น้ำยมทะลักสุโขทัย จมหาย2 สั่งปิด20โรงเรียน

น้ำยมทะลักท่วมสุโขทัย 4 อำเภอ บางหมู่บ้านสูงเกือบ 3 เมตร ชาวบ้านขนของหนีวุ่น ถนนเข้าอ.สวรรคโลกท่วมสูง 1 เมตร กระแสน้ำซัดหาย 2 คน ครูหนุ่มใหญ่โดนพัดหายไปขณะเก็บข้าวของหนีน้ำ ส่วนอีกรายเด็ก 15 พายเรือกลับบ้าน กระแสน้ำพัดหายไป ระดมค้นหาวุ่น พร้อมสั่งปิดโรงเรียน 20 แห่ง กระทรวงเกษตรฯสั่งเขื่อนสิริกิติ์หยุดปล่อยน้ำ 3 วัน ป้องกันน้ำท่วมพิษณุโลก เทศบาลเมืองสองแควระดมกระสอบทรายกั้นน้ำ ขณะที่การรถไฟฯยังเร่งค้นหาศพช่างเครื่องรถไฟที่ตกน้ำยมพร้อมกับหัวรถจักร

เมื่อเวลา 01.00 น. วันที่ 3 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น้ำในแม่น้ำยม ที่จ.สุโขทัย มีระดับเพิ่มสูงขึ้นเกินจุดวิกฤต ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำยม 4 อำเภอ ได้แก่ อ.ศรีสัชนาลัย สวรรคโลก ศรีสำโรง และอ.เมือง เอ่อล้นตลิ่งและกัดเซาะริมตลิ่งพัง ทำให้น้ำจากแม่น้ำยมไหลบ่าเข้าท่วมบ้านเรือนของประชาชนและถนนสายต่างๆ ถูกน้ำท่วมมีระดับน้ำสูงกว่า 1 เมตร โดยเฉพาะบ้านคลองกระจง หมู่ 2 และ หมู่ 6 อ.สวรรคโลก ระดับน้ำท่วมสูงเกือบ 3 เมตร ประชาชนทั้ง 2 หมู่บ้านถูกตัดขาดจากโลกภายนอก รวมทั้งระบบน้ำประปาและไฟฟ้าถูกกระแสน้ำพัดได้รับความเสียหาย

ขณะเดียวกันทางเทศบาลเมืองสวรรคโลกเร่งป้องกันสถานที่ราชการและโรงพยาบาลสวรรคโลก ด้วยการนำกระสอบทรายเสริมคันตลิ่งแม่น้ำยม พร้อมเร่งสูบระบายน้ำที่ท่วมในตลาดสดเทศบาล โดยเฉพาะถนนสายหลักที่เข้าตัวอ.สวรรคโลก ระดับน้ำท่วมสูงกว่า 1 เมตร รถเล็กไม่สามารถวิ่งผ่านได้ เช่นเดียวกับทางอ.ศรีสำโรง น้ำจากแม่น้ำยมไหลบ่าเข้าท่วมในตลาดสดเทศบาล มีระดับน้ำสูงกว่า 50 ซ.ม.

ทางด้านอ.เมือง ทางองค์การบริหารส่วนตำบลปากแคว เตรียมอพยพประชาชนออกจากพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วมในหมู่ที่ 5 ต.ปากแคว เนื่องจากระดับน้ำแม่น้ำยมที่ไหลบ่าเข้าท่วม มีระดับเพิ่มสูงตลอดเวลา และมีกระแสน้ำไหลเชี่ยวและแรงพัดสาธารณูปโภคต่างๆ ได้รับความเสียหาย ประชาชนต้องสัญจรด้วยเรือ และทำสะพานข้ามเข้าออกในหมู่บ้านกันเอง

ขณะนี้ระดับน้ำในแม่น้ำยมยังคงมีระดับสูงและไหลบ่าเข้าท่วมบ้านเรือนของประชาชน ตลอดทั้งสาธารณูปโภคต่างๆ ได้รับความเสียหาย และประชาชนที่บ้านเรือนถูกน้ำท่วมจนไม่สามารถพักอาศัยอยู่ในบ้านได้ ต้องอาศัยริมถนนสายสุโขทัย-ศรีสัชนาลัย เป็นที่พักเพื่อหลับนอนด้วยการปลูกเพิงหรือกางเต็นท์เป็นที่อยู่อาศัย ตลอดทั้งหุงหาอาหารรับประทาน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งนี้ มีผู้สูญหาย 2 ราย ได้แก่ นายอมร ไชโย อายุ 15 ปี ชาวบ้านหมู่ 3 ต.ป่ากุมเกาะ อ.สวรรคโลก ถูกกระแสน้ำพัดขณะกำลังพายเรือกลับบ้าน และนายกมล ศิริปะโชติ อายุ 55 ปี อาจารย์โรงเรียนวัดกลาง อ.สวรรคโลก ถูกกระแสน้ำพัดในขณะที่เก็บของหนีน้ำ เจ้าหน้าที่กำลังช่วยกันค้นหา แต่ยังไม่พบ ขณะเดียวกัน ทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุโขทัยนำถังน้ำขนาดบรรจุ 1,000 ลิตร พร้อมน้ำสะอาดติดตั้งตามสถานที่ต่างๆ ให้กับประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วมให้ได้มีน้ำดื่มน้ำใช้ที่สะอาดบริโภค โดยจะนำน้ำสะอาดมาเติมให้ตลอดเวลา เพื่อเป็นการป้องกันโรคที่อาจจะมากับน้ำจากสภาวะน้ำท่วมในครั้งนี้ และสถานศึกษาใน 4 อำเภอที่ประสบภัยน้ำท่วมต้องสั่งปิดโรงเรียนเกือบ 20 แห่ง จนกว่าสถานการณ์น้ำท่วมจะคลี่คลาย

ส่วนกรณีหัวรถจักรรถไฟ ขบวนรถด่วน 52 สายเชียงใหม่-กรุงเทพฯตกลงไปในแม่น้ำยม อ.ลอง จ.แพร่ จนทำให้นายอนุชา อนุรักษ์ ช่างเครื่องตกลงไปในแม่น้ำ เมื่อวันที่ 31 ส.ค.ที่ผ่านมานั้น ความคืบหน้าเรื่องนี้ เมื่อเวลา 11.00 น. วันเดียวกัน นายสมชาติ อนุรักษ์ อายุ 61 ปี นางวิจิตรา อนุรักษ์ อายุ 61 ปี พ่อแม่ของนายอนุชา อนุรักษ์ ช่างเครื่องประจำหัวรถจักร พร้อมด้วยนางวารุณี อนุรักษ์ อายุ 27 ปี ทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ประจำสถานีรถไฟอุตรดิตถ์ ภรรยานายอนุชา เดินทางไปยังจุดเกิดเหตุ และทำพิธีนำเครื่องเซ่นไหว้ตามความเชื่อพื้นบ้านของชาวบ้านบ้านแก่งหลวง โดยนำหมอนโยนลงน้ำเพื่อหาจุดว่าศพนายอนุชาอยู่ตรงจุดใด โดยหมอนลอยเวียนวนใกล้ๆ กับหัวรถจักรตก ห่างจากฝั่งประมาณ 5 เมตร

นางวารุณีเปิดเผยว่า ทางญาติพี่น้องได้ไปให้หมอดู ทำนายว่าศพของอนุชาจะอยู่ไม่ไกลจากที่เกิดเหตุได้ติดก้อนหิน วันนี้ญาติพี่น้องจึงเดินทางมาทำพิธีและมั่นใจว่าศพคงอยู่ที่เกิดเหตุ

นายกฤษณ์ ศฤงชัยธวัช รองวิศวกรใหญ่ ฝ่ายการช่างกล การรถไฟแห่งประเทศไทย พร้อมคณะ เดินทางมาตรวจสอบที่เกิดเหตุ โดยมีการสำรวจเส้นทาง มีแผนการจะปรับทางด้านที่ติดภูเขาจะทำการระเบิดเขาเข้าไปประมาณ 5 เมตร เป็นทางยาวประมาณ 200 เมตร เพื่อนนำปั้นจั่นขนาดใหญ่เข้าไปดึงหัวรถจักรขึ้นจากลำน้ำยม

นายกฤษณ์ กล่าวว่า วันนี้นักประดาน้ำขอหยุดพัก 1 วัน เนื่องจากมีความเหน็ดเหนื่อยมาก และทางคณะจะปรับพื้นที่เสียก่อนเพื่อจะดึงหัวรถจักร จะใช้รถปั้นจั่นขนาดใหญ่ ขณะนี้รอจอดอยู่ที่สถานีรถไฟเด่นชัย หัวรถจักรที่จมน้ำมีน้ำหนักมากถึง 35 ตัน เมื่อดึงหัวรถจักรได้ จะให้นักประดาน้ำลงไปงมศพนายอนุชา ส่วนจะดึงขึ้นได้จากน้ำหรือไม่นั้นต้องดูกันอีกครั้ง ตอนนี้พยายามที่จะหาศพช่างเครื่องให้ได้ก่อน สำหรับการเดินรถนั้น รถไฟสายเหนือเดินทางจากเชียงใหม่-กรุงเทพฯ สามารถใช้การได้มาตั้งแต่เวลา 22.00 ของคืนวันที่ 2 ก.ย.แล้ว

ส่วนที่จ.พิษณุโลก นายอดิเทพ ศิริเจริญพันธ์ รองนายกเทศมนตรีนครพิษณุโลก เปิดเผยว่า สถานการณ์โดยรวมอาจจะดูดีกว่าที่ผ่านมาเล็กน้อย เพราะระดับน้ำในแม่น้ำน่านที่ไหลผ่านตัวเมืองพิษณุโลก มาหยุดทรงตัวอยู่ที่ 9.67 เมตร โดยจุดวิกฤตที่น้ำในแม่น้ำน่านจะล้นตลิ่งเข้าท่วมในเขตเศรษฐกิจการค้าสำคัญของจังหวัดพิษณุโลก คือ 10.00 เมตร ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะฝนหยุดตกมา 2 วันแล้ว แต่ยังจะต้องเตรียมความพร้อมกันต่อไป เนื่องจากปริมาณน้ำเพียงแต่ทรงตัวยังไม่ลดลง ขณะที่น้ำเหนือยังจะไหลบ่าลงมาสมทบอีก ที่สำคัญทราบว่าเขื่อนสิริกิติ์จะเริ่มปล่อยน้ำออกจากเขื่อนอีกครั้ง ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อปริมาณน้ำที่อาจจะเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วอีกครั้ง

"ทางเทศบาลนครพิษณุโลกเตรียมกระสอบทรายไว้สำหรับพี่น้องประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัย และส่วนหนึ่งนำไปสร้างเป็นแนวกำแพงในจุดที่เสี่ยงต่อการทะลักเข้าท่วมของน้ำ และให้คงกำลังเจ้าหน้าที่ประจำจุดเสี่ยงที่แม่น้ำน่านอาจล้นตลิ่งตลอด 24 ชั่วโมงต่อไป ขณะเดียวกันนำเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่จำนวน 5 เครื่องไปติดตั้งบริเวณจุดที่ทำการอุดท่อระบายน้ำเพื่อป้องกันน้ำไหลย้อนเข้าเมือง พร้อมทำการสูบน้ำที่ไหลจากอาคารบ้านเรือนลงในแม่น้ำน่าน หากปริมาณน้ำเหนือและน้ำจากเขื่อนสิริกิติ์ไม่ไหลลงมาสมทบอย่างรวดเร็ว มั่นใจว่าจะสามารถรับมือไม่ให้น้ำทะลักเข้าท่วมในเขตเศรษฐกิจสำคัญของเมืองได้" นายอดิเทพกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่อำเภอรอบนอก ที่น่าเป็นห่วงคือเขตอำเภอบางระกำ ที่ปริมาณน้ำในแม่น้ำยมยังเพิ่มสูงอย่างต่อเนื่องเฉลี่ยวันละ 20-25 ซ.ม. และเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนและพื้นที่การเกษตรในเขตตำบลชุมแสงสงคราม ขณะที่ชาวบ้านซึ่งอาศัยอยู่สองฝั่งแม่น้ำยมขนของหนีน้ำมาก่อสร้างเพิงพักชั่วคราวบริเวณริมถนนสายบางระกำ-พิษณุโลก ทางอำเภอเข้าไปตั้งแท็งก์น้ำดื่มให้ชาวบ้านพร้อมติดตั้งแผงเหล็กสัญญาณไฟกะพริบเพื่อป้องกันอุบัติเหตุจากรถยนต์ที่แล่นไปมา ส่วนเขตอำเภอบางกระทุ่ม ชาวบ้านยังคงช่วยกันซ่อมแซมพนังกั้นน้ำคลองเนินกุ่ม-วัดตายม บริเวณหมู่ที่ 7 ต.เนินกุ่ม เป็นครั้งที่ 4 หลังจากที่แรงดันน้ำทำให้พนังเกิดรอยร้าวและแยกตัวออก ทำให้เกิดน้ำท่วมพื้นที่การเกษตรเสียหายกว่า 5,000 ไร่

นอกจากนั้น ปริมาณน้ำในแม่น้ำแควน้อยยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมทางหลวงหมายเลข 1143 สายอำเภอนครไทย-อำเภอชาติตระการ บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 20-22 ระดับน้ำสูง 1.20 เมตร ยาว 500 เมตร และบริเวณหลักกิโลเมตรที่ 24-25 ระดับน้ำสูง 1.40 เมตร ยาว 100 เมตร รถทุกชนิดไม่สามารถผ่านไปมาได้ และเมื่อช่วงเช้าของวันเดียวกัน ปริมาณน้ำจากแม่น้ำแควน้อยทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนและพื้นที่การเกษตรในพื้นที่ตำบลท้อแท้ ตำบลคันโช้ง ตำบลหินลาด อำเภอวัดโบสถ์ รวม 5 หมู่บ้าน 100 หลังคาเรือน และท่วมถนนสายวัดโบสถ์-โป่งแค ที่จะผ่านไปสู่ตำบลป่าแดง อำเภอชาติตระการ บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 28 หน้าวัดท่าหนอง ตำบลหินลาด ระดับน้ำสูง 70 ซ.ม. และเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ รถเล็กไม่สามารถผ่านได้ และจากสถานการณ์ดังกล่าว ทางเทศบาลตำบลวัดโบสถ์ ต้องระดมกำลังนำกระสอบทรายจำนวน 15,000 ใบ และขอรับสนับสนุนจากป้องกันจังหวัดอีก 2,000 ใบ ปิดกั้นริมตลิ่งเพื่อป้องกันน้ำทะลักเข้าท่วมตัวอำเภอ ซึ่งเป็นที่ตั้งส่วนราชการ วัด โรงเรียน ตลาดสด และอาคารพาณิชย์รวมถึงบ้านเรือนประชาชนจำนวนมาก

ส่วนที่จ.ตาก ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์น้ำท่วมที่อำเภอสามเงา ทวีความรุนแรงระดับน้ำในแม่น้ำวัง สูงกว่า 9 เมตร ทำให้น้ำไหลบ่าเข้าท่วมบริเวณต.ยกกระบัตร ต.วังหมัน และ ต.วังจันทร์ กระแสน้ำที่เชี่ยวกราก กัดเซาะคอสะพานนาตาโพ หมู่ที่ 4 ต.วังหมัน อ.สามเงา เชื่อมระหว่างเส้นทางวังหมัน-นาตาโพ ซึ่งเป็นเส้นทางหลักที่ชาวบ้านใช้สัญจรไปมาและใช้ขนพืชผลทางการเกษตรออกสู่ท้องตลาด ขาดทั้ง 2 ด้าน ไม่สามารถสัญจรไปมาได้ ชาวบ้านเกรงจะมีอันตรายจึงติดตั้งสัญญาณเตือนและให้ไปใช้เส้นทางพหลโยธินแทนซึ่งต้องอ้อมเป็นระยะทางกว่า 20 ก.ม. นักเรียนหลายแห่งไม่สามารถไปโรงเรียนได้ ขณะนี้ยังไม่มีหน่วยงานใดเข้าไปซ่อมแซม

ด้านอ.บ้านตากที่ต้องรองรับน้ำจากอำเภอสามเงา ระดับน้ำเอ่อเข้าท่วมหมู่บ้านยางโองน้ำ ต.แม่สลิด ระดับน้ำสูงกว่า 1 เมตร เนื่องจากเป็นเป็นพื้นที่ต่ำชาวบ้านต้องเร่งขนย้ายสิ่งของเครื่องมือการเกษตร คนแก่และเด็กไปอาศัยบ้านญาติเป็นการชั่วคราว จนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติ

วันเดียวกัน คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ให้กรมชลประทานประสานกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หยุดการระบายน้ำจากเขื่อนสิริกิติ์ เป็นเวลา 3 วัน ตั้งแต่เมื่อวานนี้ถึงพรุ่งนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำท่วมหนักจ.พิษณุโลก พร้อมให้พร่องน้ำหน้าเขื่อนเจ้าพระยา จากระดับ 16.3 เมตร ให้เหลือ 15.4 เมตร โดยควบคุมระดับน้ำน่านไม่ให้เกิน 10 เมตร ไม่ให้มีน้ำท่วมในพื้นที่ลุ่มต่ำริมตลิ่ง ซึ่งน้ำที่ระบายออกมาจะไม่มีผลกระทบต่อพื้นที่ทางการเกษตรในภาคกลาง และกรุงเทพมหานครอย่างแน่นอน

รมว.เกษตรฯกล่าวต่อว่า สำหรับสถานการณ์ฝนทิ้งช่วงในหลายพื้นที่ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สั่งการให้สำนักฝนหลวงและการบินเกษตร เตรียมเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนในอ่างเก็บน้ำสำคัญ เช่นเขื่อนอุบลรัตน์ เขื่อนจุฬาภรณ์ และเขื่อนลำนางรอง รวมทั้งพื้นที่แห้งแล้งรุนแรง เช่น จ.บุรีรัมย์ ล่าสุดตั้งฐานปฏิบัติการฝนหลวงขึ้น 3 ฐาน ในจ.นครราชสีมา ขอนแก่น และอุบลราชธานี แล้ว

แหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ข่าวสด