ฆ่าโหดโชเฟอร์แท็กซี่ชิงทรัพย์ย่านลำลูกกา

เมื่อเวลา 04.10 น. วันที่ 21 ก.ย. พ.ต.ต.สมชาย รัฐมั่น พนักงานสอบสวน สภ.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี

รับแจ้งเหตุโชเฟอร์แท็กซี่ถูกแทงเสียชีวิตที่บริเวณซอยถนนพระองค์เจ้าสาย-ธัญบุรี  ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบด้วย หลังรับแจ้งจึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุหน้าบ้านเลขที่ 4/2 ม.4 ต.ลาดสวาย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี พบ รถแท็กซี่โตโยต้า สีเขียว-เหลือง หมายเลขทะเบียน มฉ-679 กทม. ห่างจากรถประมาณ 20 เมตร พบศพนายทองใส จำเริญอายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 22 ม.4 ต.กุด กิ่งอำเภอศิลาลาด จ.ศรีษะเกษ สภาพศพเลือดไหลนองทั่วร่างนอนหงายหน้า ถูกแทงด้วยมีดที่บริเวณ ชายโครงด้านซ้ายใต้รักแร้ 3 แห่ง หน้าอกซ้าย 1 แห่ง หัวไหล่ซ้าย 2 แห่ง และที่บริเวณแก้มซ้ายอีก 2 แห่ง ตรวจพบกระเป๋าสตางค์ลูกสาวผู้ตายที่ตกอยู่ที่เบาะด้านคนขับสีแดง 1 ใบ และพบปลอกมีดคาดว่าจะเป็นอาวุธมีดของคนร้ายที่ตกอยู่ที่พื้นด้านหลัง

สอบสวนชาวบ้าน ที่อยู่ใกล้กับที่เกิดเหตุ ให้การว่า ได้ยินเสียงหมาเห่าผิดสังเกต และมีเสียงคนวิ่งกันประมาณ 2-3 คน ช่วงประมาณ 01.20 น.แต่ไม่กล้าออกมาดู
หลังจากนั้นก็ก็หลับไป จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาเรียกถึงทราบว่าเกิดเหตุร้ายขึ้น ต่อมานายพงศกร รุ่งเรือง อายุ 27 ปี อาชีพขับรถแท็กซี่ สีส้ม หมายเลขทะเบียน ทย-1338 กทม. อยู่บ้านเลขที่ 31/329 หมู่ 16 ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี เดินทางมาที่เกิดเหตุ พร้อมทั้งแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า เมื่อเวลา ประมาณ 02.30 น. คืนเดียวกัน ตนถูกคนร้าย ประมาณ 6-7 คน ว่าจ้างจากร้านอาหาร ในหมู่บ้านเมืองเอก อ.เมือง จ.ปทุมธานี ให้ไปส่งที่ย่านสะพานสูงคลองสาม อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี แต่เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุซึ่งเป็นซอยเปลี่ยว และมืด ท้ายหมู่บ้านรินทร์ทอง คนร้าย 2 คนที่นั่งด้านหลัง ได้ใช้อาวุธปืน และมีดจี้ พร้อมทั้งขู่เอาเงิน ซึ่งขณะนั้นในตัวมีเงินอยู่ 3,000 บาท จึงหยิบให้คนร้าย พร้อมทั้งร้องขอชีวิต จากนั้นเมื่อได้เงินแล้ว คนร้ายทั้งหมดจึงพากันลงจากรถแล้ววิ่งหนีไป เมื่อตั้งสติได้ จึงรีบขับรถเข้าไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ สภ.คูคต ต่อมาได้ยินจากรายการวิทยุร่วมด้วยช่วยกันว่ามีเหตุคนขับรถแท็กซี่ถูกฆ่าชิงทรัพย์ จึงเดินทางมาดู พร้อมกับเล่าเหตุการณ์ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจฟัง

พ.ต.อ.อนุสรณ์ กลิ่นขจร ผกก.สภ.คูคต กล่าวว่า เบื้องต้นนั้น ผู้ตายอาจถูกลวงมาฆ่าชิงทรัพย์เนื่องจากตรวจสอบในตัวผู้ตายไม่พบเงินพบเพียงเอกสารบัตรประชาชนและใบขับขี่เท่านั้น อย่างไรก็ตามจะได้สืบสวนสอบสวนติดตามตัวคนร้ายรายนี้มาดำเนินคดีให้ได้ถือว่าเป็นคดีอุกอาจ