คนร้ายลอบวางเพลิงโรงผลิตปุ๋ย ที่ยะลา แต่เช้าตรู่ แม่ทัพภาคที่ 4 คาด ไม่นาน จับมือคาร์บอมบ์ จ.นราธิวาส ได้ สั่งเพิ่มมาตรการเข้มทั้งการปราบปรามในพื้นที่ป่าเขาและป้องกันภายในเขตเมือง ตลอด 24 ชม. ...
เมื่อเวลา 07.00 น.วันนี้ (28 ส.ค.) ศูนย์วิทยุ 191 สภ.เมืองยะลา ได้รับแจ้งจากผู้ใหญ่บ้าน ม.3 ต.สะเตงนอก อ.เมือง จ.ยะลา ว่าได้เกิดเหตุเพลิงไหม้ขึ้นที่โรงเก็บปุ๋ยชีวภาพ ภายในศูนย์สาธิต และ การเรียนรู้ทางการเกษตร ตั้งอยู่เลขที่ 30/8 ม.3 ต.สะเตงนอก อ.เมือง จ.ยะลา ซึ่งมี นายประสิทธิ์ ทองใส อายุ 64 ปี เป็นเจ้าของ สำหรับนายประสิทธิ์ เคยถูกคนร้ายลอบยิงมาแล้วเมื่อวันที่ 28 ก.ค. 2548 และรอดมาได้
โดยหลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้ ได้ประสานไปยังเทศบาลตำบลสะเตงนอก อ.เมือง จ.ยะลา เพื่อขอสนับสนุนรถดับเพลิงของเทศบาลตำบลสะเตงนอก เพื่อเข้าระงับเพลิงที่กำลังลุกไหม้อยู่ และเจ้าหน้าที่ดับเพลิง สามารถควบคุมเพลิงเอาไว้ได้ โดยใช้เวลากว่า 30 นาที สำหรับความเสียหายอยู่ระหว่างการตรวจสอบ ส่วนสาเหตุเชื่อว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ในพื้นที่ เนื่องจากพบมีรอยคราบน้ำมันกระจายอยู่ทั่วบริเวณโรงเก็บปุ๋ยดังกล่าว
สำหรับเหตุการณ์ความไม่สงบ ช่วงนี้ พล.ท. พิเชษฐ์ วิสัยจรแม่ทัพภาคที่ 4 และ ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 กล่าวว่า เนื่องจากช่วงนี้เป็นเดือนรอมฎอน ได้มีกลุ่มผู้ไม่หวังดี เข้าไปปลุกระดมมวลชนในพื้นที่ว่าการก่อเหตุในช่วงนี้จะได้บุญมาก ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ผิดต่อหลักศาสนา อย่างไรก็ตาม ตนได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ทุกคนทุ่มเทปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ โดยการเสริมกำลังเจ้าหน้าที่ทหารลงไปดูแลในพื้นที่อีกจำนวนหนึ่ง เพื่อดูแลทุกข์สุขของพี่น้องประชาชนอย่างเต็มความสามารถ
พล. ท.พิเชษฐ์ กล่าวต่อว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส เนื่องจากเป็นร้านอาหารที่มีกลุ่มข้าราชการ เข้าไปรับประทานอาหารกันมาก จึงตกเป็นเป้าหมายของผู้ก่อความไม่สงบ แม้ว่าในจุดเกิดเหตุ จะได้มีการติดตั้งกล้องวงจรปิดเพื่อป้องกันเหตุไว้แล้วและยังสามารถบันทึกภาพผู้ก่อไว้ได้ก็ตามแต่ผู้ก่อเหตุยังคงเลือกลงมือปฏิบัติการ ซึ่งจากหลักฐานดังกล่าวเชื่อได้ว่าจะนำไปสู่การจับกุมผู้ก่อเหตุได้ในไม่ช้านี้ ส่วนผู้บาดเจ็บยังคงรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลมีเพียง 11 รายเท่านั้น เนื่องจาก ร้านอาหารดังกล่าวมีรั้วรอบขอบชิด และมีมาตรการเปิดเบาะและการห้ามจอดรถยนต์ ในบริเวณใกล้เคียง จึงสามารถลดความรุนแรงลงได้มาก ส่วนความร่วมมือระหว่างทหารตำรวจ และฝ่ายปกครอง ปัจจุบันยังคงเป็นไปด้วยดี มีการทำงานเป็นทีมและประสานงานกันตลอดเวลา
แม่ทัพภาคที่ 4 ยังได้กล่าวถึงคำสั่งการยกเลิกการห้ามออกนอกเคหะสถานยามวิกาล ในพื้นที่ อ.บันนังสตา และ อ.ยะหา จังหวัดยะลา ว่า เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกในการปฏิบัติศาสนกิจให้กับพี่น้องชาวไทยมุสลิม และภายหลังจากเดือนรอมฎอนผ่านพ้นไปแล้ว จะมีคำสั่งว่าจะบังคับใช้ต่อหรือไม่นั้น เรื่องนี้ต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์ หากในพื้นที่ยังมีความสงบสุขอยู่ ก็ไม่จำเป็นต่อการบังคับใช้กฎหมายอีกต่อไป
นอกจากนี้ เมื่อเวลาประมาณ 20.00 น. วันที่ 27 ส.ค. ได้เกิดเหตุคนร้ายไม่ทราบจำนวน ได้ก่อเหตุเผาสถานที่ราชการ 2 แห่ง ใน จ.ปัตตานี จุดแรก เป็นโรงเรียนบ้านบาโงทูลง พื้นที่หมู่ 6 ต.เตราะบอน อ.สายบุรี จ.ปัตตานี ทำให้อาคารเรียนได้รับความเสียหาย จุดที่สอง คนร้ายได้ลอบวางเพลิงเผาสถานีอนามัยบ้านบาโละ ตั้งอยู่ที่ หมู่ 5 ต.ปะเสยาวอ อ.สายบุรี จ.ปัตตานี ทำให้อาคารได้รับความเสียหายบางส่วน นอกจากนี้ คนร้ายยังวางตะปูเรือใบ ตัดต้นไม้ริมถนน เผายางรถยนต์ วางวัตถุต้องสงสัยในทิศทาง ที่เกิดเหตุ ป้องกันการโจมตีของเจ้าหน้าที่สายบุรี