ข่มขืนฆ่าโหดสาววัยเบญจเพส ทิ้งศพหมกพงหญ้าย่านประ ตูน้ำจุฬาฯเมืองปทุม ฆาตกรสุดโหดปาดคอแล้วแทงซ้ำบริเวณท้องน้อย
อวัยวะเพศฉีกขาด เผยเป็นสาวหน้าตา-ผิวพรรณดี ชาวบ้านพบศพขณะโดนตัวเงินตัวแทงกัดแทะศพด้วยความหิวโหย พ่อรุดดูศพถึงกับเป็นลม ระบุลูกสาวหายไปตั้งแต่คืนวันเสาร์ที่ผ่านมา หลังไปร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์ศิษย์เก่าสวนกุหลาบปทุมฯ ตร.เชื่อโดนข่มขืนหรือไม่ก็ฆ่าชิงทรัพย์
เมื่อเวลา 09.45. น. วันที่ 8 ก.ย. ร.ต.ท.รพีพงศ์ กุลจิตติชุติพร ร้อยเวร สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี
รับแจ้งพบศพหญิงสาวถูกฆ่าตายอยู่ในพงหญ้าข้างทาง ในซอยระหว่างรังสิต-นครนายก 56-58 หมู่ 5 ต.ประชาธิปัตย์ จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบ จากนั้นรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พล.ต.ต.วิทยา ประยงค์พันธ์ ผบก.ภจว.ปทุมธานี พ.ต.อ.วัฒนา วงค์จันทร์ ผกก.สภ.ประตูน้ำจุฬา ลงกรณ์ พ.ต.ต.เสาวภา พลานนท์ นักวิทยา ศาสตร์ (สบ2) กองวิทยาการเขต 11 พ.ญ.ศิริพร วรพงศ์มนูพงษ์ แพทย์เวรโรงพยาบาลประชาธิปัตย์ และเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู
ที่เกิดเหตุห่างจากถนนรังสิต-นครนายก ประ มาณ 200 เมตร พบศพหญิงสาวอายุประมาณ 25-30 ปี ผิวขาว รูปร่างหน้าตาดี สูงประมาณ 160 ซ.ม.
ผมหยิกยาว สีโค้ก นอนหงายอยู่ในพงหญ้าในสภาพลิ้นจุกปาก สภาพสวมเสื้อแบบชุดกระโปรงชุดแซ็ก ลายดอกสีขาวดำ โดยถกขึ้นเหนือเอวจนเห็นกางเกงในสีขาวดำลายดอกผูกโบ สวมเสื้อชั้นในสีดำ บริเวณลำคอพบสร้อยคอทองคำน้ำหนักประมาณ 50 สตางค์ ถูกดึงขาดเหลือครึ่งเส้น สวมแหวนเพชรทองคำที่นิ้วนางมือซ้าย คล้ายแหวนหมั้น 1 วง และแหวนทองคำอีก 2 วง น้ำหนักประมาณ 50 สตางค์ ที่นิ้วกลางมือขาว สวมนาฬิกาข้อมือซ้าย ยี้ห้อแทค ฮอยเออร์ แบบสแตนเลส และมีกิ๊บผูกผมสีชมพูติดอยู่ที่ผม 1 อัน ในตัวไม่พบเอกสารเป็นใคร
ข่มขืนฆ่าทิ้งพงหญ้า-ศพโดนแทะอนาถ
พ.ญ.ศิริพร วรพงศ์มนูพงษ์ แพทย์เวรโรงพยาบาลประชาธิปัตย์ กล่าวว่า จากการชันสูตรพบบาดแผลถูกปาดคอด้วยของมีคมและตามลำตัวอีกหลายแห่ง
บริเวณหน้าท้องใต้สะดือ มีบาดแผลลักษณะถูกแทงอีก 1 แผลอย่างโหดร้าย และบริเวณอวัยวะเพศฉีกขาดมีเลือดไหลออกมาจากช่องคลอดจำนวนมาก และมีผ้าอนามัยชนิดบางปิดอยู่ ซึ่งยังไม่ทราบว่าเป็นเลือดอะไรกันแน่ เบื้องต้นสันนิษฐานว่าน่าจะเสียชีวิตมาไม่ต่ำกว่า 42 ชั่วโมง ส่งศพไปผ่าชันสูตรหาสาเหตุการตายอีกครั้งที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ
น.ส.ชนัญ อัชณีย์ อายุ 53 ปี เจ้าของหอพักน้ำตาลอพาร์ทเม้นต์ เลขที่ 52 หมู่ 5 อยู่ใกล้จุดพบศพ ให้การว่า เป็นผู้พบศพคนแรก เนื่องจากได้ยินเสียงสุนัขเห่านานผิดปกติ จึงพาเพื่อนบ้านมาดูก็พบว่ามีผู้เสียชีวิตอยู่ในพงหญ้า และกำลังถูกตัวเงินตัวทองกัดแทะศพ แต่ไม่ทราบว่าเป็นใคร
พล.ต.ต.วิทยา ประยงค์พันธ์ ผบก.ภจว.ปทุม ธานี กล่าวว่า จากการตรวจสอบเชื่อว่าผู้ตายไม่ ใช่คนในพื้นที่
สันนิษฐานว่าน่าจะถูกฆ่าตายในลักษณะพยายามข่มขืนหรือถูกข่มขืนในพื้นที่อื่น เมื่อผู้ตายไม่ยอมก็เลยถูกฆ่าปาดคอแล้วนำศพมาทิ้งในพงหญ้าดังกล่าว ซึ่งได้สั่งการให้พ.ต.อ. วัฒนา วงค์จันทร์ ผกก.สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ แบ่งกำลังจัดชุดสืบสวนสอบสวนร่วมกับชุดสืบ สวนจังหวัดออกหาข่าวในพื้นที่และพื้นที่ใกล้เคียง ว่ามีหญิงสาวลักษณะเป็นคนมีฐานะร่ำรวย หน้า ตาดีหายออกไปจากบ้านหรือไม่ เพื่อเป็นแนวทางติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป
ต่อมาเวลา 14.00 น. นายสมบัติ บุญสนอง อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 32/2 หมู่ 5 (คลองสี่) ต.ลาดสวาย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี
เดินทางเข้าพบ ผกก.สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ พร้อมขอดูศพ โดยเมื่อเห็นสภาพศพถึงกับเป็นลม เนื่องจากผู้ตายเป็นลูกสาวที่หายตัวออกจากบ้านไปตั้งแต่คืนวันเสาร์ที่ 5 ก.ย.ที่ผ่านมา ชื่อน.ส.สุรีรัตน์ บุญสนอง หรือติ๋ว อายุ 25 ปี จบการศึกษาจากโรงเรียนสวนกุหลาบ จ.ปทุมธานี ทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ธุรการกรมทางหลวงชนบทบางเขน ก่อนจะหายตัวไปเมื่อช่วงค่ำลูกสาวได้นัดพบปะสัง สรรค์เลี้ยงรุ่นศิษย์เก่าโรงเรียนสวนกุหลาบรุ่น 04 ที่ร้านอาหารในมหาวิทยาลัยรังสิต
นายสมบัติ กล่าวต่อว่า คืนที่น้องติ๋วหายตัวไป ได้ขับรถยนต์กระบะพี่ชายไปรับเพื่อนๆ และสังสรรค์กันตั้งแต่หัวค่ำ
กระทั่ง 5 ทุ่มเศษลูกสาวได้ขับรถเข้ามาเก็บที่บ้านคนเดียวแล้วรีบออกจากบ้านไปหาเพื่อนชายที่นัดไว้ โดยมีชาวบ้านเห็นว่าลูกสาวโบกรถแท็กซี่มิเตอร์สีเขียว-เหลืองไปคนเดียวตอนประมาณเที่ยงคืนเศษ แต่พอโทรศัพท์ไปหาเพื่อนๆ ของลูกบอกว่าลูกสาวไม่ได้มาหา และเมื่อโทร.ไปถามเพื่อนชายของลูกสาวบอกว่าน้องติ๋วจะไปหาจริงแต่ยังมาไม่ถึง โทรศัพท์ก็ติดต่อไม่ได้ก่อนจะหายตัวไปกระทั่งมาพบเป็นศพดังกล่าว โดยเครื่องประดับยังอยู่ครบ มีเพียงกระเป๋าสตางค์และโทรศัพท์มือถือหายไป 2 เครื่อง และสร้อยคอทองคำขาดหายไปครึ่งเส้น คาดว่าคนร้ายจะนำไปด้วย
พ.ต.อ.วัฒนาเผยว่า หลังสอบปากคำพ่อและเพื่อนๆ ผู้ตาย เจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่าฆาตกรน่าจะเป็นคนขับแท็กซี่หรือไม่ก็คนร้ายที่มาพบผู้ตายระหว่างทางและพยายามข่มขืน เนื่องจากผู้ตายหน้าตาดีผิวพรรณดี หรือไม่ก็พยายามชิงทรัพย์ เมื่อผู้ตายไม่ยอมคนร้ายจึงลงมือฆ่าทิ้งอำพรางคดี จะได้ติดตามตัวมาดำเนินคดีโดยเร็วต่อไป