต.ท.วิโรจน์ จันทรังษี


ผบช.น. พล.ต.ต. อำนวย นิ่มมะโน ผบก.น.2 พ.ต.อ.วิชัย สังข์ประไพ รอง ผบก.น.2 พ.ต.อ.วุฒิพงศ์ เพ็ชรกำเหนิด ผกก.สน.สุทธิสาร พ.ต.ท.ยิ่งยศ อินทบุหรั่น รอง ผกก. สส.สน.ห้วยขวาง ได้เดินทางไปสอบสวนผู้ต้องหา ที่ สน.บางเขน โดยนำนายไชยวิทย์ นารีมนต์ อายุ 45 ปี ทนายความผู้เสียหายถูกจี้ชิงสร้อยคอทองคำ และ น.ส.พิมพ์พร แซ่ตั้ง เจ้าของรถปิกอัพ มาชี้ตัวยืนยันผู้ต้องหาได้ถูกต้อง

ส่วนนายวรภพ หรือจักรี บัวเพ็ชร ผู้ต้องหาที่ถูกจับให้รับสารภาพว่า


ร่วมกับนายอิสรา ปานโต อายุ 27 ปี ผู้ต้องหาที่หลบหนีไปได้พร้อมสร้อยคอทองคำหนัก 10 บาท ก่อเหตุใช้ปืนชิงทรัพย์เหยื่อตามห้องน้ำในห้างสรรพสินค้ามาหลายครั้ง จะตระเวนเลือกห้องน้ำในห้างที่เปลี่ยว มีคนไม่พลุกพล่าน และคอยสังเกตเหยื่อที่แต่งตัวดี ใส่เครื่องประดับ จำพวกสร้อยคอ สร้อยข้อมือ โดยจะตามเข้าไปทำร้ายเหยื่อด้วยการใช้ด้ามปืนทุบศีรษะเพื่อให้เหยื่อหวาดกลัว ไม่กล้าขัดขืน สำหรับนายไชยวิทย์ ทนายความเจ้าทุกข์รายล่าสุดนั้นตัวใหญ่ และต่อสู้ขัดขืน จึงใช้ด้ามปืนทุบศีรษะไป 6 ครั้ง ก่อนจะปลดสร้อยคอได้ จากการตรวจสอบประวัตินายวรภพเคยมีประวัติต้องโทษคดียาเสพติด สน.หัวหมาก และนายอิสรามีหมายจับหลายคดี ชอบพกอาวุธปืน และจะเป็นผู้ลงมือทำร้ายเหยื่อทุกครั้ง

แหล่งที่มา: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์