ฝนถล่มจมเหนือรถไฟตกรางแพร่

"ฝนตกหนัก รถไฟตกราง พนง.ติดในหัวรถจักร"


ฝนถล่มทั่วเหนือ เชียงใหม่อ่วม หลังฝนกระหน่ำตลอดคืน คันดินกำแพงเมืองเชียงใหม่อายุกว่า 700 ปีพังลงมา นอกจากนี้มีดินถล่มทับรถสองแถวโดยสารขณะรับส่งผู้โดยสาร ลำพูนก็เดือดร้อนหนัก น้ำป่าพัดสะพานขาด ท่วมบ้านเรือน ไร่นาเสียหายนับพันไร่ ที่แพร่ รถไฟขบวนเชียงใหม่-กรุงเทพฯประสบอุบัติเหตุตกราง พนักงานหัวรถจักร 2 คนติดอยู่ในโบกี้ หลังมีน้ำท่วมราง การรถไฟประกาศหยุดการเดินรถ ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือประกาศเตือน 12 จังหวัดรับมือฝนตกหนัก น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ขณะที่กรมทรัพยากรธรณีก็เตือนระวังดินถล่ม

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 31 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เนื่องจากฝนที่ตกหนักตลอดทั้งคืนในจ.ลำพูน ทำให้น้ำป่าจากดอยหัวโง้ม และดอยผีปันน้ำขุนธิ ในอ.บ้านธิ จ.ลำพูน ไหลเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรในต.ห้วยยาบ และต.บ้านธิ ระดับน้ำสูงกว่า 60 ซ.ม. กระแสน้ำเชี่ยวกรากพัดเอาสิ่งกีดขวางระเนนระนาด และทำให้สะพานข้ามน้ำแม่ธิ ที่บ้านแช่ช้อน ม.1 ต.ห้วยยาบ อ.บ้านธิ ที่ข้ามจากหมู่บ้านไปสู่อ่างเก็บน้ำเจ็ดอาขาด และถนนช่วงบ้านแช่ช้อน


"เหนือท่วมหนัก เสียหายนับพันไร่ สัตว์เลี้ยงสูญหายนับร้อยตัว"


ไปอ.บ้านธิพัง นาข้าวที่ปลูกเสร็จใหม่ๆ เสียหายนับพันไร่ สัตว์เลี้ยงสูญหายอีกนับร้อยตัว และอีกกว่า 6 หมู่บ้านถูกน้ำท่วม ที่ต.บ้านกลาง และต.ศรีบัวบาน อ.เมือง ลำพูน น้ำป่าจากภูเขาดอยขม้อไหลเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรบริเวณกว้าง และที่ต.เวียงยอง อ.เมือง ลำพูน น้ำแม่สารไหลเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรมีระดับสูงทำให้ชาวบ้านต่างขนของขึ้นที่สูง

ที่อ.แม่ทา จ.ลำพูน น้ำจากเทือกเขาดอยขุนตานไหลทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎร ในต.ทาประหลาดุก ต.ทาสบเส้า น้ำพัดเอาสิ่งปลูกสร้างของชาวบ้านหายไปกับกระแสน้ำ นอกจากนี้น้ำท่วมสถานีรถไฟศาลาแม่ทา อ.แม่ทา จ.ลำพูน ทำให้รางรถไฟใช้การไม่ได้ และรถไฟขบวนที่จะขึ้นไปทางภาคเหนือไม่สามารถวิ่งผ่านได้ ทางการรถไฟฯต้องหยุดวิ่งรถชั่วคราว ส่วนที่ถนนสายเชียงใหม่-ลำปาง ช่วงบ้านดอยแก้ว ม.6 ต.ทาสบเส้า อ.แม่ทา น้ำป่าไหลท่วมบนถนน ระดับน้ำสูงกว่า 50 ซ.ม.


"ชาวบ้านเดือดร้อนอย่างมาก"


ส่วนที่จ.เชียงใหม่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกิดฝนตกลงมาอย่างหนักและต่อเนื่องมาตั้งแต่ตอนกลางคืน ส่งผลให้น้ำท่วมขังในตัวเมืองหลายจุดโดยเฉพาะบริเวณสี่แยกข่วงสิงห์ อ.เมือง ซึ่งมีพื้นที่เป็นแอ่งและระบบการระบายน้ำยังไม่ได้รับการแก้ไข ทำให้รถที่สัญจรไปมาลำบากและเกิดรถเสียจำนวนมาก นอกจากนี้ บริเวณหมู่บ้านช่างเคี่ยน ต.สุเทพ อ.เมือง ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่ติดอยู่กับดอยสุเทพและดอยขุนช่างเคี่ยน น้ำป่าจากดอยสุเทพไหลเข้าท่วมขังภายในหมู่บ้าน ชาวบ้านเดือดร้อนอย่างมาก รวมทั้งชุมชนศรีปิงเมือง ต.หายยา อ.เมืองต้องประสบปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากเช่นกัน ขณะเดียวกันแนวตลิ่งทางเท้าบริเวณคูเมืองด้านนอกประตูช้างเผือก ในอ.เมือง เชียงใหม่ เกิดทรุดตัวลงเป็นแนวยาวกว่า 50 เมตร

พื้นที่รอบนอก ในอ.หางดง เส้นทางถนนเชียงใหม่-หางดง ก.ม.ที่ 12 มีน้ำท่วมสูงเป็นระยะทางยาวประมาณ 2 ก.ม. หมู่บ้านพรภัทร หมู่ที่ 3 ต.บ้านแหวน อ.หางดง น้ำไหลเข้าท่วมบ้านเรือนชาวบ้านสูงถึง 30-50 ซ.ม.


"ดินถล่มทับรถยนต์ทั้งคัน"


เมื่อเวลา 10.30 น. ด.ต.วรามิตร ภูมิใจ หัวหน้าตู้ยามสลวง ต.สลวง อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ รับแจ้งเหตุจากชาวบ้านว่ามีรถสองแถวสี่ล้อรับจ้างประจำทางสายเชียงใหม่-แม่แตง ประสบอุบัติเหตุจากดินถล่มทับรถยนต์ทั้งคันบริเวณถนนทางเข้าหมู่บ้าน หมู่ 2 บ้านสลวง ต.สลวงนอก อ.แม่ริม

ที่เกิดเหตุ พบนายตาล ยี่หว่า อายุ 61 ปี อยู่บ้านเลขที่ 75/1 บ้านหนองกาย อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ เจ้าของรถยนต์สี่ล้อรับจ้างสองแถว หรือสี่ล้อเหลือง หมายเลขทะเบียน 20-6765 เชียงใหม่ เป็นรถรับจ้างประจำทางสายเชียงใหม่-แม่แตง นายตาลอยู่สภาพที่อิดโรย ตามตัวได้รับบาดเจ็บถลอกตามแขนขา โดยนายตาลเล่าว่า ก่อนเกิดเหตุตนขับรถออกจากคิวรถต้นทางอยู่ที่บ้านห้วยบง ต.สบเปิง อ.แม่แตง มารับผู้โดยสารที่อ.แม่ริม มีผู้โดยสารจำนวน 6 คนนั่งมาด้วย เมื่อขับรถมาถึงที่เกิดเหตุ ดินถล่มทับมาที่รถทั้งคัน


"ดินถล่ม ถนนขาด ฝายแตกน้ำท่วมหนัก"


เมื่อเวลา 16.00 น. ถนนสายเชียงใหม่-แม่ริม ทางเข้าหมู่บ้านสลวงตลอดสาย มีดินถล่มอีกจำนวนกว่า 5 จุด ซึ่งทางหลวงชนทนำเครื่องจักรทำการปรับพื้นที่ให้ถนนสายดังกล่าวเปิดให้สัญจรได้แล้ว

ส่วนที่จ.พิจิตร เกิดพายุฝนตกติดต่อกันอย่างต่อเนื่อง ทำให้น้ำป่าไหลหลากมาจากเทือกเขาเพชรบูรณ์ทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนในต.วังทรายพูน ต.หนองพระ อ.วังทรายพูน จ.พิจิตร กว่า 10 หมู่บ้าน จำนวน 200 หลัง ประชาชนต้องขนทรัพย์สิน สัตว์ส่งของหนีน้ำกันอย่างอลหม่าน โดยระดับสูงประมาณ 2 เมตร วัด โรงเรียนหลายแห่งถูกน้ำท่วม ทางโรงเรียนต้องปล่อยนักเรียนกลับบ้านก่อนเวลา เนื่องจากเกรงว่าจะได้รับอันตราย นอกจากนี้พบว่าฝายกั้นน้ำ หมู่ที่ 8 บ้านทุ่งโมง-ตากแดด ต.วังทรายพูน แตกเนื่องจากกระแสน้ำไหลเชี่ยวกราก ส่วนถนนสายบ้านเขาขาด-ทุ่งยาว เขตพิจิตรติดต่อพิษณุโลกถูกกระแสน้ำพัดถนนขาดหลายจุดเป็นแนวยาว


"หัวรถจักรดิ่งน้ำลึกกว่า 10ม."


ส่วนจ.แพร่ จากร่องความกดอากาศต่ำที่พาดผ่านภาคเหนือ ทำให้มีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งคืน ส่งผลให้เกิดน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรในเขตตำบลห้วยไร่ อ.เด่นชัย เนื่องจากเป็นหมู่บ้านที่อยู่ติดกับลำน้ำแม่พวก โดยปริมาณน้ำฝนวัดได้ 130.50 ม.ม. นอกจากนี้ยังไหลเข้าท่วมทางรถไฟที่สถานีห้วยไร่ ระดับน้ำสูง 50 ซ.ม.

เมื่อเวลา 20.30 น. พ.ต.ท.สุรเทพ เกษรแพทย์ สารวัตรเวร สภ.อ.ลอง จ.แพร่ รับแจ้งว่าเกิดอุบัติเหตุรถไฟขบวน 52 รถด่วน วิ่งจากจ.เชียงใหม่-กรุงเทพฯ ประสบอุบัติเหตุตกรางระหว่างสถานีบ้านปิน ตำบลบ้านปิน-สถานีบ้านแก่งหลวง หมู่ 5 ต.แม่ปาน อ.ลอง โดยหัวรถจักรตกลงไปในล้ำน้ำยมลึกกว่า 10 เมตร

หลังรับแจ้ง จึงรายงานพ.ต.อ.ธนยินทร์ เทพรักษา ผกก.สภ.อ.ลอง ทราบและประสานไปยังนายสุพรชัย กัมปนานนท์ นายอำเภอลอง ร.พ.ลอง หน่วยกู้ภัยอำเภอลอง เดินทางไปยังที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นช่วงระยะที่ฝนกำลังตกหนัก


"เร่งช่วยเหลือ ผู้บาดเจ็บ พท.เกษตรเสียหายกว่า 2,000ไร่"


เบื้องต้นจากการตรวจสอบพบว่ามีพนักงานหัวรถจักร(พขร.) 2 คนติดอยู่กับหัวรถจักรส่วนที่ตกลงไปในแม่น้ำ เจ้าหน้าที่ระดมกู้โบกี้ และช่วยเหลือพนักงานหัวรถจักร ส่วนขบวนผู้โดยสารอีก 10 ตู้ปลอดภัย และตำรวจลำเลียงผู้โดยสารที่ติดกับขบวนโดยสารกลับมายังที่สถานีรถไฟบ้านปิน ซึ่งการช่วยเหลือเป็นไปด้วยความลำบาก เนื่องจากมีฝนตกหนัก อีกทั้งเป็นเวลากลางคืน ทำให้รถไฟจากสายเหนือทั้งหมดไม่สามารถเดินรถได้

ที่จ.แม่ฮ่องสอน เมื่อเวลา 08.00 น. เกิดน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่การเกษตร บริเวณบ้านหมอกจำแป่ บ้านยอด บ้านห้วยขาน บ้านแม่สะงา ต.หมอกจำแป่ และบ้านกุงไม้สัก บ้านปางหมู บ้านทุ่งกองมู บ้านสบสอย บ้านในสอย ต.ปางหมู อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน ทำให้พื้นที่การเกษตรเกือบ 2,000 ไร่ที่อยู่สองข้างลำน้ำแม่สะงี แม่สะงา น้ำสอย และแม่น้ำปาย ถูกน้ำท่วม ขณะที่บ้านห้วยตำข่อน หมู่ที่ 12 ต.ผาบ่อง ถูกน้ำท่วม ขณะที่ทางหลวงหมายเลข 108 บริเวณใกล้กับจุดตรวจป้อมยามบ้านผาบ่อง ถูกน้ำป่ากัดเซาะ


"ผู้อพยพหนีน้ำกว่า 1,500คน"


สำหรับที่ศูนย์ผู้หลบหนีภัยจากการสู้รบชาวกะเหรี่ยงคะยา ปางแทรกเตอร์ (แคมป์ 2) บ้านในสอย ต.ปางหมูได้รับรายงานว่ามีผู้อพยพกว่า 1,500 คน ถูกน้ำท่วม ต้องอพยพหนีน้ำขึ้นไปอยู่บนยอดเขา หลังจากที่ฝนตกหนักมาทั้งคืน

ในพื้นที่อำเภอขุนยวม เกิดน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมไร่นาของราษฎรชาวไทยภูเขาเสียหายจำนวนมาก ที่บ้านสวนอ้อย หมู่ที่ 6 บ้านห้วยนา หมู่ที่ 5 บ้านหัวเงา หมู่ที่ 2 บ้านนาหัวแหลม หมู่ที่ 7 บ้านประตูเมือง หมู่ที่ 3 ตำบลแม่เงา

ผลจากการเกิดฝนตกหนักมาตลอดทั้งคืนที่ผ่านมาทำให้เส้นทางคมนาคมที่เชื่อมระหว่างหมู่บ้านต่างๆ และอำเภอไปจนถึงจังหวัดได้รับความเสียหายจากดินภูเขาถล่มลงมาปิดทับเส้นทางจราจรเป็นจุดๆ กว่า 30 จุด


"กว่า 500 หลังคาเรือน หนีตายน้ำล้นตลิ่ง"


ที่จ.เชียงราย หลังเกิดฝนตกหนักติดต่อกันมาหลายวันในพื้นที่เชียงรายโดยเฉพาะในเขตอ.เมือง พบว่าวัดปริมาณน้ำฝนได้กว่า 100 ม.ม. จนทำให้ปริมาณน้ำในแม่น้ำแม่กรณ์ ซึ่งไหลผ่านอ.เมือง มีระดับเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง กระทั่งเวลา 18.00 น. น้ำเอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่ 3 หมู่บ้านของต.แม่กรณ์ ได้แก่ หมู่บ้านสาด หมู่ 4 หมู่บ้านปางริมกรณ์ หมู่ 10 และหมู่บ้านป่าสักทอง หมู่ 13 จำนวน 500 หลัง ที่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำกรณ์ถูกน้ำท่วม ชาวบ้านต้องขนข้าวของหนีน้ำอลหม่าน

ที่จ.พิษณุโลก เมื่อเวลา 10.00 น. นายดำเกิง อัศวสุนทรางกูล นายอำเภอเมืองพิษณุโลก เดินทางไปตรวจสอบพื้นที่ประสบอุทกภัย ที่บ้านหินลาด ม.14 บ้านน้ำดำ ม.10 ต.ดอนทอง หลังเกิดฝนตกหนักติดต่อกันหลายวันส่งผลระดับน้ำในอ่างเก็บน้ำบ้านหินลาดเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เป็นเหตุให้สันอ่างถูกกระแสน้ำพัดพังเสียหาย น้ำจากอ่างที่เหนือหมู่บ้านหินลาดและบ้านน้ำไหลทะลักลงมายังด้านล่าง ทำให้ถนนสายบ้านหินลาดถูกกระแสน้ำพัดขาดกว่า 10 เมตร


"ดินภูเขาถล่ม ปิดทับเส้นทาง"


ส่วนที่อ.นครไทย จ.พิษณุโลก เกิดเหตุดินจากภูเขาพังถล่มลงมาทับปิดเส้นทางสายนครไทย-ด่านซ้าย ระหว่างหลักก.ม.ที่ 53-57 บ้านน้ำเลา ม.1 และม.8 ต.บ่อโพธิ์ แขวงการทางด่านซ้ายนำรถตักดินที่ปิดเส้นทางออก ระหว่างนั้นเกิดดินถล่มลงมาจากภูเขาอีกครั้งเนื่องจากฝนตกหนักตลอดทั้งคืน

วันเดียวกัน นายนิติพัฒน์ พิมพ์วิริยะกุล ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอุตรดิตถ์ มีหนังสือด่วนถึงพื้นที่เสี่ยงภัยโคลนถล่มและน้ำป่าไหลหลากเพิ่มอีก 2 อำเภอ คืออำเภอทองแสนขัน และอำเภอน้ำปาด จากเดิมประกาศให้อำเภอลับแล อำเภอท่าปลา และอำเภอเมือง เป็นจุดเสี่ยงมาก่อนหน้านี้ เนื่องจากได้รับรายงานว่าบ้านเรือนในอำเภอทองแสนขันและอำเภอน้ำปาดถูกน้ำป่าทะลักเข้าท่วม


"สั่งอพยพชาวบ้านหนีน้ำ"


ล่าสุดนายสุชาติ ธีระวงษ์พิทักษ์ นายอำเภอน้ำปาดสั่งให้อพยพชาวบ้านออกจากหมู่บ้านน้ำไคร้ และหมู่บ้านปางเกลือ ต.น้ำไคร้ จำนวน 45 หลังคา ออกจากพื้นที่ชั่วคราว เนื่องจากน้ำป่าทะลักท่วมบ้านเรือนแล้วกว่า 2 เมตร นอกจากนี้ ที่ตำบลเด่นเหล็ก และเขตเทศบาลตำบลน้ำปาด ระดับน้ำจากลำห้วยล้นทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนเช่นกัน

ที่จ.ลำปาง เกิดฝนตกหนักมาตลอดทั้งคืนจนถึงรุ่งเช้า ทำให้มีน้ำป่าไหลเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎร 27 หมู่บ้าน 6 ตำบล ในอ.เถิน ซึ่งเป็นพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดภัยน้ำท่วม และถูกจัดให้เป็นพื้นที่สีแดง

วันเดียวกัน นายดิสธร วัชโรทัย รองเลขาธิการมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ พร้อมด้วยนายสุกิจ เจริญรัตนกุล ผู้ว่าฯสุโขทัย นำสิ่งของพระราชทาน ประกอบด้วย อาหารกระป๋อง เส้นหมี่กึ่งสำเร็จรูป น้ำพริก น้ำปลา และสิ่งของจำเป็นในชีวิตประจำวันมอบให้แก่ผู้ประสบภัยน้ำท่วม ที่วัดปากแคว ต.ปากแคว อ.เมือง สุโขทัย และวัดหนองปาด อ.ศรีสำโรง จ.สุโขทัย จำนวน 1,000 ชุด ซึ่งประชาชนผู้ประสบภัยต่างซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอย่างล้นพ้นที่พระราชทานสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบภัย


"ความกดอากาศต่ำพาดผ่าน เสียหายทุก พท."


ที่จ.เลย เกิดน้ำป่าไหลลงมาแทบทุกพื้นที่ อ.ด่านซ้าย อ.นาแห้ว และอ.ภูเรือ มีฝนตกหนักมาตลอดทั้งคืน ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำหมันสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เมื่อเวลา 09.00 น. น้ำเอ่อล้นท่วมสะพาน และถนนที่จะไปยังอ.หล่มสัก และอ.นครไทย อย่างรวดเร็ว

ด้านนายวีระศักดิ์ วิเชียรแสน หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.กาฬสินธุ์ (ปภ.) กล่าวว่า หลังจากเกิดฝนตกหนักหลายพื้นที่ในจ.กาฬสินธุ์ในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา ทำให้ถนนและนาข้าวของประชาชนเสียหายจำนวนหนึ่ง ขณะนี้ทางอำเภอต่างๆ กำลังสำรวจความเสียหาย

เมื่อเวลา 17.00 น. กรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศเตือน ฉบับที่ 21 เรื่อง ฝนตกหนัก ระบุว่า ร่องความกดอากาศต่ำที่พาดผ่านภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือยังคงมีกำลังแรง ลักษณะเช่นนี้จะทำให้ด้านตะวันตกของประเทศมีฝนตกหนาแน่น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ลำปาง ตาก น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ สุโขทัย พิษณุโลก เพชรบูรณ์ พิจิตร กำแพงเพชร นครสวรรค์ อุทัยธานี กาญจนบุรี สุพรรณบุรี ราชบุรี ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง พัทลุง และสตูล


"อุตุฯ ออกประกาศเหนือ ฝนตกหนักถึงหนักมาก"


ซึ่งจะส่งผลให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากได้ จึงขอให้ประชาชนที่มีบ้านเรือนอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณที่ลาดเชิงเขา ใกล้ทางน้ำไหล และพื้นที่ลุ่มในจังหวัดดังกล่าวระมัดระวังภัยจากน้ำท่วมในระยะ 1-2 วันนี้ สำหรับภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สภาวะฝนตกหนักจะคลี่คลายลงสู่สภาวะปกติ กรมอุตุนิยมวิทยาจะติดตามเฝ้าระวังและแจ้งให้ทราบเป็นระยะๆ ต่อไป

วันเดียวกัน ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือออกประกาศเตือน ฉบับที่ 1 เรื่อง ฝนตกหนักถึงหนักมาก ระบุว่า ด้วยร่องฝนซึ่งพาเมฆและฝนจำนวนมากพาดผ่านภาคเหนือ มีกำลังแรงขึ้นอีก ในวันที่ 31 ส.ค.-2 ก.ย.นี้ ทำให้มีฝนตกต่อเนื่อง ปริมาณฝนตกหนักถึงหนักมากได้หลายพื้นที่ของภาคเหนือ และได้รับรายงานฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ของภาคเหนือ ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย ที่ลุ่มลำน้ำ ที่ลาดเชิงเขา


"ธรณีวิทยา ออกประกาศเตือนดินถล่ม"


และใกล้ทางน้ำไหลของจ.น่าน แพร่ พะเยา เชียงราย เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ลำพูน ลำปาง อุตรดิตถ์ สุโขทัย พิษณุโลก และตาก เตรียมการป้องกันและระวังอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากภัยธรรมชาติ ฝนตกหนักถึงหนักมาก น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมฉับพลัน ดินโคลนลื่นไถล น้ำล้นตลิ่ง และน้ำท่วมขัง ในระยะ 1-3 วันนี้

วันเดียวกัน เวลา 16.00 น. กรมทรัพยากรธรณี ออกประกาศฉบับที่ 39 เตือนให้ประชาชนเฝ้าระวังภัยดินถล่ม และน้ำป่าไหลหลากบริเวณภาคเหนือ และภาคใต้ฝั่งตะวันตกว่า กรมทรัพยากรธรณีประกาศเตือนให้ประชาชนในพื้นที่ภูเขาสูง และหมู่บ้านในหุบเขาภาคเหนือ บริเวณจ.น่าน อุตรดิตถ์ พิษณุโลก สุโขทัย เพชรบูรณ์ เลย แพร่ พะเยา เชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง ตาก กำแพงเพชร และลำปาง ภาคใต้บริเวณจ.ภูเก็ต พังงา กระบี่ ตรัง สตูล

และจังหวัดใกล้เคียงตรวจเฝ้าระวังภัยดินถล่มและน้ำป่าไหลหลากอย่างต่อเนื่อง ในระยะ 1 ถึง 2 วันนี้ด้วย ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ฝนตกติดต่อกัน ทำให้ดินบนภูเขาอิ่มตัวชุ่มน้ำ อาจทำให้เกิดดินถล่มได้ตลอดเวลา โดยเฉพาะพื้นที่ซึ่งได้เกิดรอยแยกบนภูเขา และดินไหลมาแล้ว และพื้นที่ที่กรมทรัพยากรธรณีได้ออกประกาศเป็นพื้นที่เสี่ยงภัย ดินถล่ม และขอให้ประชาชนเพิ่มความระมัดระวังในการเดินทางซึ่งอาจเกิดดินไหลหรือหินร่วงมาปิดทับเส้นทาง พร้อมทั้งให้อาสาสมัครเฝ้าระวัง แจ้งเตือนภัยดินถล่มของกรมทรัพยากรธรณีเฝ้าระวังและวัดปริมาณน้ำฝนอย่างต่อเนื่อง



แหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ข่าวสด

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์