คนกรุงเก่าสุดทนแรง งานเขมรไล่ฆ่าหมาสุดโหด เอาไปทำหมาหัน คนกรุงเก่าสุดทนแรงงานเขมรไล่ฆ่าหมาสุดโหด เอาไปทำหมาหันกิน ชาวบ้านเห็นคาตาใช้มีดไล่ฟันเป็นแผลเหวอะ แต่โชคดียังหนีได้ แจ้งหน่วยกู้ภัยมาช่วย ส่งสัตวแพทย์รักษา แต่อาการยังหนักเพราะเอ็นสันหลังขาด ขยับตัวไม่ได้ ชาวบ้านเผยเขมรในแคมป์คนงานในพื้นที่ ออกล่าเป็นประจำ จับได้แล้วเอามาย่างกินแบบหมาหัน โดยไม่สนใจสายตาชาวบ้านคนไทย ขณะที่สุรินทร์เสี่ยร้านขายเสื้อผ้าร้านถูกไฟไหม้ เป็นห่วงหมาตัวโปรดวิ่งเข้าไปช่วย สุดท้ายโดนไฟคลอกตายทั้งคนทั้งสัตว์
เมื่อวันที่ 28 ส.ค. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากนายทิติ หอมเทศ อายุ 34 ปี อาสาสมัครศูนย์พุทไธสวรรค์ จุดคลองสะแก ต.คลองสะแก อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา ว่า
ได้ให้ความช่วยเหลือสุนัขไทยพันทาง ถูกคนงานต่างด้าวฟันได้รับบาดเจ็บสาหัส อยู่ที่ศูนย์ฯ จึงเดินทางไปตรวจสอบ พบสุนัขไทยพันทางเพศผู้ อายุประมาณ 2-3 ปี สีน้ำตาลแดง น้ำหนักประมาณ 15 ก.ก. นอนซมร้องครางอย่างน่าเวทนาด้วยความเจ็บปวด มีบาดแผลที่โคนหางยาวประมาณ 15 ซ.ม. ลึกจนเห็นกระดูกสันหลังขาด
ไล่ฆ่าสุนัข ทำหมาหัน วอนช่วย ตัวที่เจ็บ
นายทิติ เปิดเผยว่า
เมื่อช่วงค่ำวันที่ 26 ส.ค. ที่ริมถนนสายอยุธยา-นครหลวง ม.5 ต.คลองสะแก ชาวบ้านพบเห็นมีแรงงานต่างด้าวเป็นชายชาวเขมรหลายคน ช่วยกันใช้มีดและไม้ไล่ตีไล่ฟันสุนัขตัวดังกล่าวอย่างโหดเหี้ยม สุนัขวิ่งหนีกระเซอะกระเซิงเข้าไปในพงหญ้าข้างถนน แต่โชคดีฝนตกลงมาอย่างหนัก แรงงานชาวเขมรจึงเลิกไล่ล่าต่อ กระทั่งบ่ายวันที่ 27 ส.ค. มีคนแจ้งว่าเห็นสุนัขตัวดังกล่าวนอนจมโคลนอยู่ข้างทาง จึงกระจายกำลังอาสาสมัครค้นหา จนพบตัวสุนัขบาดเจ็บสาหัสนอนหายใจรวยรินใกล้สิ้นใจ จึงรีบนำส่งร.พ.สัตว์กรุงศรีในตัวเมือง ทำความสะอาดบาดแผลในเบื้องต้น
นายทิติกล่าวอีกว่า
สัตวแพทย์แจ้งว่า แผลของสุนัขใหญ่มากเกินจะรักษาได้ เพราะว่าอุปกรณ์ไม่ครบ หากจะรักษาต้องรักษาเส้นเอ็นและกระดูกสันหลังที่ขาดเสียก่อน จึงจะเย็บปิดปากแผลได้ และบอกให้พวกอาสาสมัครทำใจ ตนและชาวบ้านได้ช่วยกันเรี่ยไรเงินมาได้จำนวนหนึ่งเพื่อมาเป็นค่ารักษา แต่เมื่อสัตวแพทย์บอกว่าหนทางรอดยาก ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร จึงนำสุนัขกลับมาเลี้ยงเอาไว้ที่จุดคลองสะแก เพื่อดูแลในช่วงสุดท้ายของชีวิต
"พวกเรายังมีความหวังว่าสุนัขตัวนี้จะรอด จึงตั้งชื่อว่า"บุญรอด" เพราะมันอดทนมากและรอดชีวิตมาได้ แต่สิ่งที่กลัวคือ การติดเชื้อในกระแสเลือดหรือแผลเน่า เพราะตอนนี้เจ้าบุญรอดได้เพียงแต่ยกหัวเท่านั้น เคลื่อนไหวร่างกายไม่ได้ จะถ่ายก็นอนอยู่กับที่ หากใครหรือร.พ.สัตว์แห่งใดในกรุงเทพฯ ที่มีเทคโนโลยีและความสามารถจะช่วยเจ้าบุญรอดได้ ให้ติดต่อมาที่หมายเลข 084-145-4855 หรือหมายเลข 035-244-182 ศูนย์พุทไธสวรรค์" นายทิติกล่าว
จากการสอบถามชาวบ้านที่อยู่ในซอยสวนกล้วย ม.5 ต.คลองสะแก ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า
ในซอยแห่งนี้เป็นที่อยู่อาศัยของแรงงานต่างด้าว ที่เข้ามาทำงานเป็นกรรมกรตามท่าเรือสินค้าติดแม่น้ำป่าสักจำนวนมาก และในซอยแห่งนี้ยังเป็นที่ตั้งมีแคมป์คนงานต่างด้าวโดยเฉพาะชาวเขมรกว่า 100 คน ทุกคืนชาวบ้านจะได้ยินเสียงร้องของสุนัขอยู่เป็นประจำ โดยพบว่าแรงงานต่างด้าวจะไล่ฆ่าสุนัขทุกตัวที่เห็น เพื่อนำไปทำอาหารกินกัน ในลักษณะสุนัขหัน และยิ่งนับวันพฤติกรรมยิ่งโหดร้าย ออกไล่ล่าโดยไม่สนใจสายตาชาวบ้านคนไทยแต่อย่างใด บางครั้งยังนำซากสุนัขตายไปทำกินด้วย โดยไม่สนใจคำติติงและสายตาชาวบ้าน ว่าสกปรกและไม่เหมาะสม และยังไม่มีหน่วยงานใดเข้าไปตรวจสอบเรื่องที่เกิดขึ้น นอกจากนี้ บางคนได้ไปหาซื้อสุนัขจากชาวบ้านให้ราคาตัวละ 100-200 บาท
น.พ.รัตนชัย จุลเนตร สาธารณสุขจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า
การบริโภคเนื้อสุนัข สามารถทำได้ หากสุนัขดังกล่าวไม่มีโรคพิษสุนัขบ้าหรือโรคอื่นๆ แต่จะต้องทำให้สุขก่อนเป็นอันดับแรก หากเลือกได้ประชาชนควรจะเลี่ยงบริโภคจะดีกว่า เพราะสุนัขเป็นสัตว์ที่ผูกพันกับมนุษย์ น่ารักน่าสงสารและคนไทยทั่วไปไม่นิยมกิน
นางจีระพันธ์ พิมพันธ์ ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า
เข้าใจวิถีชีวิตของแรงงานต่างด้าวในการกิน การอยู่แต่ในเมื่อมาอยู่ในเมืองไทย ซึ่งเป็นเมืองพุทธ คนเหล่านี้ต้องปรับให้เข้ากับสังคมให้ได้ การที่แรงงานต่างด้าวแสดงกิริยาเช่นนี้ออกมาในชุมชนคนไทย ถือว่าไม่สมควร เจ้าของกิจการหรือนายจ้างจะต้องอบรมว่าเข้ามาอยู่ในเมืองไทยแล้วสิ่งไหนควรไม่ควร ประกอบกับยังไม่มีกฎหมายคุ้มครองสัตว์ มีเพียงกฎหมายคุ้มครองสัตว์ป่าเท่านั้น เรื่องนี้หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องจะต้องรีบตรวจสอบ หาทางแก้ไขโดยเร็ว
เมื่อเวลา 00.30 น. วันเดียวกัน ร.ต.อ.ประเวศ พลอยพันธ์ ร้อยเวรสภ.ปราสาท จ.สุรินทร์
รับแจ้งมีเหตุเพลิงไหม้ร้านสหภัณฑ์พาณิชย์ เลขที่ 710/4?8 หลังตลาดสดเทศบาลตำบลกังแอน บ้านบุเจก หมู่ที่ 2 ต.กังแอน อ.ปราสาท จึงพร้อมด้วยนายไตรสิทธิ์ กงจักร นายอำเภอปราสาท พล.ต.ต.รณพงษ์ ทรายแก้ว ผบก.ภ.จว.สุรินทร์ พ.ต.อ.ดิเรก บุญสนธิ ผกก.สภ.ปราสาท และนายศราวุธ รุ่งธนเกียรติ นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลกังแอน พร้อมรถดับเพลิงของเทศบาลตำบลกังแอน และเทศบาลต่างๆ รวม 20 คันรุดไปควบคุมเพลิง
ที่เกิดเหตุคือร้านสหภัณฑ์พาณิชย์ อาคารราชพัสดุ 2 ชั้น 2 ห้อง จำหน่ายเครื่องแบบนักเรียน เสื้อผ้าและอุปกรณ์พลาสติก ทราบชื่อเจ้าของคือนายฮังเจา แซ่ลี้ อายุ 57 ปี ซึ่งมีน้องชายและหลานอยู่อาศัยรวม 6 คน ทุกคนหนีออกจากบ้านหมดแล้ว มีเพียงนายฮังเจายังติดอยู่ในบ้าน เจ้าหน้าที่ได้ฉีดน้ำมิให้เพลิงลุกลามไปอาคารอื่นๆ โดยมีเสียงถังแก๊สระเบิดดังขึ้น 2-3 ครั้ง ต่อมาเพลิงลุกลามไปยังตึกแถวพาณิชย์ข้างเคียงประกอบด้วย ร้านฟ้าไทย ร้านพิสิทธิ์วิทยุโทรทัศน์ ร้านอำพลโอสถ ร้านทองชัยเจริญ ร้านซังฮวดเฮง ร้านชัยโรจน์ เจ้าของบ้านต่างขนข้าวของหนีกันออกมาอลหม่าน เจ้าหน้าที่ใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมงจึงควบคุมเพลิงไว้ได้ พบตึกแถวถูกเผาวอดรวม 11 ห้อง
หลังเพลิงสงบ เจ้าหน้าที่ชุดกู้ภัยเข้าไปค้นหาผู้ที่คาดว่า
จะติดอยู่ ก็ต้องพบภาพสลดใจ เมื่อได้พบศพนายฮังเจานอนตายอยู่กับสุนัข 2 ตัวหน้าห้องน้ำ สภาพศพไหม้เป็นตอตะโกทั้งคู่ จึงนำส่งร.พ.ปราสาท เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่าในช่วงเกิดเหตุ นายฮังเจาเป็นห่วงสุนัขตัวโปรดจึงไม่รีบออกมา เมื่อเจอสุนัขก็อุ้มมาด้วยแต่เนื่องจากอายุมากแล้ว สายตาไม่ดีเดินเหินลำบาก จึงหนีไม่พ้น สำลักควันไฟล้มลงก่อนถูกไฟคลอกตาย
นายปรีชา ฉัตรเชาวลัย หลานชายนายฮังเจา กล่าวว่า
ขณะเกิดเหตุทุกคนนอนหลับอยู่ชั้นบน ได้ยินเสียงอาแปะฮังเจาตะโกนบอกว่าไฟไหม้ๆ ทุกคนจึงรีบหนีออกมานอกบ้าน ส่วนอาแปะฮังเจาบอกว่าตัวเองจะไปเอาของและสุนัขพันธุ์ไทย 2 ตัวสีน้ำตาลแดง ชื่อแดงและโจ จากนั้นก็ไม่เห็นออกมาอีกเลย ส่วนเบื้องต้นสันนิษฐานสาเหตุเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร มูลค่าความเสียหายประมาณ 30 ล้านบาท