จี้เอาผิดพระดังทำของขลังลามก

ขุนแผนแสนเสน่หา


เซียนพระโวย พบโฆษณาขายเหรียญพระเครื่องกึ่ง "เรทอาร์" บนเวบไซต์ เป็นรูปหญิงกอดชาย ขณะที่อีกด้านเป็นรูปช้างสังวาสกัน จี้สำนักงานพระพุทธฯ เข้ามาจัดระเบียบ ฉุนย่ำยีพุทธศาสนา ด้าน ผอ.สำนักงานพระพุทธฯ เชียงใหม่ รับตรวจสอบให้ ชี้หากเป็นฝีมือพระทำขึ้นอาจมีโทษถึงขั้นให้ออกจากการเป็นพระ

การร้องเรียนถึงการจัดทำเหรียญโดยพระภิกษุที่อาจจะหมิ่นเหม่ต่อความเหมาะสม เปิดเผยโดย นายวีระพงศ์ ศรีวิชัย เซียนพระและนักจัดรายการโทรทัศน์เกี่ยวกับพระเครื่องใน จ.เชียงใหม่ ให้รายละเอียดถึงเรื่องนี้ว่า ขณะนี้มีพระเกจิจากทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือได้กระทำการไม่เหมาะสมต่อพระพุทธศาสนา ด้วยการสร้างเหรียญพระเครื่อง ชื่อ "ขุนแผนแสนเสน่หา" โดยด้านหน้าเหรียญดังกล่าวเป็นรูปผู้หญิงนั่งกอดผู้ชายเอาไว้ ส่วนด้านหลังยังมีรูปช้าง 2 ตัวกำลังผสมพันธุ์กัน


"คาถากำกับ ทั้งอังกฤษ-ไทย"


นอกจากนี้ ได้มีการประกาศโฆษณาขายลงบนเวบไซต์ ชื่อ www.Thai- com โดยมีการลงรายละเอียดที่มาของสถานที่ผลิต ระบุว่า ผู้สนใจสามารถติดต่อซื้อผ่าน หลวงพ่อสาย วัดนามวิจิตร จ.ศรีสะเกษ พร้อมกับบอกสรรพคุณและมีคาถาขุนแผนแสนเสน่หาเพื่อให้คนรักคนหลง ที่มีทั้งฉบับภาษาไทยและภาษาอังกฤษสำหรับชาวต่างประเทศ ได้ใช้ท่องกำกับเมื่อสั่งซื้อวัตถุมงคลดังกล่าวให้ฟรีด้วย โดยสามารถสั่งซื้อผ่านทางบัตรเครดิตได้

"จากการที่ผมได้พูดคุยกับเซียนพระ ต่างมองว่าเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม ซึ่งการสร้างพระเครื่องในรูปแบบที่ไม่เหมาะสมดังกล่าวถือว่าสร้างความเสื่อมเสียให้กับพระพุทธศาสนา นอกจากนี้ในส่วนของช้างนั้น ตามตำนานความเชื่อของชาวล้านนาถือเป็นสัตว์ชั้นสูง รวมทั้งเป็นพาหนะในการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ และยังเป็นเครื่องทรงของพระมหากษัตริย์อีกด้วย

ดังนั้น การนำช้างมาบรรจุในพระเครื่องที่ส่อไปในทางการทำเป็นเครื่องรางของขลังนั้นถือว่าไม่เหมาะสม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นการผลิตขึ้นโดยพระภิกษุจากวัด ก็ยิ่งไม่เหมาะสมเป็นอย่างมาก หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการดูแลศาสนาอย่างสำนักงานพระพุทธศาสนาฯ และหน่วยงานที่กำกับดูแลทางด้านศิลปวัฒนธรรม ต้องเร่งเข้าไปตรวจสอบโดยเร็ว เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน" นายวีระพงศ์ กล่าว


"เร่งดำเนินการตรวจสอบ"


นายจำลอง กิตติศรี ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า หลังจากได้รับแจ้งข้อมูลจากกรณีดังกล่าว จะทำการตรวจสอบเข้าไปยังเวบไซต์ดังกล่าว โดยเบื้องต้นจะต้องดำเนินการตรวจสอบว่า พระภิกษุที่ถูกอ้างถึงว่าขายวัตถุมงคลในเวบไซต์มีตัวตนที่แท้จริงตามที่ระบุไว้หรือไม่ หรือเป็นการแอบอ้างชื่อ หากพบว่าพระภิกษุที่ระบุว่าเป็น หลวงพ่อสาย วัดนามวิจิตร จ.ศรีสะเกษ ก็จะต้องถูกลงโทษ เนื่องจากถือว่าผิดพระธรรมวินัย และยังผิดกฎเถรสมาคม ที่มีมติห้ามมิให้พระสงฆ์ทำเครื่องรางของขลัง ซึ่งจะต้องผ่านไปสู่ขั้นตอนของการสั่งสอบสวนเพื่อตักเตือน หากไม่เลิกพฤติกรรมทำซ้ำอีกอาจถึงขั้นให้ออกจากการเป็นพระ

"ส่วนประเด็นของวัตถุมงคลที่มีการโฆษณาขายนั้น จะเข้าข่ายย่ำยีพระพุทธศาสนาหรือไม่นั้น จะต้องพิจารณาที่รูปแบบของวัตถุมงคลนั้นด้วย หากเป็นเพียงการทำเหรียญธรรมดาที่ไม่ปรากฏรูปพระพุทธรูป หรือพระพุทธเจ้าอยู่ในเหรียญนั้นด้วย อาจไม่เข้าข่ายที่จะไปดำเนินการเอาผิดกับผู้ผลิต ตามมาตรา 206 ซึ่งเป็น พ.ร.บ.อาญาเกี่ยวกับการย่ำยีพระพุทธศาสนาได้"


"เป็นเกจิสายเขมรโบราณ"


นายจำลอง กล่าวอีกว่า การนำเครื่องรางของขลังในลักษณะที่ไม่เหมาะสมมาโฆษณาขาย หรือให้สำหรับผู้สนใจได้บูชา รวมไว้ในหน้าเดียวกันกับพระเครื่องบนเวบไซต์นั้น แม้จะไม่มีมาตรการเอาผิดตามกฎหมายที่จะไปแจ้งความดำเนินคดีอาญาได้ แต่ถือว่าเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมต่อสายตาชาวพุทธ ดังนั้น ผู้เกี่ยวข้องทั้งผู้ผลิตเวบไซต์และผู้สร้างเครื่องรางดังกล่าวมาโฆษณาขายร่วมกับพระเครื่องนั้น ควรจะเลิกการกระทำเช่นนี้เสีย

อนึ่ง จากการสืบค้นทางอินเทอร์เน็ตพบว่า มีข้อมูลเชื่อมโยงหลายเวบไซต์ที่ระบุข้อมูลอ้างถึง หลวงพ่อสาย วัดนามวิจิตร จ.ศรีสะเกษ ว่าเป็นเกจิสายเขมรโบราณ มีความเชี่ยวชาญในการสร้างและปลุกเสกเครื่องรางของขลัง

ผู้สื่อขาวศรีสะเกษ รายงานว่า สำหรับ หลวงพ่อสาย ล่อสาย และวัดนามวิจิตร มีอยู่จริง โดยวัดดังกล่าวอยู่ในอำเภอที่เป็นเขตรอยต่อระหว่างไทย-กัมพูชา


"ต่อต้าน และช่วยกันสอดส่อง"


นายพยัพ คำพันธุ์ นายกสมาคมผู้นิยมพระเครื่องและพระบูชาไทย กล่าวว่า ที่ผ่านมานั้นมีนิตยสารบางฉบับลงโฆษณาให้เช่าวัตถุมงคลในลักษณะดังกล่าว จึงได้เรียกมาตำหนิแล้ว จากนั้นเจ้าของหนังสือมาขอโทษ พร้อมกับถอนโฆษณาออกทั้งหมด และเรียกร้องให้สื่อตระหนักถึงการรับโฆษณาวัตถุมงคลในลักษณะดังกล่าวด้วย ทั้งยังให้สมาชิกสมาคมสอดส่องไม่ให้เข้ามาจำหน่ายในศูนย์พระเครื่องพันธุ์ทิพย์ สาขางามวงศ์วาน อย่างเด็ดขาด รวมไปถึงศูนย์อื่นๆ ด้วย ซึ่งได้ผลเป็นที่น่าพอใจ

เช่นเดียวกับ นายสมศักดิ์ ศกุนตนาฏ ผู้อำนวยการสำนักพิมพ์คเณศ์พร ในฐานะประธานชมรมผู้สื่อข่าวและช่างภาพพระเครื่อง ยืนยันว่า ทางสมาคมต่อต้านมาตลอด โดยประกาศให้สมาชิกสมาคมอย่าไปยุ่งเกี่ยว หรือให้การสนับสนุนทั้งพระและวัดที่สร้างวัตถุมงคลในลักษณะดังกล่าวอย่างเด็ดขาด


แหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์