สาดกรดเมีย ผัวหึงโหด-เจ็บสาหัส



ผัวหึงโหดเมียเก่า บุกสาดน้ำกรดเจ็บสาหัส น้าสาวโดนลูกหลงไปด้วยอีก 2 คน เผยอยู่กินกันมานานจนมีลูก 2 คนแต่เลิกรากันไป ระยะหลังมีชายหนุ่มมาติดพันเลยเกิดหวง บุกสาดกรดก่อนซิ่งรถพาลูกชายหลบหนีไปด้วยกัน อีกคดีเมียทุบฆ่าผัวเจ้าชู้ตายคาบ้าน

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 7 ก.ย. ห้องวิทยุสื่อ สาร สภ.เมืองตรัง รับแจ้งว่า เกิดเหตุมีคนถูกสาดน้ำกรดได้รับบาดเจ็บสาหัส 2 คน ที่ริมถนนสายตรัง-ปะเหลียน ช่วงปากทางแยกเข้าเรือนจำจังหวัดตรัง พื้นที่ ต.โคกหล่อ ทราบชื่อคือ น.ส.พัชรีภรณ์ ลามเอียด อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 32/1 หมู่ที่ 2 ตำบลโคกหล่อ อ.เมือง จ.ตรัง และ น.ส.จุฑามาศ สัมปทาน อายุ 34 ปี มีศักดิ์เป็นน้าสาวของ น.ส.พัชรีภรณ์ และอาศัยอยู่บ้านเดียวกัน โดยทั้ง 2 คน รับบาดเจ็บสาหัสจากน้ำกรดผสมน้ำมันเครื่อง นับตั้งแต่บริเวณศีรษะตลอดถึงลำตัวรวมจำนวนหลายแผล

นางอมรรัตน์ กิ้มนวล อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 3 ถนนโคกขัน ต.ทับเที่ยง ในเขตเทศบาลนครตรัง น้าสาวและพี่สาวของผู้บาดเจ็บทั้ง 2 คน ซึ่งมีอาการบาดเจ็บที่บริเวณมือด้วย เนื่องจากถูกน้ำกรดจากให้ความช่วยเหลือผู้เสียหายทั้งคู่ เปิดเผยว่า ก่อนเกิดเหตุ ตนและผู้เคราะห์ร้ายเดินทางไปเยี่ยมญาติที่เรือนจำจังหวัดตรังด้วยกัน โดยมีนายภักดี สิทธิพิสัย สามีของ น.ส. พัชรีภรณ์ ผู้บาดเจ็บสาหัส นำบุตรชายคนเล็กวัย 4 ขวบ ที่เกิดกับ น.ส.พัชรีภรณ์ เดินทางไปด้วย

ขณะกำลังจะเดินทางกลับบ้าน น.ส.พัชรีภรณ์ ขี่รถจักรยานยนต์ โดยมี น.ส.จุฑามาศ ซึ่งเป็นน้าสาวและเป็นน้องสาวของตนนั่งซ้อนท้ายไปด้วย ในขณะที่นายภักดีให้บุตรชายคนเล็กนั่งด้วยอีกคน ส่วนตนเดินทางมากับรถจักรยานยนค์อีกคันของบุตรชาย และขี่นำหน้ารถคันอื่นๆ เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุได้ยินเสียงดังลั่นขึ้นมา ตนจึงหันกลับมาดูและเลี้ยวรถกลับมาหาทั้งหลานสาวและน้องสาวทั้ง 2 คน พบว่าทั้งคู่กำลังร้องด้วยความเจ็บปวด

ตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า ใบหน้าและลำตัวของทั้งคู่เลอะไปด้วยน้ำมันเครื่อง แต่มาทราบภายหลังว่าเป็นน้ำกรดผสมน้ำมันเครื่อง จากนั้นจึงโทรศัพท์เรียกรถพยาบาลฉุกเฉินของ ร.พ.ตรัง แล้วรีบนำตัวผู้บาดเจ็บสาหัสทั้ง 2 คน เข้าการรักษาในเบื้องต้นที่ศูนย์โรคผิวหนังเขตร้อนภาคใต้ ตั้งอยู่ไม่ไกลจากจุดเกิดเหตุ หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่นำหลานสาวและน้องสาวส่งไปรักษาที่ ร.พ.ตรัง เป็นการด่วน เพื่อให้แพทย์ช่วยเหลือ






นางอมรรัตน์ กล่าวอีกว่า สำหรับมือสาดน้ำกรดในครั้งนี้ก็คือนายภักดี อดีตสามี น.ส. พัชรีภรณ์ นั่นเอง โดยก่อนหน้านั้น ทั้งคู่อยู่กินและมีบุตรชายด้วยกัน 2 คน คนโตอายุ 12 ปี ส่วนคนเล็กอายุ 4 ขวบ และเลิกรากันมาประมาณ 3-4 เดือนที่ผ่านมา ส่วนสาเหตุของการลงมือโหดในครั้งนี้ คงเป็นเพราะนายภักดีหึงหวงอดีตภรรยา ที่ขณะนี้เริ่มมีผู้ชายหลายคนมาติดพัน เนื่องจากมีหน้าตาสะสวย จึงก่อเหตุดังกล่าวขึ้น และเชื่อว่าคงเตรียมการเก็บน้ำกรดใส่ถุงไว้ใต้เบาะรถจักรยานยนต์แล้ว เมื่อได้จังหวะจึงนำมาขว้างปาใส่ดังกล่าว

หลังเกิดเหตุทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองตรัง ท้องที่ที่เกิดเหตุวิทยุไปยังด่านตรวจต่างๆ ให้สกัดจับตัว โดยนายภักดีหลังก่อเหตุขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไปพร้อมลูกชายวัย 4 ขวบ โดยไม่ทราบเส้นทางที่แน่ชัด เบื้องต้นตั้งข้อหาว่าทำร้ายร่างกายของผู้อื่นจนบาดเจ็บสาหัส

อีกคดีหึงหวงเมื่อเวลา 02.30 น. วันเดียวกัน ร.ต.อ.กิตติศักดิ์ บุญเยี่ยม ร้อยเวร สภ.โพธิ์ ประทับช้าง จ.พิจิตร รับแจ้งว่ามีเหตุฆ่ากันตายที่บริเวณบ้านเลขที่ 217/1 ม.19 ต.ทุ่งใหญ่ จึงรายงานให้ พ.ต.อ.สมนึก มากมี ผกก. ทราบแล้ว รุดไปที่เกิดเหตุพร้อมกำลังเจ้าหน้าที่จำนวนหนึ่ง ที่เกิดเหตุเป็นบ้านไม้ชั้นเดียว ภายในบ้านพบข้าวของเครื่องใช้กระจัดกระจายเกลื่อนเต็มบริเวณบ้าน

ภายในบ้านพบศพนายสมชาย ทวีประยูร อายุ 53 ปี อดีตผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 19 ต.ทุ่ง ใหญ่ อ.โพธิ์ประทับช้าง จ.พิจิตร สภาพศพมีบาดแผลฉกรรจ์จากการถูกของแข็งตีบริเวณศีรษะ ตามร่างกายมีบาดแผลหลายแห่ง นอนเสียชีวิตอยู่ในห้องนอนซึ่งปูกับพื้น นอกจากนี้ยังพบปืนลูกซองยาว พาดอยู่บนลำตัวผู้ตาย ส่วนคนร้ายคือนางเพชร ทวีประยูร อายุ 57 ปี ภรรยาผู้ตาย ยืนรอมอบตัวกับเจ้าหน้าที่อยู่ในที่เกิดเหตุ

จากการสอบสวนนางเพชร ให้การเบื้องต้นทราบว่า นายสมชายมีอาชีพรับจ้างติดเครื่องเสียงตามงานต่างๆ ค่อนข้างมีนิสัยเจ้าชู้ ทำให้มีปัญหาทะเลาะกันตลอดมา ก่อนเกิดเหตุทะเลาะกันอย่างรุนแรงถึงขั้นตบตีกัน นายสมชายโมโหเข้าไปคว้าปืนลูกซองยาวแบบไทยประดิษฐ์จากในห้องนอนออกมา แล้วตะโกนว่า "มึงสมควรตาย" ตนจึงใช้ไม้หน้าสามที่เตรียมไว้ตีนายประยูรอย่างไม่นับจนนายประยูรล้มลง ก่อนจะฟาดซ้ำที่ศีรษะจนเสียชีวิตดังกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ตายกับผู้ต้องหามีปากเสียงทะเลาะวิวาทกันบ่อยครั้ง เนื่องจากนายสมชายแอบไปมีภรรยาอีกคน แต่นางเพชรจับได้และมีปัญหาเรื่องเงินทองค่าใช้จ่ายภายในครอบ ครัว อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อในคำให้การผู้ต้องหา และจะนำตัวผู้ต้องหาไปสอบสวนโดยละเอียดอีกครั้งพร้อมกับนำศพส่งแผนกนิติเวช ร.พ.มหาวิทยาลัยนเรศวร จ.พิษณุโลก เพื่อผ่าพิสูจน์การเสียชีวิตต่อไป


เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์